บทที่ 7
แม่นางเอก คนนั้นหน่ะของข้า
ตกดึกคืนนั้น… หลังจากนางไปดูอาการของเสี่ยวตั๋น และพบว่านางดีขึ้นมากแล้วจึงวางใจ เตรียมตัวไปตำหนักตัวร้ายของนางทันที
ที่รักข๋ารอภรรยาสักครู่..!
“องค์หญิงจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ..”
เงาของสองร่างวิ่งสับฝีเท้าอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังตำหนักปีกซ้าย อันเป็นที่พักของประมุขเฉิงอี้
นี่ก็เลยมาถึงยามโฉ่ว (01:00 - 02:59) แล้ว กว่านางจะหลบหลีกทหารเฝ้าประตูที่เทียนจวินส่งมาได้เล่นเอาหอบแทบหมดแรง! หากนางไปช้าแล้วความชอบต่อแม่นางเอกนั่นเพิ่มขึ้นเล่า นางจะเอาหัวไปไว้ที่ไหนอีก แค่ตอนนี้หลัวของนางก็ไม่ชอบขี้นางจนความชอบติดลบไปแล้ว
ใบหน้าสะคราญมีเหงื่อไรผุด ปากขาวขบริมฝีปากแน่น วิ่งมาเหนื่อยสายตัวแทบขาด นางลองใช้วิชาตัวเบาแล้ว แต่ไม่รอดลอยกลางอากาศได้แปปเดียวก็ร่วงลงมา นึกถึงตอนนั้นแล้วนางคงขยาดกับวิชาตัวเบาไปอีกหลายวัน นางกลัวความสูง!
ลำบากอู่ชุนวิ่งวุ่นรับตัวนางอีก และที่นางไม่ให้อู่ชุนอุ้มนางไปก็เพราะตัวใหญ่โตของเขาอาจเป็นจุดสนใจได้ ตอนนี้นางเลยต้องมาวิ่งมาราธอนข้ามเขาเพื่อไปหาหลัวแทน!
“อาชุน จงวิ่งให้เร็ววิ่งแบบอาตูนฉีเลย!!” สองมือยกกระโปรงขึ้นเหนือเข่า ก่อนจะสตาร์ทออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว ทิ้งอู่ชุนนิ่งงัน อาตูนฉีคือผู้ใดอีกพ่ะย่ะค่ะ!
“อะ องค์หญิงอย่าถกกระโปรงขึ้น!”
เขาอยากจะห้ามปรามแต่นางก็วิ่งออกไปไกลเสียแล้วทำให้อู่ชุนทำอะไรไม่ได้ นอกจากวิ่งตามองค์หญิงของเขาไปติดๆ
กึก!
จู่ๆร่างที่วิ่งอยู่ก็ชะงักฝีเท้าลงจนฝุ่นตลบ มือเล็กยกขึ้นเสยผมเพราะร้อน ก้มมองหน้าอกหน้าใจของตน คนหน้าอกใหญ่เขามีปัญหากันเช่นนี้เอง
“แฮ่กๆ หนักนมชะมัดวุ้ย” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ
ทางด้านอู่ชุนที่ตามมาติดๆเห็นองค์หญิงหยุดวิ่งลง จึงชะลอฝีเท้า สงสัยนางคงไม่คิดจะไปแล้วในเมื่อองค์หญิงรังเกียจท่านประมุขจะตายไป
“อู่ชุน ตำหนักท่านพี่ไปทางไหนนะ!” ใบหน้างามหันมาทางด้านหลังเก้ๆกังๆ ก่อนจะกล่าวเสียงหอบ
“ทะ ทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ผิดคาด นอกจากขอร้องให้เขาบอกทางแล้ว ยังสั่งให้วิ่งสุดแรงเกิดอีกด้วย
ไม่ถึงครึ่งเค่อนางเริ่มเห็นกำแพงที่ก่อตัวจากพุ่มไม้เลื้อยอยู่ไม่ไกล บริเวณโดยรอบถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาสูง ตรงกลางหุบเขาเป็นพื้นที่ราบ โดยมีตัวตำหนักสีขาวหยกตั้งเด่นอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางสวนดอกไม้และลำธาร
อาณาเขตปีกซ้ายนั้นกว้างขวาง แต่เนื่องจากจางเฉิงอี้ไม่ชอบให้คนเข้ามาวุ่นวายภายในเขตของเขา นางจึงไม่เห็นทหารเฝ้าประตูหรือทหารผลัดเวรกันตรวจตราตรงจุดนี้เลย
ก็ดีจะได้เข้าไปง่ายๆ ..
“องค์หญิงจะเข้าไปจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าไม่ต้องตามข้ามาก็ได้ ข้าไปแปปเดี๋ยว!” ไม่รอช้า นางรีบตรงปรี่เข้าไปยังสวนข้างใน อู่ชุนถอนหายใจให้กับความดื้อรั้น ก่อนจะรีบตามเข้ามาติดๆ
“รอกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
กลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่ว ผีเสื้อเรืองแสงอ่อนกางปีกหยอกล้อเล่นกับสายลมหนาว ลานดอกไม้สีเงินตัดกับสีชมพูอ่อนปลูกสลับเป็นขั้นสวยงาม โดยตรงกลางจะมีศาลาสีขาวสะอาดตั้งเด่นอยู่ริมน้ำ
เมื่อเพ่งมองผ่านความมืดดีๆแล้วนั้น ภายในศาลาปรากฏเงาใครคนหนึ่งนั่งอยู่ แสงจากพระจันทร์ส่องให้เห็นบุรุษรูปงามจนใจเจ็บ
ร่างสูงโปร่งนอนเหยียดกายชันเข่า หลังพิงพนักไม้ ขณะสายตาเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ผมยาวสีดำขลับปล่อยสยายกลางหลัง ในมือถือจอกที่มีน้ำขาวล้นอยู่ในถ้วย ข้างกายมีไหสุราว่างเปล่าวางเกลื่อน ดูท่าคืนนี้เขาจะนอนไม่หลับอีกเหมือนเคย ป๋ายอวี้ชิงหน้ามุ่ย อยากเป็นยานอนหลับให้หลัวแต่ตอนนี้ขอขวางแม่นางเอกให้ได้ก่อนนะหลัวข๋า!
สายตาเพ่งมองอย่างสำรวจอีกรอบ ไหนๆ ก็มาแล้วขอมองต่ออีกหน่อบได้ป่ะ ฮุฮุ คอยาวชะเง้อมองผ่านพุ่มไม้
เขาสวมชุดคลุมสีดำสนิท เสื้อคลุมตัวร้ายแหวกกว้าง เผยอกเปลือยเปล่าและยอดอกสีชมพูอ่อน ผิวซีดแต่น่าลูบไล้ ขับมัดกล้ามหน้าท้องเป็นรอนสวยไล่ลึกจนถึง …วีเชฟใต้สะดือ
โพละ! เลือดกำเดากระฉูด
"องค์หญิง!”
ใบหน้างามเห่อร้อน อุณหภูมิในร่างกายสูบฉีดจนเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก อู่ชุนรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้ นางรับเอาไว้ก่อนจะนำมาพันอุดเลือดที่จมูกของตน ในขณะสายตาไม่รักดีมันยังไม่ยอมละไปจากแผงอกล่ำสุดกร้าวใจ
ดวงตากลมจ้องเขม่งไปยังเศษผ้าน้อยชิ้นที่ปกปิดร่างกายน่าปู้ยี้ปูยำนั่น เขาขยับตัวทีก็ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มที อ้าก!
‘จ..เจ้าเศษผ้านั่น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ขยับลงไปหน่อยสิ’
“....” อู่ชุนชะงัก เหมือนเขากำลังได้ยินเสียงแฮ่กๆ ดังมาจากคนข้างกาย เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าองค์หญิงของนางกำลังมีสีหน้าหื่นกามน่ากลัว!
“อะ องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง!”
“อุ๊ย ขะ ข้าเปล่าทำอะไรนะ” อู่ชุนกระแทกเสียงกระซิบเรียกคนข้างกาย คนตัวเล็กตกใจที่ถูกจับได้ รีบหันกลับมาตอบด้วยสีหน้าเหลอหลา
เปล่านะ ไม่ได้ตั้งใจแอบมองเลย มันโผล่มาให้นางเห็นเองต่างหาก..
“....”
ใบหน้านั่นกำลังบอกนางว่าไม่ทันแล้ว.. ป๋ายอวี้ชิงหน้าเห่อร้อน ตวัดสายตากลับมา เลือกจะไม่มองเรือนร่างน่ากินนั่น ก่อนจะรีบแก้ตัว
“ก..ก็มันทิ่มตาข้าขนาดนั้น จะให้ข้ามองอะไร!”
“...พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเข้าใจ…” เสียงตอบกลับเอื่อยเชื่อย
กรี๊ด! สายตาที่บอกว่านางแก้ตัวและบ้ากามนั่นมันคืออะไร! ป๋ายอวี้ชิงหน้าขึ้นสี หมดกันภาพลักษณ์ที่สง่าขององค์หญิงของนาง นี่มันน่าอายจริงๆ!
“นะ นี่ มันก็มืดค่ำแล้ว เหตุใดข้ายังไม่พบนางอีก รึข้าจะมาช้าไป” ป๋ายอวี้ชิงกล่าวเปลี่ยนเรื่อง ขณะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่หันกลับไปมองแผงอกล่ำบึก
“ท่านมั่นใจหรือว่านางจะมาหาท่านประมุขจริงๆ น่ะพ่ะย่ะค่ะ”
อู่ชุนสังเกตเห็นสีหน้าเลิกลัก ดวงตาของนางลุกลี้ชอบกล มือบางกำหมัดจนแน่น เขาเบนสายตากลับไปมองยังร่างเปลือยอกบนศาลา หากได้เห็นหุ่นเช่นนั้นแล้วไม่รู้สึกอะไรก็คงผิดปกติแล้วล่ะ
อืม..องค์หญิงของเขาเริ่มเติบโตขึ้นมาบ้างแล้วสินะ เห็นทีต้องหาตำราลับมาให้นางบ้างแล้ว ดูเหมือนว่านางจะสนใจ
“เชื่อข้าสิ เซ้นส์สตรีนั้นแรงนักเจ้าคงไม่รู้”
ป๋ายอวี้ชิงยืดอกตอบอย่างมั่นใจ “เจ้าหน่ะยังไม่รู้อะไร เห็นใสๆ เรียบร้อยๆ ดูเงียบๆ แต่ฟาดเรียบเชียวนะ!”
ฟาดเรียบ.. อู่ชุนชะงัก ใบหน้ากลมส่อแววสงสัย เขาได้เรียนรู้คำใหม่จากนางในวันนี้อีกแล้ว
“ข้าละอยากวิ่งไปบังแผงอกล่ำนั่นจัง ทำไมแม่นางเอกถึงได้เห็นของดีบ่อยกว่าข้าล่ะ คนเขียนไม่ยุติธรรมเลย ทำไมมีแค่ข้าที่ไม่ได้แอ้มผู้ชาย! ข้าอิจฉา”
ใบหน้าเล็กบึ้งตึง นางควรจะได้เห็นและสัมผัสมันก่อนเส้! อู่ชุนไม่รู้ว่าควรทำหน้างุนงงว่านางเอกที่องค์หญิงหมายถึงคือสิ่งใดหรือตกใจที่นางบอกยังไม่เคยแอ้ม..? ผู้ชายกัน ส่วนคำว่าแอ้มของนาง คงหมายถึงล่อลวงกระมัง
ตั้งแต่องค์หญิงบาดเจ็บสาหัสและฟื้นได้สติ เขาก็มีเรื่องให้คิดหนักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะคำพูดที่เขาและเสี่ยวตั๋นต้องนำมาเรียบเรียงใหม่ ไหนจะท่าทางที่แปลกไป
ในขณะที่อู่ชุนครุ่นคิดอยากหนักหน่วง ร่างของเขาก็ถูกมือเล็กกระชากให้หลบลงต่ำ
“!”
“อะ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ!”
นัยน์ตากลมคู่สวยมองจางเฉิงอี้ไม่ละสายตา ในความมืดชั่วครู่หนึ่งที่นางสังเกตเห็นนัยน์ตาสีทองนั้นจ้องมาที่นาง ไวเท่าความคิดนางรีบดึงอู่ชุนให้หลบหลังพุ่มไม้ อู่ชุนมองตามสายตาขององค์หญิง พบว่าท่านประมุขกำลังจ้องมายังที่ที่พวกเขาแอบอยู่!
“!”
“!”
ทั้งสองเผลอกลั้นหายใจ รีบกดหัวลงต่ำจนปากจะจุ่มพื้น ป๋ายอวี้ชิงกะพริบตาถี่ๆ เล็บเผลอจิกลงบนแขนตัวเอง พลางคิดว่านางอาจจะกำลังเข้าใจผิด และเป็นดังนั้นเมื่อเขาหันกลับไปโดยไม่ได้เอะใจอะไร
ฮู่ว หากถูกจับได้มีหวังได้ตายหยั๋งเขียด
ผ่านไปนานกว่าสองเค่อ
ป๋ายอวี้ชิงเริ่มกระวนกระวาย แล้วถ้าพวกเขาพบเจอกันแล้วเล่า! แล้วถ้าเกิดจริงๆ แล้วนางมาไม่ทันขัดขวางแล้วท่านพี่ของนางชื่นชอบตัวของแม่นางเอกไปแล้วเล่า!
ในตอนนั้นเองที่หางตาเหลือบไปเห็นเงาตะคลุ่มๆ อีกฝั่งของสวน ห่างไกลจากศาลาอยู่หลายก้าว แต่ใกล้กันกับที่ทางกำลังนั่งอยู่
หญิงสาวสวมชุดสีขาวสะอาดตา ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตากระเบื้องแหวกพงหญ้าเข้ามาถึงภายใน คิ้วเรียวขมวดมุน มองซ้ายมองขวาด้วยใบหน้าสงสัย นางกำลังเดินทางกลับจากโรงเตี๊ยมพร้อมหรางหยาน อยู่ๆก็คลาดกันและมาโผล่ที่นี่เสียแล้ว
นางมองไปรอบๆ ตัวก็พบกับสวนดอกไม้งดงามขนาดใหญ่ หากได้ยินมาไม่ผิดนี่อาจเป็นตำหนักฝั่งซ้ายของท่านประมุขเฉิงอี้
ทางด้านป๋ายอวี้ชิงที่เห็นก็ยิ้มร่า ลอบมองไปยังศาลาไกลๆ ก็เห็นว่าเขายังคงดื่มสุราอยู่โดยไม่ทันสังเกตถึงการมาของแม่นางเอก
ดีล่ะ นางจะเป็นคนพาคนหลงนี่กลับไปเองหลัวข๋า!
“เจ้าคงหลงทาง”
นางเปิดบทสนทนา ในขณะที่เดินเข้าไปใกล้ หลินลี่ฟานได้ยินเสียงของผู้มาใหม่ก็ดีใจ ฉับพลันใบหน้ากลับซีดเซียวลงเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดเดินเข้ามา
ร่างบอบบางในชุดนอนสีขาววาบหวิวกรีดกรายเข้ามาหานาง ใบหน้างดงามหมดจดจับจ้องมาที่นางไม่วางตา
‘องค์หญิงป๋ายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร’
หลินลี่ฟานคิด มองไปรอบตัวก็พบว่าที่นี่คงเป็นตำหนักของท่านประมุขจางเฉิงอี้ คราแรกนางตั้งใจจะเข้าไปถามทางเพื่อกลับยังจวน แต่กลับเจอองค์หญิงป๋ายทันทีราวกับรอนางอยู่ก่อนแล้ว
นางลอบมองหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานก็รู้สึกหวาดกลัว
ป๋ายอวี้ชิงมองแม่นางเอกที่กำลังตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสาร
‘เอากับนางสิ จะกลัวอะไรขนาดนั้น ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายนางเสียหน่อย’
นางเดาะลิ้นอย่างขัดใจก่อนจะกล่าวกับแม่นางเอกแสนบอบบางนี่ “เรือนศิษย์ของสำนักอยู่ทางโน้น หากกลับไปทางเดิมเดินลึกตรงไปอีกหน่อยคงพบกับประตูของสำนักใช่หรือไม่อู่ชุน” นางชี้ไปยังอีกฟากของหลังกำแพง พลางหันไปถามความเห็นจากบ่าวข้างกาย เรื่องที่นางรู้เส้นทางก็มาจากอู่ชุนเนี่ยแหละ
ส่วนอู่ชุนเองก็ให้ความร่วมมือ พยักหน้าหงึกๆตอบคำถามนางอย่างแข็งขัน
“เดินกลับไปทางเดิมเสีย หรางหยานคงกำลังหาเจ้าให้วุ่นอยู่”
แค่เดินกลับไปทางเดิมยังคิดไม่ได้ นิยายเฮงซวยนี่คิดจะปูให้แม่นางเอกอ่อยหลัวนางให้ได้เลยรึไงกัน ขัดใจชะมัด
ฮึ่ม..
“คะ คือว่าข้า” นั่น.. ยังมายึกยักอีก! คิ้วเรียวขมวดมุ่น ลดนิ้วที่ชี้ไปอีกฝั่งก่อนจะกอดอกหันไปพูดกับอู่ชุน
“อู่ชุนดูเหมือนว่านางจะกลับเองไม่ได้ เจ้าช่วยพานางกลับไปส่งยังหน้าสำนักที”
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
“แต่ว่า..” หลินลี่ฟานลอบมองไปยังศาลา แต่ก็ถูกป๋ายอวี้ชิงขยับตัวเข้ามาขวางไว้อย่างเนียนๆ จะมองอะไรย้ะ ความกร้าวใจของหลัวนางนางต้องได้เห็นแค่คนเดียว!
“ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหากใครมาพบเห็นเจ้าในที่แห่งนี้เจ้าจะต้องถูกลงโทษแน่ และมันคงไม่เหมาะเท่าไหร่สำหรับสตรีงดงามเช่นเจ้ามาเดินตัวคนเดียวในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ ดีจริงๆ ที่ข้ามาเจอเจ้าก่อน เอาล่ะ ข้าจะให้อู่ชุนพาเจ้ากลับสำนัก เขาไม่ทำอะไรเจ้าหรอกไม่ต้องกลัว”
ป๋ายอวี้ชิงพูดยาวเหยียดและตัดบทโดยส่งสายตาให้อู่ชุนพานางกลับไป
กลับไปเร็วๆ ชิ้วๆ
“เชิญแม่นางหลิน”
ป๋ายอวี้ชิงผายมือไปทางด้านหลังของนาง หลินลี่ฟานจำต้องยอมเดินออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลางมองใบหน้างดงามขององค์หญิงที่ยิ้มกว้างส่งมาอย่างแปลกใจ นางดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป เสียงกระซิบหวานใสดังขึ้นเบาๆ ด้านหลังพอให้หลินลี่ฟานได้ยิน “คนนั้นหน่ะของข้า ส่วนไท่จื่อหน่ะของเจ้า เจ้าเอาไปได้เลย โอเค๊”
“!”
หลินลี่ฟานหยุดชะงัก ยกไท่จื่อให้งั้นหรือ ส่วนท่านประมุขเป็นของนาง.. ความรู้สึกไม่พึงพอใจสายหนึ่งเกิดขึ้นภายในใจ นางไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงเดินตามอู่ชุนไปเงียบๆ เมื่อเห็นแผ่นหลังของทั้งคู่หายลับไปจากสายตาจึงทำให้ป๋ายอวี้ชิงวางใจ
ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง ดีจริงที่อู่ชุนมาด้วย หากนางต้องพาแม่นางเอกไปเองคงต้องมีปากเสียงกับพ่อหรางหยานผู้นั้นอีกเป็นแน่ ก็เขาไม่ชอบนางร้ายเช่นนางเข้าไส้เลยนี่
“ชิส์ ข้าออกจะสวย แค่นิสัยเสียไปหน่อยเอง!”
ป๋ายอวี้ชิงลอบแอบแยกเขี้ยวหมั่นไส้ ก่อนยกยิ้มกว้างเมื่อนางขัดขวางการเจอกันครั้งแรกของพวกเขาสำเร็จ สายตาแอบมองหาร่างสูงที่น่าจะอยู่ตรงศาลา
โอเค เขายังคงนอนอยู่ที่เดิม แต่ทำไมต้องหล่อขนาดนั้นด้วย นอนได้สภาพน่าฉุดกระชากมากพ่อ แต่นางก็ต้องอดทนไว้ก่อนหากผลีผลามเข้าไปอาจจะโดนฆ่าเอา
แค่คิดก็เศร้าใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นดอกไม้สีชมพูสว่างดอกหนึ่งไม่ไกล ไหนๆ ก็ได้มาเยือนตำหนักหลัวสักที แอบเอาอะไรติดไม้ติดมือเป็นของแทนใจสักนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร
ว่าแล้วก็นั่งยองๆ ก่อนจะเด็ดดอกไม้นั่นขึ้นมาดม
“ดอกไม้ในสวนของหลัววว”
เสียงเล็กหวานที่กำลังหัวเราะกระซิกเบาๆจำต้องกลืนเสียงลงไป เมื่ออยู่ๆก็มีเงาหนึ่งพาดผ่านลงมาจากด้านหลังของนาง กลิ่นหอมของต้นสนอ่อนๆลอยแตะจมูก พร้อมกับระลอกเสียงนุ่มทุ้มเหนือศีรษะ
“เจ้าแมวขโมย ข้าจับเจ้าได้แล้ว”
“กรี๊ดแม่ร่วง!”
คนถูกจับได้ใจหายไปถึงตาตุ่ม นางเงยหน้าขึ้น สบกับดวงตาสีเหลืองอ่อนอยู่ในระยะประชิด จมูกรั้นสัมผัสเฉียดโดนจมูกโด่งสันของเขาแผ่วเบา ลมหายใจอุ้นร้อนรดรินบนใบหน้า เส้นผมดำนุ่มส่งกลิ่นหอมปนกับกลิ่นสุราละบนไหล่มนของนาง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยและเย็นชา ขับดวงตาคู่นั้นให้ยิ่งน่าหลงใหล จางเฉิงอี้กระตุกยิ้มมุมปาก
ตึกตัก
“แฮะๆ ทะ ทักทายเจ้าค่ะท่านพี่”
ใบหน้าสวยยิ้มแห้ง โดนเขาจับได้เสียแล้ว!
ดวงตาคมกริบมองสำรวจไปที่เรือนร่างบอบบาง นางสวมเพียงชุดนอนตัวบาง ออกมาเดินเตร็ดเตร่ยามค่ำคืนในเรือนของบุรุษงั้นหรือ ไม่รู้จักเกรงกลัวเขาบ้างเลยรึไง
“เข้ามาทำอะไร”
“คะ คือ”
ถ้าบอกว่ามากันแม่บัวขาวไม่ให้มารุ่มร่ามกับท่านพี่เขาจะหาว่านางร้ายกาจ ยุ่งวุ่นวายรึเปล่า นางไม่อยากโดนทำเหมือนที่ไท่จื่อทำกับนางร้ายคนเก่าหรอกนะ แต่มันจำเป็นนี่นา ไม่งั้นหลัวจะตายงะ แง!
“...” คนตัวสูงยังคงจับจ้องที่ใบหน้านางเพื่อรอว่านางจะตอบเช่นไร แม้เขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม..
“มะ มาหาท่านพี่เจ้าค่ะ พอดีคิดถึง”
ดวงตากลมปิดตาแน่น กลั้นใจตะโกนตอบไปในที่สุด หัวใจดวงน้อยสั่นจนแทบจะหลุดจากอก การเกี้ยวเมนตัวเองนี่มันใช้พลังงานเยอะมากกว่าที่คิด นางแอบเปิดตามองคนบนหัวของนาง ก็เห็นว่าเขากำลังยกยิ้ม!
“หืม เป็นเช่นนั้นเองหรือ”
จางเฉิงอี้กระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมกริบฉายแววเจ้าเล่ห์ พาคนหัวใจอ่อนแอเช่นนางใจหายใจคว่ำ ราวกับทุกอย่างถูกหยุดนิ่ง นางเผลอกลั้นลมหายใจชั่วขณะ ก้อนเนื้อข้างซ้ายเริ่มเต้นผิดจังหวะ นางได้แต่ภาวนาขอให้เขาไม่ได้ยินเสียงหัวใจที่มันกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ตึกตัก ตึกตัก เขาได้ยินเสียงจังหวะหัวใจของนางชัดเจน สตรีเนื้อกายเรียบเนียนภายใต้ร่างเขายามนี้ช่างดูเย้ายวนนัก
หึ ช่างน่าสนใจ ฉีกยิ้มกระชากใจมาอีกรอบ
ตึกตัก ตึกตัก
“อ..เอ่อ..” ไอหัวใจเฮงซวย หยุดเต้นนะว้อยยย!
“เกินไปแล้ว เจ้ากำลังยั่วยวนข้าด้วยสิ่งนี้งั้นหรือ” ใบหน้าคมคายเขยิบเข้ามาใกล้ราวกับต้องการกลั่นแกล้ง
แสงจันทร์สะท้อนลงมาให้เห็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลง
‘1%’
“!” อึก! ให้ตายเถอะนางพูดอะไรไม่ออกเลย นางพ่ายแพ้ให้กับใบหน้านั้นราบคาบ
“เช่นนั้นแล้ว สตรีโป้ปดเช่นเจ้า แสดงความคิดถึงของเจ้าให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่” ระลอกเสียงทุ้มกล่าวกระซิบ
"!"
อ้ากกก สรุปแล้วใครกำลังเกี้ยวใครกันแน่คะ! สายตาแบบนั้นคำพูดแบบนั้นคืออะไร ร้ายกาจที่สุด กร้าวใจที่สุด แอร๊ย!
อยากตะโกนบอกหลังดังๆว่ากำลังตกหลุมรักหลัววันละร้อยรอบแล้วค้าา!