เทพผู้สิ้นหวังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าพยัคฆ์อัคคีอย่างใหญ่หลวง ยังนึกถึงคำพูดของสตรีนางหนึ่งเรื่องกุศลบุญในการให้ความช่วยเหลือมันเมื่อนานมาแล้ว ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะส่งผลมาถึงยามนี้ ยามซึ่งท่านต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
ก่อนหน้านี้เทพอู่เฉินได้เฝ้าติดตามพยัคฆ์อัคคีด้วยตรีเนตรแห่งปีศาจ พอมองเห็นว่ามันปลอดภัยดี ก็ไม่อยากใช้ตรีเนตรบ่อยนักด้วยเกรงว่ามารดาจะมองเห็นเช่นกัน และจะเข้ามาขัดขวางงานสำคัญนี้อย่างแน่นอน
เรือนเทพทิศอุดรบัดนี้ประตูทุกบานปิดสนิท มีเพียงแสงเทียนส่องสว่างในห้องใต้ดิน ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม ไม่มีการเคลื่อนย้ายแม้กระทั่งกระดาษสีแดงที่นางเม้มริมฝีปากอันสุดท้ายก่อนสิ้นสลายไปในเวหา
เทพอู่เฉินพาท่านอาจารย์ของนางเข้ามาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว โดยมีเจ้าเหลียนเหลียนตามเข้ามาด้วย
นักพรตในอาภรณ์สีเหลืองส้ม คาดด้วยผ้าพาดบ่าของนักบวชอีกชั้นหนึ่งเป็นสีดำ มือของท่านอาจารย์ห้อยลูกประคำหยินหยางของนาง จะเวทหยินหยางหรือเวทแห่งสำนักเทียนหลง ท่านก็ใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว
“วิชาค่ายกลดาวหกแฉกไม่ใช่ศิษย์ทุกคนของข้าจะทำได้ ต้องอาศัยการฝึกฝน เพื่อกักขังวิญญาณ ผิดพลาดไม่ได้แม้เพียงสักเล็กน้อย วิญญาณจะแตกสลายในทันที ดีไม่ดี ก็จับไม่ได้... ยังเสียเวลากับการรอโอกาสเหมาะสมเพื่อจับวิญญาณสักดวงหนึ่ง”
ลูกแก้วดาวหกแฉกหมุนไปมาบนฝ่ามือของเซียนพรต อยู่ในสายตาของเทพอู่เฉิน ดวงตาคู่คมที่จรดมองนั้น บอกว่าท่านคิดถึงเวทสีเหลืองทองจับหัวใจ การได้พบอาจารย์ของนางคงเหมือนกับได้พบนางสักชั่วขณะหนึ่ง
“ดวงวิญญาณเร่ร่อนจะถูกตรึงไว้ในค่ายกลของดาวหกแฉก ค่ายกลแห่งดวงดาวเป็นวิชาลับ อาจารย์บอกให้นางเก็บเป็นความลับ แต่นางถือว่าเลิกแล้วต่อกันแค่บนโลกมนุษย์...”
“เจ้าศิษย์นี่ น่าทำโทษเสียจริง ข้ารึอุตส่าห์บอกให้เก็บเป็นความลับ”
แสงสีทองพลันหายไปเมื่อท่านฮุ่ยหมิงกำมือ ก่อนที่ท่านจะเสกถุงสีทองเท่ากำมือขึ้นมาอีกหนึ่ง มันขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีตัวอะไรบางอย่างในนั้น
“วิญญาณที่ทุกข์ตรมมีห่วงอารมณ์รุนแรง พอ ๆ กับวิญญาณอาฆาต”
“นั่น... วิญญาณหรือ?”
“ใช่แล้วเทพอู่เฉิน เป็นวิญญาณเร่ร่อนมีห่วงพันธะ มักอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง จิตนึกถึงผู้ใดก็ไปตามกระแสจิต ไร้การยับยั้งชั่งใจ อีกโลกหนึ่งนั้นไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย หากข้าไม่จับเอาไว้ นางอาจหลงทางระหว่างตามหาผู้ที่นางยังมีห่วง อาจถูกวิญญาณร้ายกว่ากลืนกิน ถึงนางจะเอาตัวรอดเก่งของนางก็ตามที...”
“ใช่นางหรือไม่? นางจริง ๆ หรือ...” ในน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอจับจ้องถุงสีทอง ราวว่าอยากพบเห็นสิ่งข้างในนั้นเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่ท่านฮุ่ยหมิงปฏิเสธ
“ด้วยวิจารณญาณของข้าว่าจิตใจของท่านไม่มั่นคง... เอาไว้เป็นคราวหน้าแล้วกัน เทพอู่เฉิน การนี้สำคัญยิ่งนัก จะผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด”
“ข้าเป็นเทพผู้โง่เขลา ขอคำชี้แนะท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิง...” เทพอู่เฉินยกมือขึ้นคำนับ จากใจอย่างแท้จริง กับปัญหาที่ท่านคิดไม่ตก แม้ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะต้องไปพบท่านอาจารย์ของนางให้จงได้ หากเจ้าเหลียนเหลียนเดินทางไปไม่ถึงจุดหมาย
นั่นเป็นไปได้น้อยมาก ๆ ในขณะที่ท่านยังทำหน้าที่บนเทวโลก พยัคฆ์อัคคีรีบเดินทางไปอย่างรวดเร็วที่สุดในระยะเวลาเพียงสองเดือน ผ่านประตูมิติซึ่งกินเวลาเป็นอาทิตย์ แม้ที่นี่จะผ่านพ้นไปถึงยี่สิบปี
“ท่านไม่ได้โง่เขลาหรอก เพียงแต่งานถนัดของท่านและข้านั้นแตกต่างกัน ข้าถนัดเรื่องของวิญญาณ สิ่งลี้ลับ สำนักเทียนหลงมักถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต ทั้งที่พวกเราทำไปเพราะเมตตาธรรมทั้งนั้น เอ้า... ก็แล้วแต่พวกเขาจะพูดกันไป ห้ามเรื่องนินทาไม่ได้ ไม่มีใครเลยที่ไม่ถูกติฉินนินทา”
สิ้นคำนั้น บุรุษเทพร่างสูงกำยำได้รับการปลอบประโลมด้วยรอยยิ้มเมตตา
“ท่านเป็นเทพ ถนัดเรื่องของเทพ จงทำเรื่องของเทพเถิด”
ร่างที่สลายไปในเวหากลายเป็นฝุ่นสีเหลืองทอง ทำให้เจ้าของเรือนแปลกใจ ก่อนได้รับคำตอบจากพยัคฆ์อัคคี มันนอนหมอบอยู่ข้างเตียง
“เป็นร่างทิพย์ของท่านอาจารย์ ไม่ใช่ร่างที่แท้จริง ท่านถอดจิตออกเป็นสามส่วนเพื่อไปนำของวิเศษมาเสียก่อน ท่านกำลังจะเดินทางมา”
“ขอบใจเจ้ามาก เหลียนเหลียน เจ้าเก่งมาก”
“เก่งมากเจ้าเหลียนเหลียน เจ้าทำได้ดีเยี่ยม” อสูรปักษาเลียนเสียงนางอย่างเคย ขณะโฉบบินมาเกาะบนหัวที่ลุกท่วมด้วยเปลวอัคคี เจ้าเหลียนเหลียนได้รับคำเยินยอจากทั้งสอง กลับยังคงหมอบนอนนิ่ง ไม่ใส่ใจสิ่งใด
เทพแห่งสายน้ำมีหน้าที่จำต้องทำ เมื่อโลกมนุษย์ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศ ท้องฟ้าแปรปรวนในภพภูมิบาดาล
รุ่งอรุณนี้พืชพรรณบนโลกมนุษย์ได้รับความชุ่มชื้นจากหยดพิรุณ เหมันต์อันเหน็บหนาวเบาบางลง เมื่อเทือกเขาทิศอุดรในภพภูมิบาดาล ปรากฏแสงอาทิตย์อุไรสาดส่องลงมาเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีบนเทวโลก ใต้เท้าจีกงถือโอกาสอันดีงาม โบกพัดวิเศษนำพาลมเย็นยะเยือกให้ผ่านพ้นไป เทพอู่เฉินส่งพลังแห่งน้ำ ผ่านกระแสนทีเชี่ยวกราก
ใต้พื้นเรือนเทพแห่งเทือกเขาทิศอุดร สายธารทอดยาวเชื่อมถึงกัน เทพเจ้าแห่งสายน้ำทิศประจิมมักเดินทางมาเยี่ยมเยียนเทพอู่เฉินผ่านสายน้ำแห่งนี้ หลายวันมานี้ไม่มีผู้ใดแวะเวียนมาด้วยต่างติดธุระประปรังในเทวโลก ยังมีเรื่องของนักพรตผู้เลื่องลือเดินทางมา แวะไปนั่งสนทนาธรรมกับพวกเขาด้วย
“เทพอู่เฉิน... อากาศดีเช่นนี้ ข้าสดชื่นแจ่มใสนัก...”
อสูรปักษาพูดไปเรื่อยเปื่อยบนพนักของตั่งนั่งสีแดง เมื่อมาอยู่เรือนเทพอู่เฉิน มันชื่นชอบการเลียนเสียงของสตรีนางหนึ่งซึ่งกระซิบกับมันเมื่อยังเป็นก้อนไข่ เพื่อมาขออาหารตามนิสัยของอสูร ปักษาตนนี้เป็นจำพวกเดียวกับมัจฉาในนรกภูมิ พวกมันรู้แค่หนทางเอาตัวรอด ต่างจากเจ้าเหลียนเหลียน
อสูรสีดำสนิทโฉบบินมาเกาะหัวของพยัคฆ์ เจ้าเหลียนเหลียนยังคงหมอบนอนเฉยเมยไม่พูดจาโต้แย้ง แต่อย่างไรก็ไม่ชอบใจเอาเสียเลย มันไม่ชอบหน้าเจ้าตัวมาทีหลังสุด ได้รับความเมตตาเอ็นดูจากเทพอู่เฉินมากที่สุด
“เจ้าจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในเร็ววัน เจ้านกปากเปราะ”
“ฝันไปเถอะ เจ้าลูกไฟจอมขี้เกียจ ฮ่า ๆ”
“เหลียนเหลียน เฮยเซ่อ พวกเจ้าอย่าทะเลาะวิวาทกัน”
ทั่วทั้งร่างกายของมันเป็นสีดำ ***เทพอู่เฉินจึงตั้งชื่อให้มันอย่างนั้น
บทเจ้าเฮยเซ่ออยากจะพูดก็พูด เมื่อใดไม่อยากพูด แค่มาขอผลไม้สีแดงลูกกลม ๆ รสชาติหวาน มันจะมาออดอ้อนขอบอกว่าหิว ด้วยการใช้เสียงของอาเป้ย
ขัดหูขัดตาทั้งสองบ่าวงูและเหลียนเหลียนเป็นอย่างมาก แต่เทพอู่เฉินก็ใจอ่อนทุกครา หยิบผลไม้อร่อยจากตะกร้าถักสานป้อนมัน
“เจ้าว่าท่านอาจารย์กำลังเดินทางมาหรือ? เหลียนเหลียน”
“อีกไม่นานคงจะถึง... หรือเปล่า ข้าไม่รู้...” พยัคฆ์อัคคีบอกไปตามตรง ท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิงอัธยาศัยดีนัก มีเมตตาเป็นที่หนึ่ง หากพบเจอผู้ใดเดือดร้อนระหว่างทาง มันมีความคิดว่าท่านอาจารย์ไม่น่าจะมาถึงเรือนเทพอู่เฉินง่าย ๆ
บุรุษเทพในอาภรณ์อันสง่างามสีดำสนิท ปักด้วยลวดลายอสรพิษสีทอง ซึ่งภริยาเย็บให้ท่านกับมือ ใจจดใจจ่อกับการนั่งรอแขกในสวนของเป่าเป้ย แทบจะนับถอยหลังทุกอึดใจทีเดียวว่าท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิงจะมาเมื่อไร พยัคฆ์อัคคีหมอบนอนอย่างเกียจคร้าน อสูรปักษาจิกกินผลไม้จากมือของท่าน
ไม่นานเกินรอ พ้นรุ่งอรุณไปไม่ทันไร ดวงจันทร์รุธิระกำลังเคลื่อนคล้อยไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ยังไม่ถึงกลางฟ้า ท่ามกลางบรรยากาศมืดครึ้ม นักพรตในอาภรณ์สีเหลืองส้มคาดด้วยผ้าสีดำอีกชั้นหนึ่ง ปรากฏกายมาถึงสาม เมื่อกางเสื่อออกนั่งลง ร่างที่แยกออกจากกันได้กลับรวมเป็นหนึ่ง
“ขอโทษที่ให้ท่านต้องรอนาน ข้าไปทำธุระมาสักเล็กน้อย อ้อ... ของวิเศษอีกสองถึงสามสิ่งน่าจะอยู่กับท่าน”
“ของวิเศษอันเกี่ยวข้องเวทหยิน แม้แต่เซียนตัน ข้ายังดิ้นรนไปขอราชาแห่งสวรรค์มา... แม้กระทั่งของในนรกภูมิชั้นลึกสุด ก็อยู่กับข้า”
เทพอู่เฉินท่าทางมั่นใจ โล่งอกเมื่อได้พบอาจารย์ฮุ่ยหมิงอีกครา ในที่สุดก็ถึงเวลาอันสมควร สมกับการรอคอยอันแสนยาวนาน