6-2 ***ปรารถนา

1422 คำ
หยกพันปี... หยกสีดำอันถือกำเนิดขึ้นจากเพลิงกัลป์ในถ้ำนรกใกล้กับนทีอันธการ พร้อมกับนางเฟยอี๋ผู้ทรงพลังแห่งความชั่วร้าย ในยามที่โทสะครอบงำ อาเป้ยแทบจะใกล้เคียงกับมารดาอสรพิษ ถึงนางยังมีสำนึกรู้เมื่อทำความผิดก็ตาม เทพอู่เฉินคิดว่าท่านควรควบคุมพฤติกรรมของภริยาให้ดี ไม่ควรให้นางไปสร้างความเดือดร้อนที่ไหน หรืออาจจะต้องอยู่ในนรกภูมิอีกสักพักหนึ่งเพราะท่านยังไม่มั่นใจ “ข้าว่า... เราควรอยู่ลำพังเช่นนี้อีกสักพัก ค่อยกลับขึ้นไปบนเทวโลกดีหรือไม่?” “ท่านบอกจะตบแต่งกับข้า...” นางทำตาขวางใส่สามีอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ด้วยความหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะผิดคำพูดกับนาง “ข้าไม่ผิดคำพูดกับเจ้าแน่ ขนาดใต้เท้าจีกงยังรับปากกับข้าว่าจะเป็นผู้ใหญ่ให้ ตอนที่เจ้าไม่อยู่...” “เมื่อใด?” “เมื่อขึ้นไป ยามนี้ข้าอยากให้เจ้ารู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเสียก่อน เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับหยกพันปีในร่างกายของเจ้าให้จงได้ ระหว่างนี้ ข้าจะคอยดูแลเจ้า นำทางแห่งแสงสว่างให้กับเจ้า ไม่ให้ถูกมันครอบงำ” อาเป้ยกลับมาว่านอนสอนง่ายกับสามี แม้ในสีหน้าของนางบอกว่าแสนน้อยอกน้อยใจท่าน มากกว่าเรื่องที่จะต้องเลื่อนงานตบแต่งออกไป คือท่านไม่ยอมให้นางสานสัมพันธ์ไปไกลกว่าการจุมพิต กอดหอมและจับมือ บนตั่งนั่งสีดำยามนี้นางได้เปลี่ยนอาภรณ์ใหม่เป็นอาภรณ์คล้ายกับสามี อาภรณ์สีดำชายลากยาวถึงพื้นเปียกปอนและสกปรก นางจึงถักทอมันขึ้นใหม่ด้วยเวทสีเหลืองทอง ถักสานลวดลายอสรพิษด้วยด้ายสีเดียวกันนั้น เทพอู่เฉินดูเพลิดเพลินใจไปกับนาง ท่านคงจะนึกถึงอาภรณ์มากมายของท่านที่ภริยาปักทอให้กับมือก่อนจากไป จึงสวมใส่มันอยู่ทุกวัน ส่วนชุดเจ้าสาวจากท่านเจ้าเมือง นางนำผ้าบางส่วนมาทำเป็นที่คาดผมเส้นเล็กบางราวเส้นด้าย ห้อยลงมาเหนือตรีเนตรบนหน้าผาก ดูน่ารักราวเด็กสาววัยแรกแย้ม นางส่งยิ้มหวานงามผ่านริมฝีปากสีแดงดั่งดอกไม้ทิพย์ในนรกภูมิ “เจ้างามนัก... ภริยาข้า แต่ข้าอยากจะตบแต่งกับเจ้าเสียก่อน ไม่ควรทำผิดธรรมเนียมอีกเป็นคราที่สอง” “ข้าไม่ถือธรรมเนียม ทำไมเราทั้งสองไม่ลองมาทำเรื่องของสามีภริยา...” อยู่ดี ๆ นางก็ชักชวนบุรุษสานสัมพันธ์อย่างไม่สมเป็นนางเลย ร่างบางขยับขึ้นนั่งบนตักแกร่ง ทำให้บุรุษเทพตกใจนาง เมื่อนางแสนออดอ้อน เลื่อนมือขึ้นโอบกอดท่าน “หากข้าหายไปอีกครา ท่านจะไม่เสียใจหรือ? ข้าว่าเราควรหาเรื่องสนุกสนานทำกัน ประสาสามีภริยา...” “ข้าก็นึกว่าเจ้าอยากจะท่องเที่ยวไปกับข้า” “เที่ยวก็ส่วนเที่ยว พรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยว” “ข้า... ต้องอดทนข่มใจ ให้มาก... ข้าจำเป็นต้องให้เกียรติภริยาของข้า” “ท่านกำลังทำลายเกียรติของข้า หากว่าท่านปฏิเสธข้าต่างหากเล่า” “เจ้าไม่ควรยั่วยวนข้า ล่อลวงข้าด้วยสายตาเยี่ยงนี้” แววตาคู่คมปลาบประกายยังสบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาคู่สวยใส นางยิ้มแม้กระทั่งในแววตา ด้วยความที่รู้คำตอบดี “เพราะเจ้าทำสำเร็จทุกครา” “ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ข้าปรารถนาในตัวท่านเพราะข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านเอง... เป็นสามีของข้า มาทำผลักไสข้าไปไย เราเคยเป็นอย่างไร มีความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน ข้าขอร้องท่านให้เราสองกลับมาเป็นเช่นเดิมเถิด” อาเป้ยมีความมั่นใจกว่าสตรีคนเดิมผู้เคยเหนียมอาย นางรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุขึ้นแม้เวหาเยียบเย็นยังคงพัดผ่านไปหน้าไป บนตั่งนั่งไม้ลายอสรพิษนี้นางมีภาพจำมากมายหลายอย่างกับสามี หลายท่วงท่าอารมณ์ นางตอบรับสามีได้อย่างถึงอกถึงใจ เทพอู่เฉินคงกำลังนึกถึงเรื่องของนางเช่นเดียวกัน ครึ่งหนึ่งของร่างกายท่านเป็นปีศาจแห่งอัคคีราคะ เมื่ออยู่ในนรกภูมิ อาจทำให้ไม่มีความอดทนมากมาย ผู้เป็นสามีจึงรีบลุกหนีนางไปด้วยความที่ท่านอยากตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราวกับนางเสียก่อน ไม่อยากล่วงเกินนาง อาภรณ์เจ้าสาวของนางปรับเปลี่ยนเป็นสีดำสลับด้วยสีแดงสดดั่งสีของโลหิต ลักษณะคล้ายกับว่าเป็นผ้าคาดอกเปิดเผยผิวนวลเนียน ยังมีผ้าคลุมไหล่บาง ๆ สำหรับใส่นอนยามราตรี อาเป้ยใช้เวลาว่างของนางแต่งตัวงดงามให้สามีเชยชม เยี่ยงนางคนก่อนนั้น แม้กระทั่งเส้นผมนุ่มหอมของนางก็รวบถักมัน ปักด้วยปิ่นอันเดิมของท่านเจ้าเมือง และจากสามีเสกหยกสีดำสดสวยอันใหม่ขึ้นมาให้นาง นางเริ่มกรีดกรายร่ายรำ เมื่อสามีผลักไสนาง เจอผลไม้ลูกเล็กขนาดเท่าเล็บมือ ก่อนหน้านี้ได้ถูกห้ามปรามไว้ นางไม่ได้เชื่อฟังผู้มีประสบการณ์ในนรกภูมิมากกว่า จึงเด็ดดึงมันจากพุ่มไม้สีดำสนิท เอาเข้าปาก “อื้ม... หวานจริง...” “อาเป้ย!” แล้วนางก็ถูกสามีซึ่งเดินตามมาว่าเข้า “เจ้าจะจับต้องสิ่งใด หรือว่าจะกินมันเข้าไป เจ้าต้องถามข้าก่อนรู้ไหม ข้าเป็นอสรพิษต้านทานทุกพิษได้ ข้าจะชิมและดมมันให้เจ้าก่อนว่าเป็นอันตรายหรือไม่” ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเทพอู่เฉิน ยังกับว่านางจะสิ้นลมหายใจเพราะผลไม้อันเดียว นางจึงว่า “ท่านบอกว่ามาเที่ยว... มิใช่หรือ?” “มาเที่ยวของเจ้าไม่ได้แปลว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ ข้าเป็นห่วงเจ้า จึงตักเตือนเจ้า” “ไม่ต้องห่วงข้า” จากนั้นนางก็เดินไป ในเมื่อท่านไม่ยอมนางจึงยิ่งทำตัวดื้อรั้น สักพักหนึ่งนางก็ร่ายรำ ใต้ท้องนภาที่มองเห็นจันทร์รุธิระอันงดงาม แม้ไร้ท่วงทำนอง นางสามารถขยับร่างกายไปพร้อมอารมณ์ ประหนึ่งว่ามีท่วงทำนองในใจของนางเอง กิริยาชายตาแลมอง ก้มหน้าลงแล้วเหลือบมองท่านเทพด้วยแววตาสวยใส ไร้เดียงสาของนางอย่างไรก็เหมือนปีศาจจอมยั่วยวน เย้ายั่วให้เทพเกิดราคะ แถมยังเป็นภริยาของท่านเอง เทพอู่เฉินหรือจะอดทนกับนางไหว จึงเลิกเดินตามนางแล้วกลับไปนั่ง ๆ นอน ๆ ดูว่านางจะทำอะไรต่อ ใช้ความคิดว่าควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์เยี่ยงไร ในระหว่างหลบซ่อนตัวจากมารดา แต่เมื่อมองกลับไป เห็นสองขาของนางเริ่มกระโดดเดินสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง หลังหยิบชิมเจ้าผลไม้สีแดง นางหัวเราะร่าเริงด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน สาแก่ใจนางเหมือนกับปีศาจอสรพิษที่เสียสติไปไม่มีผิด เพราะพลังแห่งความมืดของหยกพันปี ทำให้มารดาของท่านและภริยาของท่านกลายเป็นเช่นนี้หรือไม่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? “ที่แห่งนี้อาจเป็นกามาภูมิ... เหมือนถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำในภพภูมิบาดาล...” เทพอู่เฉินนึกขึ้นได้ถึงถ้ำประหลาด ครั้งหนึ่งอาเป้ยขยับหินสีดำใต้น้ำเล่นจนตกลงไป มือหนาจึงยกขึ้นแตะคาง ขมวดคิ้วมุ่นมองนางร่ายรำด้วยความเมามาย ก่อนลุกขึ้นไปก้มหน้าลงมองแหล่งน้ำใส ความรู้สึกรุ่มร้อนประหลาดเกิดขึ้นกับท่านด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพราะว่าท่านคิดถึงภริยาแน่ ‘ไปที่อื่นดีกว่า... ภพภูมินี้ไม่ปลอดภัย’ “สามีข้า... อย่าเย็นชากับข้านักเลย” นางเหาะเหินขึ้นเวหามาผลักสามีให้นั่งลงกับพื้น เทพอู่เฉินใช่ว่าจะไม่ระวังตัวแต่เพราะเป็นภริยาของท่านเอง นางทิ้งกายลงบนหน้าตักแกร่ง แยกขาทั้งสองข้างออก นั่งทับกายารุ่มร้อน อสรพิษที่นิ่งสงบจึงได้ผงาดคอขึ้นมารอนาง ด้วยความคุ้นเคยกันเยี่ยงสามีภริยา เมื่อหัวสมองจินตนาการถึงช่องทางอึดอัดคับแน่น เทพปีศาจจึงลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิวกระหาย “ข้ารักท่าน ได้โปรด... ตอบรับความรู้สึกของข้า เทพอู่เฉิน ไม่เช่นนั้นข้าจะหนีท่านไป”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม