“ให้พี่นั่งด้วยคนนะครับ” เสียงหล่อของพสุเอ่ยถาม ก่อนจะวิสาสะนั่งลงบนม้านั่งเดียวกันกับวาว
“อุ้ย กินเหมือนกันกับวาวเลย” แมวชี้ไปที่จานข้าวของทั้งคู่
“ของโปรดพี่เหมือนกัน”
“ไอ้วาวมันก็กิน ฟักทองผัดไข่กับไก่ผัดขิงแบบนี้ทุกวัน ไม่เห็นมันเบื่อ” แมวเล่า
“ยายแมว...” วาวทำเสียงเข้มตาดุใส่เพื่อนปรามว่าไปเล่าให้เขาฟังทำไม
“คนกันเอง รู้เรื่องกันเอาไว้ไม่เสียหลาย ว่าแต่คุณพสุพักที่ไหนคะ ได้ข่าวว่าไม่ใช่คนที่นี่” แมวถามด้วยความอยากรู้
มณีรินตั้งหน้าตั้งตากินข้าว แต่ก็เงี่ยหูฟังว่าเขาจะเล่าเรื่องราวของตัวเองหรือเปล่า
“เรียกพี่ว่า พี่เกนก็ได้จ้ะ พี่เป็นคนกรุงเทพฯ ตอนนี้เช่าบ้านอยู่ที่หลังอำเภอ” เขาทำตัวเป็นกันเอง
“พี่เกน” แมวทำเป็นเรียกชื่อของเขา
“ชื่อแปลก” วาวพูดพึมพำออกมาคนเดียว
“แปลก ๆ แบบนี้ คนจำง่าย แล้วก็เรียกไม่ผิด จริงไหมน้องแมว” พสุหันไปคุยกับแมว
“ค่ะ จริงค่ะ” แมวเออออและพูดคุยกับเขาอย่างสนุก แถมยังทำตัวสนิทกับเขาเสียด้วย ทั้งยังรับปากว่าจะไปช่วยงานเวลาพสุไปออกทำงานตามหมู่บ้านต่าง ๆ
“วาวก็ไปด้วยกันสิ สนุกนะ ได้ทั้งความรู้ และรู้จักคนอื่น ๆ ในอีกหลายมุม” พสุเอ่ยชวนเธอ
“ค่ะ ถ้าว่างจะไปค่ะ” มณีรินตอบออกไปแบบเสียไม่ได้ แต่นึกอยู่ในใจในความอ้อล้อของเพื่อนสาวอย่างแรง เธอรีบกินให้เสร็จเร็ว ๆ
“ไปห้องน้ำก่อนนะ” เธอบอกแมว ยกมือไหว้ลาพสุแบบลวก ๆ เหมือนบอกเขากลาย ๆ ว่าเราจะไม่เจอกันอีกแล้ววันนี้ ก่อนจะยกจานไปคืนที่ร้าน แล้วเดินไปซื้อน้ำดื่ม หมุนตัวหายเข้าไปทางด้านหลัง เดินตรงไปยังห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก
“อาชีพสู่รู้และยุ่งเรื่องของชาวบ้านนะสิ โธ่เอ้ย...” เธอว่าค้อนพสุออกมา นึกถึงใบหน้าของเขาที่ยิ้มให้อย่างใจดีแล้วก็ใจเต้นแรง
“เป็นอะไรไปวาว ทำหน้าเหมือนหมากัดตูด” เธอทิ้งกระเป๋าลงก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ ยกหน้าขึ้นมองป้ากันยาพร้อมกับถามออกไป
“ป้าจ๋า ทำไมวาวต้องเกิดในซ่องนี้ด้วยคะ เธอถามอย่างหมดความอดทน การได้พบเจอกับพสุทำให้เธอมองดูว่าตัวเองต่ำต้อย ซึ่งปกติสายตาของคนทั่ว ๆ เธอไม่เคยแคร์เท่าไหร่
ป้ากันยานั่งลงใกล้ ๆ ก่อนจะกอดเธอเพื่อปลอบประโลม
“โธ่เอ๊ย... วาว คนเราเลือกเกิดไม่ได้หรอก แต่รู้ไหมเราเลือกที่จะเป็นคนดีได้ ป้าอยากให้วาวตั้งใจเล่าเรียนจะได้ทำงานดี ๆ แล้วจะได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นซะที ดีไหม” ป้ากันยาให้กำลังใจ เธอได้แต่พยักหน้างึก ๆ
“ไปอาบน้ำแต่งตัว จะได้ออกไปช่วยป้าทำงานไป คนเราต้องทำงานจะได้มีกินมีใช้ บางทีเราก็เลือกอาชีพของเราเองไม่ได้หรอก ความรู้แค่นี้ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว มีที่ซุกหัวนอนมันก็ดีแค่ไหนแล้ว ไป ๆ” ป้าไล่
“จ้ะป้า” เธอพยุงป้ากันยาให้ลุกขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา สะบัดหัวเบา ๆ แล้วเดินไปทำตามที่ป้ากันยาบอก
หลายวันต่อมาที่ตลาดนัดใกล้ ๆ บขส.
พสุเห็นหลังเธอไว ๆ จึงรีบเดินตามแล้วทักขึ้น
“มาซื้ออะไรครับน้องวาว”
หญิงสาวหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีทำเหมือนไม่รู้จัก เขาวิสาสะจับมือของเธอเอาไว้ทันที มณีรินหันหน้ามามองเขาดังขวับ ทำตาโตเข้าใส่ ก่อนจะขยับปากพูด
“ทำไมชอบมายุ่งกับวาวจริง ๆ วัน ๆ คุณคงได้แต่ยุ่งเรื่องของคนอื่นไปทั่ว ใช่ไหมคะคุณพี่” เธอแกล้งเรียกเขาแบบนั้น
“เฮ้อ...” เสียงพสุถอนหายใจ และใช้สายตาสำรวจการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
หญิงสาวมองเขาแบบขัดใจ เธอไม่ชอบสายตาของเขาที่จ้องมองเธอมาแบบนี้เลย
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ฉันเป็นพัฒนาสังคมก็มีหน้าที่สอดส่องดูแลตามหน้าที่ และอีกอย่างเราสองคนก็รู้จักกันแล้วนี่ ไม่ใช่คนแปลกหน้ากันสักหน่อย”
“ถามวาวสักคำไหมคะ ว่าอยากรู้จักคุ้นเคยกับคุณพี่หรือเปล่า” เธอพูดพลางใช้สายตามองมือของเขาที่จับเธอไม่ยอมปล่อย
เขาจึงจำใจปล่อยมือเธอ หญิงสาวยกมือไหว้เขาอย่างลวก ๆ เพราะอย่างไรเขาก็เคยไปสอนที่โรงเรียน เดี๋ยวจะหาว่าเด็กในซ่องไม่มีการศึกษาอีก และก็หันหลังกลับเดินลิ่ว ๆ เพราะเลือกซื้อของตามที่ป้ากันยาสั่งไปหมดแล้ว
“ดื้อเอาเรื่องนะเด็กคนนี้ สงสัยไม่มีคนอบรม” เขาพูดตามหลังเธอไป สีหน้าเป็นกังวล
‘เกลียดนักสายตาแบบนี้ คนบ้า... ไปที่ไหนก็เจอ’ วาวต่อว่าเขาอยู่ในใจ
ในห้องครัวหลังร้าน
“ได้ของมาครบหรือเปล่าวะวาว” ป้ากันยาถามเธอขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า
“อ้าว... ไปกินหมามุ่ยที่ไหนมาอีกล่ะ ทำหน้าเหมือนตูดอีกแล้ว” ป้าหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เจอหมาบ้ามากกว่าป้า ตามตอแยอยู่ได้ เกลียดนักเชียว...” เธอบ่นกะปอดกะแปด
มณีรินหยิบเอาข้าวของที่ซื้อออกมาจากตะกร้าแล้วทำการล้างผักสดต่าง ๆ ที่เพิ่งได้มา
“ใครนะที่ทำให้เอ็งโมโหได้ ปกติเห็นอารมณ์ดีร้องเพลงหงิง ๆ ได้ทั้งวัน”
“ป้าร้องหงิง ๆ นะมันลูกหมาแล้วค่ะ” คำโต้ตอบของเธอทำให้ป้าหัวเราะออกมาเสียงดังอีก
“อีวาวรับออร์เดอร์” เสียงพี่แมดังลั่นมาจากประตู พร้อมกับโยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“ให้ดี ๆ ไม่ได้หรือพี่แม” เธอว่าสวนแมไปทันที แมไม่ตอบแต่หันมายิ้มมุมปาก แล้วเดินออกไป
“เบื่อจริง ๆ” วาวเก็บกระดาษแผ่นนั้นที่ปลิวตกลงไปที่พื้นขึ้นมา พร้อมกับอารมณ์เสียพาลขุ่นมัวไปเสียทุกเรื่อง
“อย่าไปอะไรกับมันเลย ช่างมัน” ป้ากันยาพูดได้แค่นั้น แล้วก็ถามว่าต้องทำอะไรบ้าง คืนนั้นก็เลยวุ่นวายนับตั้งแต่บัดนั้น
“วาว งานของแกเสร็จหรือยัง” แมวถามทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนที่โรงเรียน
“นี่” วาวยื่นรายงานของเธอไปตรงหน้าของเพื่อน
“อั๊ยยะ เก่งโว้ยเที่ยวนี้ มีการพัฒนา” แมวแกล้งแซวกระแซะไหล่เข้าไปที่ไหล่ของเพื่อน วาวหันไปส่งยิ้มให้ อย่างน้อยก็มีแต่แมวนี่แหละที่ทำดีกับเธอ และคอยเป็นทุกอย่างให้
“ฉันได้งานแล้วนะ” แมวเล่าเรื่องของตัวเองทันที
“งานอะไรของแกวะ” วาวให้ความสนใจในเรื่องของเพื่อน
“ก็ฉันไปช่วยงานของพี่เกนมา เขากำลังหาคนคีย์ข้อมูลลงเครื่อง พี่เกนเขาก็เลยออกปากจ้างฉัน นี่แกพี่เกนยังบอกให้ฉันมาชวนแกไปทำด้วย ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราวก็เหอะ ไปไหม” แมวถามเพื่อนรักทันที