6-1 ****ปรารถนา

1383 คำ
6 ****ปรารถนา หญิงสาวจดจำเรื่องราวในอดีตได้มากขึ้น เพียงได้รับจุมพิตแสนโหยหาอาลัยจากสามีกลางลำน้ำ ใต้แสงจันทร์ประกายแดงอร่าม ปลายลิ้นหนาช่ำชองงานกระหวัดปลายลิ้นน้อยออกไปพร่ำสอนว่านางควรทำอย่างไร นางควรฝึกฝนการควบคุมลมหายใจของตนอย่างไร สัมผัสนุ่มนวลจากเรียวปากหนาหยักได้รูปงามนี้นางไม่มีวันลืมเลือน บุรุษเทพปีศาจยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงหัวใจของนางอยู่เสมอไม่ว่าในภพภูมิใด แม้ในวันที่นางไร้ซึ่งกายทิพย์ นางยังคงวนเวียนอยู่ข้างกายท่านด้วยใจคะนึงหามาโดยตลอด เทพอู่เฉินแสนเจ็บปวด ทุกข์ทรมานสาหัสเมื่อสูญเสียนางไป ยี่สิบปีของท่านแสนยาวนาน ไม่อาจเทียบได้กับอายุขัยอันเป็นอมตะนิรันดร์ ไม่สามารถประมาณเวลาได้ ทุกลมหายใจเข้าออกของท่าน ใบหน้าหวานงามยามทุกข์สุข เง้างอนหรือเร่าร้อนปรารถนาเพราะความต้องการอันมากล้น ปรากฏขึ้นเสมอ จุมพิตโหยหาเฝ้าพร่ำพรรณนาบอกนางให้รับรู้อย่างซาบซึ้ง ถึงความเจ็บปวดของท่าน ก่อนแปรเปลี่ยนจากนุ่มนวลไปเป็นร้อนแรงในชั่วอึดใจ ฝ่ามือระรานของครึ่งบุรุษอสรพิษสีนิลปัดป่ายไปทั่วอาภรณ์สีแดง ตราบจนกระทั่งนางหอบหายใจแรงกลางผืนน้ำ สามีจำต้องพานางกลับเข้าฝั่งเสียก่อน ประคองนางให้นั่งลงบนตั่งไม้ โอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน “ข้า... ปรารถนาจะมีสัมพันธ์เยี่ยงสามีภริยากับเกล็ดเหล่านี้ งดงามยิ่งนัก มันทำให้ข้าสุดจะอดกลั้นใจ... ได้โปรด...” ใบหน้าคมคายก้มลงมองแก้มแดงซ่านของนางด้วยอารมณ์ไม่แตกต่าง ทว่ากลับสงบจิตใจรุ่มร้อนลงได้ อาจด้วยการบำเพ็ญเพียรที่มากกว่านางผู้มีพลังหยินเต็มกาย “เจ้าฟื้นคืนมาครานี้กลายเป็นสตรีใจร้อนเกรี้ยวกราด แข็งแกร่งยิ่งนัก ซ้ำร้ายไปกว่า ยังร้อนแรงจนข้าแทบลมจับ” “ข้าไม่รู้สิ่งใดถูกหรือผิด ยามท่านกอดข้า จูบข้า... ข้าอาจกลายเป็นเด็กสาวในร่างผู้ใหญ่ อยากรู้อยากเห็น อยากลอง... ว่ามีสิ่งใด” นางเงียบไป เลื่อนมือลูบไล้เกล็ดสีนิลบนไหล่กว้าง หลุบตาขึ้นสบมองนัยน์ตาคู่คมด้วยท่าทางเย้ายวน ยามนี้นางคิดอยากทำอะไรนางก็จะตามใจตนเอง “บุรุษ สตรี... สานสัมพันธ์กันเยี่ยงไร? ข้ามีความทรงจำอันน้อยนิด เพียงแต่ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากท่าน” “เจ้าพูดต่อไป ข้ากำลังฟัง” “ท่านกำลังรังแกข้าหรือ?” ใบหน้าบึ้งตึงของนางอยู่ในแววตาเปี่ยมประกาย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏในดวงตาเรียวรี “ข้าเปล่า ข้าหรือจะกล้ารังแกเจ้า” ท่านรังแกนางชัด ๆ! อาเป้ยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่นางคงไม่ได้โกรธเคืองสามีนาน เมื่อได้รับการพร่ำบอกคำขอโทษจากใจของท่าน ด้วยการพรมจูบไปทั่วใบหน้า บอกว่าท่านแสนจะเอ็นดูนางยามเง้างอนก็ยิ่งน่ารักใคร่นัก จนนางยิ้มออกมาได้ในที่สุด ตอนพำนักอาศัยบนเทวโลกชั้นน้ำช่างสะดวกสบาย เทพอู่เฉินบอกกับนางว่ามีสองบ่าวงูและเทพชั้นผู้น้อยคอยให้ความช่วยเหลือหากว่านางอยากได้อะไร บัดนี้อยู่กันลำพังเพียงสองสามีภริยา ต้องเสาะหาสิ่งของเอาเอง แต่ก็คงไม่ลำบากอะไรมากมายในเมื่อทำสิ่งใดใช้เวทเซียนอำนวยความสะดวก บุรุษร่างกำยำในอาภรณ์งดงามจับจูงมือนาง พาเข้าไปในป่าพรรณพฤกษา แต่ละต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นลักษณะหน้าตาประหลาด ไม่มีแม้ดอกใบผลข้างบนนั้น แหล่งน้ำใสไม่มีสิ่งมีชีวิต สามารถคาดเดาได้ว่ามันไม่ปลอดภัยเป็นแน่แท้ ปักษาอสูรโฉบบินไปส่งเสียงร้องโหยหวน สัตว์ร้ายบนผืนดิน แมงป่อง ตะขาบ อสรพิษตระกูลเดียวกับสองบ่าวงูของท่าน ความรู้สึกร้อนวูบวาบประหลาดเกิดขึ้นกับนางในสถานที่แห่งนี้ โดยที่นางไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด เคียงข้างสามีผู้เป็นถึงเทพปีศาจผู้แข็งแกร่ง ท่านยังหันกลับมาบอกเล่าเรื่องราวน่าอัศจรรย์ใจกับนางมากมายหลายอย่าง “...ในนรกภูมิมีเรื่องราวประหลาดนัก น่าสนุกเสียจริง” นางพูดพลางมองไปรอบ ๆ ป่าเงียบสงัด ใต้แสงสีทองในมือของนางซึ่งจุดมันเอาไว้ใช้แทนโคมไฟ ด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ ขณะผู้นำทางบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมา หมู่มวลบุปผาเหล่านี้ว่ามารดาเคยนำมาบอกสอนท่าน ดอกอะไรเรียกว่าอะไร มีสรรพคุณและมีโทษอย่างไร ดอกไม้สีแดงฉานเป็นบุปผาที่มีพิษ ขณะที่เหล่าอสูรไม่ได้ตายเพราะพิษเสมอไป พวกมันบางตัวเข้ามาดอมดมดอกไม้สีแดงและสีดำ กินเข้าไปเพื่อมอมเมาตัวเอง เฉกเช่นมนุษย์ร่ำสุราหาเรื่องบันเทิงใจ มัวเมาอยู่ในอบายมุข “ท่านแม่ของท่านฝังใจเรื่องเทพมังกรและการถือกำเนิดของท่าน นางจึงเสียสติไป” ด้วยความคิดมากมายของนาง ชนหัวคิ้วเข้าหากัน นางดันนึกถึงเสียงหัวเราะวิปลาสนั่น “ข้ามีความคิดว่า... บนนรกภูมิหรือเทวโลกมีของวิเศษที่จะสามารถรักษาอาการของนางได้หรือไม่? มีสิ่งใดจะทำให้หายจากอาการบ้าคลั่ง ข้าจะนำไปกรอกปากนาง คงกลับมาเป็นมารดาที่ดีได้” “ข้าจะลองศึกษาเรื่องนี้ดู เผื่ออาจมี... จะได้นำมาสักสอง” “ท่านว่าข้าเสียสติหรือ?” นางชักสีหน้าใส่สามี จึงกระตุกมือนางเบา ๆ อย่างออดอ้อน ผิดเป็นคนละคน “ภริยาข้า... ข้าจะกล้าว่าเจ้าได้อย่างไร แต่บางทีเจ้าดูดุดันก้าวร้าว...” “ท่านว่ารักใคร่ข้านัก ไม่ว่าข้าจะเป็นเยี่ยงไร” “เป็นเช่นนั้น” “รึว่าข้า... เป็นอนุภริยาคนที่เท่าไรของท่าน?” “เจ้าเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของข้า อาเป้ย...” ในน้ำเสียงหนักแน่น บุรุษร่างกำยำหยุดก้าวเดินไปข้างหน้า หันมาทางนางเพื่อพูดจากับนางให้เข้าใจ “ยี่สิบปีของข้า... แสนเจ็บปวดทรมาน หัวใจทุกข์ตรมของข้าแตกออกเป็นเสี่ยงเพราะเจ้า ข้าถูกบังคับต้องหายใจต่อไปในโลกที่ไร้เจ้า เป่าเป้ยของข้า... หากข้าสูญเสียเจ้าไปอีกในครานี้ หากข้าไม่สามารถนำเจ้ากลับมาเคียงข้างกาย ข้าจะไปขอบัญชาการสวรรค์ปลิดชีพตัวเองที่หน้าผาดับชีวัน ข้าสาบานว่าข้าจะตายตามเจ้าไป” นางไม่ชอบใจคำพูดของเทพอู่เฉินเลย แค่ที่พูดออกมาว่าปลิดชีพตนเองนั้นนับเป็นวิบากกรรมอันใหญ่หลวง นางจึงเลื่อนมือขึ้นวางล้อบกรอบใบหน้าเศร้าหมอง “ท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นอีก ท่านต้องรับปากกับข้าว่าจะมีลมหายใจอยู่ต่อไปเพื่อเฝ้ารอข้า เทพอู่เฉิน ท่านต้องแบกรับภาระหน้าที่ของเทพต่อไป” “เจ้าจำได้หรือไม่ เจ้าเคยบอกกับข้าว่า... ข้าอาจมีภริยาใหม่ก็ย่อมได้ เจ้าปรารถนาให้ข้าพบพานแต่ความสุข แต่ข้ากลับเฝ้ารอเจ้าทุกคืนวัน” “ข้าพอจำได้” นางยิ้มให้กับบุรุษเบื้องหน้า คำพูดเหล่านั้นดังก้องในหัวของนาง ทว่าฉับพลันนั้นเอง เมื่อนางก้มหน้าลงมองเสียงบางอย่างบนพื้นดินที่มีน้ำท่วมขัง อารมณ์เกรี้ยวกราดพลันผุดวาบราวไฟกัลป์อันสุมทรวง “อืม... ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านแม่ในนทีอันธการ ไยจึงไร้สิ่งมีชีวิตใด ๆ แถมเป็นส่วนตัว ยามนี้ข้าปรารถนาอยู่ตามลำพังกับท่าน” “อาเป้ย...” เสียงดุดันเรียกนางให้มองขวับตามสามี ทันทีที่นางส่งประกายเข่นฆ่าสังหารมองตามเจ้าอสรพิษสีเขียว กำลังเลื้อยไหลไปตามพื้นเฉอะแฉะ เทพอู่เฉินรู้สึกถึงพลังของนางก่อนตัวนางเองเสียอีก “เจ้าอย่าได้สังหารมัน แค่ผ่านทางมาเท่านั้น” “ข้าไม่ได้ตั้งใจ!” ในสีหน้าตื่นตระหนก อาเป้ยเพิ่งรู้ตนว่านางเกือบเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิต เพียงคิดว่ามันรกหูรกตานางเหลือเกิน ด้วยการเหลียวมองเพียงครั้งเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม