บทที่ 8
โดนหลัวหลอก NC++
ที่บอกว่ารักหลัววันละร้อยครั้งนั่นหน่ะนางขอคืนคำครึ่งหนึ่งแล้วกัน เพราะตอนนี้นางกำลังจะตาย!
ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงให้ความสว่าง ปรากฏร่างสองร่างอยู่ภายใน แต่สภาพของทั้งคู่ต่างกันเล็กน้อย ร่างบอบบางสวมชุดนอนวาบหวิวถูกมัดตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ใหญ่กว่าขาของนาง เบื้องหน้ามีบุรุษรูปงามสวมชุดที่เพียงกระตุกก็คงหลุดยืนใบหน้าบอกบุญไม่รับ สายตาเรียบเฉยไร้แววอาฆาตแต่กลับถือดาบเล่มยาวแกว่งไปมาขณะมองแมวขโมยที่จับได้เมื่อสักครู่
มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากราวกับภาพตัด เมื่อสักครู่นางยังอยู่ในบรรยากาศฟรุ้งฟริ้ง เพียงเสี้ยววิใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเย็น ไม่รู้ไปเอาเชือกมาจากไหน รัดนางตั้งแต่หัวจรดเท้ารวดเดียวแล้วรวบตัวมาในห้องนี้ทันที!
อ้าก! เจ้าเล่ห์นักนะกล้าหลอกให้นางตายใจเรอะ
“เอาล่ะ บอกมาเสียว่าใครส่งเจ้ามา เจ้าไม่ใช่ป๋ายอวี้ชิงที่ข้ารู้จัก ลัทธิของเจ้าเก่งเรื่องการแปลงโฉมงั้นหรือ” ปลายดาบถูกจ่อมาที่คอของนางอย่างหมิ่นเหม่จะทิ่มทะลุคอ กรี๊ด ท่านพี่อย่ากดเข้ามามันเหมือนกำลังจะทิ่มคอนางแล้วนะ!
“พูด!” น้ำเสียงกดต่ำ ขณะกดปลายดาบเล็กน้อยแต่นั่นมันก็มากพอทำให้ผิวบอบบางของนางมีเลือดไหลซิบ
“ทะ ท่านพี่ท่านใจเย็นลงก่อน ข้าหาใช่ตัวปลอมอย่างที่ท่านคิด ตัวข้าจะสามารถตบตาเทียนจวินหรือแม้แต่ท่านพี่ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร หากทำได้เช่นนั้นข้าไม่เปลี่ยนเป็นคนที่มีประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ” นางรีบยกยอปอปั้นคนตรงหน้านี่ทันที ทีนี้ก็เอาดาบออกไปได้แล้วเสียววุ้ย!
ท่าทีของจางเฉิงอี้ชะงัก ลดดาบลงเล็กน้อย เขาทำสีหน้าครุ่นคิด เป็นจริงอย่างที่นางว่าหากจะปลอมเป็นใครสักคนแล้วล่ะก็คนสุดท้ายที่จะคิดถึงคงเป็นตัวนางนั่นแหละ ป๋ายอวี้ชิงที่เห็นสายตาหลัวสุดที่รักเห็นดีเห็นงามก็แอบแยกเขี้ยว คิดว่านางไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเลยสินะ ใช่สิ๊! นางมันแค่นางร้ายที่สวยไปวันๆ นี่
อย่างน้อยก็สวยที่สุดล่ะกัน อึ๋มด้วย เชอะ
“ทำอะไรของเจ้า ทำกิริยาแปลกประหลาดไม่สมกับเป็นป๋ายอวี้ชิงอีกแล้ว ไม่ให้ข้าสงสัยได้เช่นไร!”
ดวงตาคมลอบมองสตรีประหลาด เมื่อจู่ๆ นางก็เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับแอ่นอก ดูเหมือนนางจะยังทำตัวสบายใจอยู่ ไม่รู้จักประมานตนเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร
“ย..หยุด! อ..อย่าเพิ่งโกรธข้านะ!” นางถลึงตากล่าวห้ามเมื่อเห็นท่าทีของเขากำลังจะชักดาบขึ้นมาอีกรอบ ฮือ ทำอะไรก็ไม่ดีในสายตาหลัวเลยสินะ ใช่สิคนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด
จางเฉิงอี้หยุดมือที่จะชักดาบขึ้น จ้องมองนางเขม่งราวกับกำลังให้นางรีบพูดจุดประสงค์ของนางมาเสียที
“ข..ข้าไม่ใช่ตัวปลอมอะไรทั้งนั้น ข้าก็คือข้า เพียงแต่เมื่อตอนที่สลบไปตัวของข้าฝันเจ้าค่ะ”
จางเฉิงอี้นิ่งเงียบตั้งใจฟังเหลือบมองดาบในมือที่ถือเอาไว้มั่น ถ้าหากนางตุกติกเมื่อไหร่เขาจะลงมือสังหารนางทันที ป๋ายอวี้ชิงแอบหวาดกลัวแต่เมื่อเห็นเปอร์เซ็นต์บนศีรษะหลัวแล้ว นางคงยังไม่ต้องตายด้วยฝีมือเขาในวันนี้ เมื่อมั่นใจเช่นนั้นนางจึงตัดสินใจโกหกคำโต
“ข..ข้าเพียงฝันประหลาด ฝันว่าท่านเป็นสามีของข้า หลงรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้น..” ยังไม่ทันจบประโยคนางก็รับรู้ได้ถึงรังศีอาฆาต เสียงชื้งจากดาบที่ถูกดึงจากฝัก นางสะดุ้งตาเหลือกรีบแก้ตัวแทบไม่ทัน “อ้าก ท่านพี่ใจเย็นก๊อน นะ นั่นแค่ฝันอย่างไรเจ้าคะ มะ ไม่ได้หมายความว่าท่านหลงรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ เสียหน่อย”
คนตัวเล็กขยับถอยหล่นจนชิดกำแพง ถลึงตามองดาบเล่มยาว เมื่อดาบนั่นมันใกล้เข้ามาถึงตัวนางแทบทุกที
ข..ขอโทษได้ไหมล่ะเจ้าคะ ฮึ่ย!
“รีบๆเข้าเรื่อง ก่อนข้าจะหมดความอดทน”
ป๋ายอวี้ชิงแอบแยกเขี้ยวใส่ หมั่นไส้นักคนรู้ทันเนี่ย
“..ข้าไม่ต้องการฝากชีวิตไว้กับคนที่วันหนึ่งอาจจะทำร้ายข้าอีกครั้งเจ้าค่ะ ไท่จื่อทรงคิดสังหารข้าจริง ในความฝันข้า เขาเป็นคนสังหารฆ่าข้าด้วยมือของเขา ก่อนจะหันหลังจากข้าทิ้งข้านอนจมกองเลือดไปกับสตรีอื่น”
“..เจ้าไม่คิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้างั้นหรือ”
“ทะ ท่านไม่ทำหรอกเจ้าค่ะ.. อย่างน้อยก็คงไม่ถึงตาย”
“ความคิดตื้นเขิน หากวันใดเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจขึ้นมาแล้วข้าพลั้งมือฆ่าเจ้าขึ้นมาเล่า ข้าไม่ใช่คนที่อดทนได้เก่งเท่าจิ่งเหอหรอกนะ ได้ยินเช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดจะตบแต่งกับข้าอยู่อีกหรือไม่”
“แต่งเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาท่านพี่ไม่เคยทำร้ายข้าเลยนี่เจ้าคะ ถึงข้าจะแอบร้ายใส่ท่านพี่ไปบ้าง..ก็ตาม ” นางตอบแทบจะทันควันทันทีที่เขาพูดจบประโยค ชั่วขณะหนึ่งที่นัยน์ตาสีอำพันวูบไหว ก่อนจะปรับเป็นเรียบเฉยดั่งเดิม
ที่จริงไม่ใช่แค่แอบร้ายหรอก แต่นางเนี่ยแหละที่เป็นคนทำให้เขาต้องถูกสั่งขังไปเกือบร้อยปี เพราะนางดันทำแผ่นป้ายหยกสำคัญหายเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่แล้วโทษเขา ยังไม่รวมถึงเรื่องที่นางตั้งแง่รังเกียจเขาเรื่องท่านแม่ของเขาสารพัด เหตุเพราะท่านพ่อและท่านแม่ของนางโดนปีศาจสังหาร
ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของท่านพี่นางเสียหน่อย นังนางร้ายนั่นมันกล้าโทษหลัวนางได้ไงห๊า!!
“ตะ..แต่ว่าอย่าใจร้ายกับข้าเลยนะเจ้าคะ ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ในฝันนั้นท่านดีกับข้ามากจนตื่นมาข้ายังหลงรักท่านอยู่เลยล่ะเจ้าค่ะ”
คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างจนตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว นางเคยรักกับเขาจริงๆนะถึงจะแค่ในเกมส์ก็ตาม อิอิ
“..หุบยิ้มน่าเกลียดนั่นเสีย”
“!” คนฟังรีบหุบยิ้มทันควัน เมื่อมีสันดาบที่ส่งมาจากหลัวสุดที่รักจิ้มปากของนางเป็นเชิงบอกให้ทำตาม
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววพอใจ เมื่อเห็นนางทำตามอย่างว่าง่าย ร่างหนายืนขึ้นเต็มความสูง เฝ้ามองนางอย่างพินิจน์ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ความรู้สึกของคนเราไม่สามารถเปลี่ยนกันได้เพียงชั่วข้ามวัน หรือเพียงแค่ฝันหรอก แต่ถึงกระนั้นดั่งที่เจ้าว่า ข้าไม่อาจขัดราชโองการของเทียนจวินได้ ถึงแม้ข้าจะทำได้แต่ข้าไม่อยากทำ เจ้าควรขอบคุณเทียนจวินให้มากที่เขาทำให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่โดยไม่ตายด้วยน้ำมือข้า”
ใบหน้าหวานฉายแววดีใจจนปิดไม่มิด ลืมเรื่องที่เขาบอกให้นางหุบยิ้มจนสิ้น ศีรษะเล็กเอียงคออย่างน่ารักขณะที่ริมฝีปากอิ่มเอิบฉีกยิ้มจนกว้าง นัยน์ตาคู่สวยมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย ถึงคำพูดจะโหดร้าย ดูชั่วช้ามากก็ตาม แต่พอพูดด้วยใบหน้าของท่านพี่แล้วนางจะยอมทำเป็นหูทวนลมให้สักครั้ง
“งื้อ ทำไงดีข้าดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย” ร่างเล็กโถมตัวไปข้างหน้าหาร่างสูง คนถูกมัดอยู่กระสับกระส่ายใจเต้นโครมคราม ท่านประมุขเผลอขยับถอยหนีอย่างหวาดระแวง แม้นางจะถูกมัดอยู่แต่ก็สามารถทำให้เขาตกใจเอาเสียได้!
“อย่ามายุ่งวุ่ยว่ายกับข้าแล้วกัน เพราะข้าไม่มีทางเชื่อใจสตรีเช่นเจ้า!”
คนตัวสูงกล่าวเสียงต่ำ พลางเซหน้ามองไปทางอื่น เมื่อผ้าคลุมบางไม่ได้คลุมทั้งหมดบนตัวของนาง ส่วนอวบอัดที่ใหญ่เกินตัวของนางกำลังขยับไปมาตรงหน้าของเขา ให้ตายเถอะนางไม่คิดจะระวังตัวบ้างเลยรึอย่างไร
ถึงหลัวจะพูดแบบไร้เยื่อใยตอนนี้ก็ไม่เป็นไร จะทำให้หลงรักให้ได้เลยคอยดูเถิด ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสุดกร้าวใจด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ท่านพี่..” น้ำเสียงหวานออดอ้อน พลางขยับร่างกายเข้ามาหา
“อะไร”
“อันที่จริงข้ามีความลับจะบอกเจ้าค่ะ.. เขยิบมาใกล้ๆ สิเจ้าคะ”
คำพูดของนางราวกับกำลังล่อลวงเขาอย่างไรชอบกล แต่น่าแปลกที่เขากลับทำตามคำขอของนางอย่างไม่อิดออด
“หากมันเป็นเรื่องไร้สาระอีกข้าจะ-”
“จุ้บ เดี๋ยวท่านต้องรักข้าแน่เจ้าค่ะ”
เมื่อคนตัวสูงยอมย่อตัวลงมาใกล้นึงจนถึงระยะ ไม่รอให้เขาได้ทันพูดจบ ใบหน้าเล็กรีบพุ่งตัวฝังจมูกลงบนแก้มสากอย่างรวดเร็ว จางเฉิงอี้เบิกตากว้างมองกระทำน่าอายของนางอย่างอึ้งๆ ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดอีกรอบ
“นี่จะ-”
“จุ้บ ข้าน่ารักถึงเพียงนี้ท่านจะไม่หลงได้อย่างไร” คราวนี้เป็นริมฝีปากหยักที่โดนกระทำย่ำยี คนทำฉีกยิ้มขี้เล่น ในขณะที่จางเฉิงอี้ถลึงตามองนาง
“เจ้าบังอา-!”
“จุ้บ เนอะ”
ไม่ทันให้เขาตั้งตัวคนตัวเล็กช้อนตัวสัมผัสริมฝีปากของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้นางส่งเสียงคิกคักชอบใจเมื่อเห็นคนตัวโตกว่าไปต่อไม่ถูก จางเฉิงอี้ขบสันกรามแน่นเจ็บใจที่ถูกทำราวกับเขาเป็นเพียงเด็กน้อยเช่นนี้
“เจ้าเป็นคนเล่นเช่นนี้ก่อนนะป๋ายอวี้ชิง”
“อื้ออ!”
มือสากสอดเข้าที่ผมนุ่มดันนางเข้าหา ก่อนริมฝีปากหนาฉกเข้าบดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มทันที รสชาติขมที่ปลายลิ้นจากฤทธิ์สุราทำให้นางรู้สึกมึนเมา ความร้อนชื้นจากลิ้นนุ่มรุกล้ำเข้าสำรวจในโพลงปากหวาน ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรงจนนางตกใจเผลอเผยอปากปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาอีกครั้ง
ใบหน้าหวานถูกยกเชิดขึ้นด้วยฝ่ามือหนา มืออีกข้างคว้าเอวคอดก่อนรวบให้ขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ตัวของนางเบากว่าที่เขาคาดไว้มาก เสียงดูดกลีบปากบางและเสียงชื้นแฉะของลิ้นที่เกี่ยวพันเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าอาย
“แฮ่ก..ก ท่านพี่ อื้ออ”
เสียงหวานครางเสียงประท้วงเมื่อนางรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือสากลูบไล้สัดส่วนเว้าโค้ง ภายนอกนางดูบอบบางแต่เมื่อสัมผัสแล้วกลับเต็มไม้เต็มมือไปทุกสัดส่วน ร่างบางไหวสั่นยามสัมผัสร้อนลากผ่านสะโพกกลมกลึง
นางรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถขยับตัวได้ เขายังคงมัดนางเอาไว้ด้วยโซ่ขณะที่กำลังเล่นกับร่างกายของนางไม่หยุด ริมฝีปากหนายังไม่ละออกจากกลีบปากนุ่ม มือเลื่อนบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงภายใต้เนื้อผ้าบาง ในขณะที่อกอวบอัดถูกอีกมือเคล้นคลึงจนเนื้อนิ่มล้นขึ้นมาตามง้ามนิ้ว
“อื้อออ” นางเริ่มหายใจไม่ออก
ร่างเล็กหายใจติดขัดเมื่อเขาไม่ยอมถอนจูบหนักหน่วง ยิ่งเขาสัมผัสนางหนักหน่วงเท่าไหร่ ส่วนล่างของนางรู้สึกบิดเกรียวอย่างแปลกประหลาด นี่คือความเสียวที่นางไม่เคยสัมผัส
“แฮ่ก..ก แฮ่ก”
“เจ้าลืมไปหรือไม่ ว่าข้าก็มีขีดความอดทนของข้า”
จางเฉิงอี้ถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง คนตรงหน้ากดพูดเสียงต่ำ สายตาของเขาตอนนี้น่ากลัวราวกับสัตว์ป่า นัยน์ตาอำพันวาวเป็นประกายในความสลัว ขณะมือยังคงบีบเคล้นสะโพกงามงอนและอกอวบไม่หยุด ไม่รอให้นางได้พักหายใจ ใบหน้าคมคายโน้มลงประกบริมฝีปากหนักๆ เข้ามาอีกครั้ง เสื้อคลุมถูกถอดออกกองไว้ที่ช่วงแขนเผยร่องอวบอัดเบียดเสียดกันอยู่ภายใต้เนื้อผ้าเกาะอกสีขาว
“อื้ออ ท่านพี่..”
เสียงหวานครางกระท่อนกระแท่นเมื่อเขาละจากริมฝีปากนางตรงเข้าขบเม้มที่ซอกคอและเนินอกขาว นิ้วสากถอดหล่นปราการชิ้นสุดท้ายของนางออกช้าๆ เผยยอดอกสีสวยล่อให้เขาลิ้มลอง
“อ๊าา!”
ใบหน้าหวานเชิดหน้าครางเสียงกระเส่าออกมาเมื่อริมฝีปากร้อนที่ไล้เลียอยู่เนินอกเมื่อครู่กำลังไล่ลงเล้าโลมที่อกคู่อวบ ร่างบางเกร็งกระตุก เมื่อเขาละเลงลิ้นร้อนชื้นลงบนยอดปลายถันของนาง ในขณะที่ฝ่ามือกอบกุมอกอีกข้างหนึ่งและใช้นิ้วเขี่ยยอดปลายถันของนางจนแข็งเป็นไต
เสียงดูดดึงน่าอายดังทั่วทั้งห้อง ริมฝีปากบางเม้มแน่นสลับร้องครางกระเส่าเมื่อถูกปลนเปลอจนร่างอ่อนระทวย รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นระหว่างขาของตนเอง
“อ้ะ! ..ท่านพี่”
ป๋ายอวี้ชิงร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาผลักนอนลงบนพื้นเย็น เขาตามเข้ามาทาบทับ สองมือแกร่งวางไว้ที่ว่างข้างลำตัวของนางในขณะที่ร่างหนาแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างเรียวขา สัมผัสแข็งขื่อกำลังแตะตรงส่วนล่างของนาง
“สงสัยว่าข้านั้นจะมัวเมาในรสสุราเสียแล้ว”
เสียงทุ้มกล่าวกระซิบแหบพร่า พาคนฟังให้ใจกระตุก นัยน์ตาหงสำรวจเรือนร่างงดงามตรงหน้า ทำเอานางต้องเบนหน้าหนีด้วยความอับอาย นางไม่อาจกล่าวสิ่งใด ใบหน้างามเห่อร้อนในหัวขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออก ทำได้เพียงนอนนิ่งรับสายตาจาบจ้วงจากคนบนร่าง
“อื้ออ”
ริมฝีปากเม้มแน่นเมื่อนิ้วสากเล่นวนที่ยอดปลายถันชื้น ขณะที่ใบหน้าคมคายโน้มดูดดึงยอดอกสีสวยอีกข้างอย่างแรง มือหนาลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบไล่ผ่านเรียวขาขาวล้วงสัมผัสตรงส่วนลับอวบนูน
“อ๊าซ์!”
เสียงหวานครางเสียงหลงเมื่อเขากำลังลูบไล้ส่วนล่างของนางไปมา นิ้วแหวกผ่านผ้าซับผืนเล็กเข้าไปสัมผัสนุ่มหยุ่น ในขณะที่ลิ้นยังคงละเลงปลาดถัน ร่างเล็กกระตุกถี่ใบหน้าหวานเผยอปากร้องครางเสียงกระเส่า เมื่อนิ้วสากกำลังพยายามแทรกผ่านช่องทางที่ปิดสนิท
“อ้ะ ท..ท่านพี่ ข้าเจ็บ”
“อื้ม อดทนหน่อยหากไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะรับตัวตนของข้าได้อย่างไร”
คิ้วหนาขมวดแน่น ข่มความกำหนัดของตนเอาไว้อย่างยิ่งยวดเมื่อเห็นท่าทางไร้เดียวสานั่น เขาเกือบจะกระชากนางขึ้นมาแล้วสอดใส่ตัวตนเข้าไปแล้ว นิ้วสากสอดใส่เข้าไปเพียงหนึ่งนิ้ว ภายในของนางตอดรัดถี่ ขณะที่ใบหน้าสวยเหยเก ดวงตาปรือมองการกระทำของเขาอย่างเขินอาย
“อ๊า ม..มันแน่นเจ้าค่ะ”
“อย่าเกร็ง”
เขากล่าวเสียงทุ้มขณะเอื้อมมือหนาไปใต้เสื้อผ้าของตน ควักท่อนลำอวบยาวกว่าเจ็ดชุ่นขึ้นมา มองร่องสีหวานที่กำลังกลืนกินนิ้วเขาด้วยความกำหนัด
“อ๊ะ อ้ะ อ๊า.. ข้ารู้สึกแปลกๆ อื้มม”
ป๋ายอวี้ชิงครางไม่ได้ศัพท์เมื่อเขาเริ่มขยับนิ้วขณะที่ปลายยอดสีหวานถูกเขาละเลงด้วยลิ้นร้อน สะโพกงอนคลอนรับลิ้นร้อนนิ้วหนาถอนออกจากร่องสวาทแล้วเปลี่ยนเป็นเบะเนื้อนุ่มหยุ่นให้อ้าออกจนเห็นโพลงเล็ก ก่อนแทรกลิ้นหนาเข้าไปชมความหวาน
ในขณะที่มือหนากอบกุมท่อนลำที่แข็งจนปวดหนึบของตนก่อนจะชักขึ้นลงตามอารมณ์กำหนัดที่พุ่งสูง
“อื้ออ..อ๊ะ อ๊า”
เสียงแฉะชื้นน่าอายดังคลอกับเสียงครางหวาน ฝ่ามือหนาเร่งความเร็วชักขึ้นลงถี่เร็วเมื่อความเสียวรวมอยู่ที่ปลายหัว
“อืม..”
ใบหน้าละออกจากบุปผางาม สันกรามขบแน่นจนปูดนูน ในขณะที่มือเร่งความเร็วตรงแก่นกาย เสียงครางต่ำในลำคอ เขาชักสองสามทีก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นเต็มเรือนร่างขาวผ่อง เขาหายใจหอบ มองคนตัวเล็กใต้ร่างที่หลับตาพริ้ม หน้าอกกระเพื่อมอย่างหนัก
เขาจัดการเช็ดและสวมเสื้อผ้าให้กับนาง ก่อนจะช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ใบหน้างดงามหลับตาพริ้ม ลมหายใจเริ่มคงที่ นางคงหลับสนิทไปแล้ว
“...”
จางเฉิงอี้ไม่ได้พูดอะไรเพียงลอบยิ้มมุมปาก หากตื่นมาแล้วนางอยู่ในเรือนของเขา ลู่จิ่งเหอจะมีสีหน้าเช่นไรกันนะ เขาอยากรู้นัก