บทที่ 3 สามีข้าหล่อนัก!
ชิงเหยียนเดินตามขันทีเข้าไปตำหนักที่ฮ่องเต้อยู่ระหว่างทางองครักษ์ที่คุ้มครองก็ก้มหัวให้ผู้เป็นฮองเฮาประตูหรูหราเปิดออก ร่างบางเดินเข้าไปด้านในเห็นเตียงกว้างหรูหราเป็นอย่างแรก ใบหน้าหล่อเหลาติดซีดแต่ไม่อาจบดบังความสง่างาม
แม่เจ้าหล่อมาก! ถ้าถามว่าหล่อขนาดไหนบอกเลยว่าหล่อจนเรียกว่าผัว! โอ้ววว ท่านเทพข้าจะทำบุญไปให้ขอบคุณสำหรับสามีที่หล่อขนาดนี้! โธ่ ถ้าไม่นอนเป็นผักบางทีตอนนี้เราอาจจะเสียซิงไปแล้วก็ได้ อุ๊ย ไม่ได้ ๆ เราจะมาทำตัวแตกสาวไม่ได้เราเป็นฮองเฮา!
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความคิดหื่นกระหายแต่ใบหน้างดงามกลับเรียบนิ่งเก็บอารมณ์จนทั้งหมอหลวงและขันทีไม่เห็นสิ่งผิดปกติ
“เราขออยู่ตามลำพัง” หมอหลวงและขันทีคำนับก่อนจะเดินออกไปทำให้ภายในห้องเหลือแค่สองร่างที่อีกหนึ่งไร้สติ ชิงเหยียนเดินไปนั่งที่เตียงมองใบหน้าหล่อเหลาในระยะใกล้ ยิ่งเห็นใจยิ่งเต้นระรัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮึก ท่านเทพ ขอบคุณท่านมาก ท่านเป็นเทพที่ดีที่สุด!” เสียงหวานเอ่ยด้วยใบหน้าเคลิ้มโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีร่างโปร่งแสงกำลังมองอยู่ ร่างนั้นมองใบหน้างดงามพูดเพ้ออย่างไม่เข้าใจสายตาที่มองร่างที่ไร้สติไม่ต่างจากพวกบ้าตัณหา..
“ไหนดูซิ๊ รักษาได้ไหม” ชิงเหยียนลองทำเหมือนที่ทำกับสัตว์อสูรแสงสีขาวสว่างขึ้นแต่ร่างไร้สติกลับนิ่งเหมือนเดิมไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นเลย เหงื่อไหลตามกรอบหน้าแม้ว่าจะเพ่งสมาธิเพิ่มเข้าไปแต่กลับไร้ผลเหมือนเดิม
“แฮ่ก แฮ่ก ทำไมรักษาไม่ได้” ชิงเหยียนหอบหายใจสุดท้ายก็ยอมแพ้ เขามองร่างสงบนิ่งของฮ่องเต้หรือว่าตอนนี้สกิลเขามันยังไม่ถึงต้องเก่งก่อนไหมท่านเทพก็บอกว่าอยากเก่งก็ฝึกเยอะ ๆ
“สามีท่านคงต้องนอนเป็นผักไปก่อน” สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อนไว้ครั้งหน้าเขาจะมาลองใหม่ระหว่างนี้คงต้องหาทางพัฒนาพลังของตัวเอง
เมื่อกลับมาถึงตำหนักของตัวเองชิงเหยียนก็เริ่มทำสมาธิดูพลังเมื่อใจสงบในหัวก็จินตนาการถึงไฟเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นไฟที่มือทั้งสองข้างมันเป็นไฟสีขาวเป็นสีแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเห็น ก่อนจะลองเปลี่ยนเป็นธาตุอื่น ๆ ธาตุที่เขาใช้ได้มี ดิน น้ำ ลม ไฟ พืช รักษาและความมืด
“โห ท่านเทพให้มาเยอะเลย หวังว่าจะมีประโยชน์นะ” แม้จะมีหลายธาตุแต่คนที่ไม่เคยใช้มาก่อนอย่างเขาก็คงต้องเรียนรู้อีกเยอะไม่แน่เหมือนกันว่าบางทีอาจจะมีประโยชน์ก็ได้
ชิงเหยียนฝึกพลังไปเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านมาถึงยามเย็นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม
“ฮองเฮาเพคะ ให้นู๋ปี๋ตั้งสำรับเลยไหมเพคะ” เสียงดังขึ้นทำให้ชิงเหยียนหยุดฝึกมองไปที่หน้าต่างตอนนี้ฟ้าเกือบมืดแล้ว
“เดี๋ยวเราออกไป” เมื่อได้รับคำตอบชิงเหยียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปพอฝึกพลังแล้วสัมผัสก็ไวขึ้นเสียงเล็ก ๆ ที่เมื่อก่อนไม่ได้ยินตอนนี้ก็ได้ยินเป็นเรื่องที่น่ายินดีจนใบหน้างดงามหยุดยิ้มไม่ได้
“หลังจากเก็บสำรับเตรียมกระดาษกับพู่กันมาให้เราหน่อยนะ” หลังจากทานอาหารเสร็จชิงเหยียนก็บอกกับนางกำนัลคืนนี้เขาคิดว่าจะลองเขียนแผนในการพัฒนาวังและแคว้น คงต้องเริ่มจากวังก่อนวังคือหน้าตาของแคว้นถ้าแขกมาเห็นสภาพแบบนี้คงหมดความเชื่อถือ การพัฒนาวังที่เขาคิดไว้มีแค่การดูแลภายนอกพวกต้นไม้ดอกไม้และสระบัวขอแค่พืชเขียวขจีดอกไม้สะพรั่งก็ทำให้วังดูสดใสขึ้นมาแล้ว
หลังจากได้กระดาษกับพู่กันชิงเหยียนก็นั่งอยู่บนโต๊ะในห้องนอนความคิดการพัฒนาหลายอย่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายด้วยเป็นหนุ่มที่มาจากยุคอนาคตเรื่องหลาย ๆ อย่างก็เกินกว่าคนยุคเก่าจะรับรู้ เทียนเล่มแล้วเล่มเล่าหมดไปและถูกจุดขึ้นใหม่กว่าจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็สว่างแล้ว เมื่อชาติก่อนสำหรับสิบการทำงานโต้รุ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่ามาเกิดใหม่จะต้องมาทำอีกแต่ถึงจะโต้รุ่งเหมือนกันแต่มันก็ต่างกันตรงที่ตอนนี้ชิงเหยียนนอนหลับคาโต๊ะทำงานด้วยรอยยิ้มกระดาษถูกเขียนนับสิบแผ่น ร่างโปร่งแสงมองใบหน้างดงามหลับอย่างไม่เรียบร้อยพลางขมวดคิ้ว
‘นอนแบบนั้นเจ้าจะสบายตัวได้อย่างไร’
แม้ว่าจะอยากเข้าไปอุ้มให้อีกคนหลับสบายแต่ด้วยร่างกายที่ถูกพิษพรากวิญญาณทำให้ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ โชคดีที่หลังจากหลับไม่นานนางกำนัลเหมือนจะรู้หน้าที่เดินมาพยุงให้ร่างงามนอนบนตั้งหลังจากจัดผ้าห่มเรียบร้อยก็เดินออกไปอย่างเบาเท้า
ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ตะวันอยู่กลางหัวแล้ว หลังจากตื่นนางกำนัลก็เข้ามาอาบน้ำแต่งตัวให้แม้จะเขินในช่วงแรก ๆ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร สำรับอาหารถูกเตรียมไว้กลิ่นชื่ออาหารที่เขาไม่รู้จักแต่รสชาติอร่อยจนอยากร้องไห้หลังจากทานอิ่มเขาก็หยิบกระดาษที่จดเมื่อคืนมาอ่านอีกรอบเขาคิดไว้แล้วว่าต้องทำอะไรก่อน
“พาเราไปห้องทำงานของฮ่องเต้หน่อยสิ”
“เพคะ” ชิงเหยียนเดินตามนางกำนัลใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงตำหนักขนาดใหญ่หรูหราด้านหน้ามีทหารคอยเฝ้าสองนาย
“คารวะองค์ฮองเฮายินดีอย่างยิ่งที่มาเยือนที่นี่ กระหม่อมชื่อเฉิงกงเป็นหัวหน้าขุนนางตอนนี้คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ” เฉินกงหัวหน้าขุนนางเก่าแก่เอ่ยอย่างนอบน้อม หลังจากที่แคว้นเริ่มประสบปัญหาเพราะขาดฮ่องเต้ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจ ขุนนางต่างก็หนีหายไปอย่างไม่เกรงกลัวอาญามีเพียงตนที่อยู่บริหารเฝ้ารอวันที่องค์ฮ่องเต้จะฟื้นแต่เวลาล่วงเลยผ่านไปถึง 3 ปีไม่มีวี่แววดีขึ้น
“เราอยากมาพัฒนาที่นี่” หัวหน้าขุนนางแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเดิมทีเขาไม่ได้คาดหวังอะไรไม่คิดว่าฮองเฮาที่ใคร ๆ ต่างก็สงสารเพราะคิดว่าถูกมาสังเวยแก่ปีศาจจะมีความคิดมาช่วยบริหารแคว้น
“ฮองเฮาโปรดตามกระหม่อมมาเลยขอรับ” ชิงเหยียนเดินตามไปไม่นานนักก็มาเจอกับประตูขนาดใหญ่สลักรูปมังกรดูสง่างามสมกับเป็นประตูห้องทำงานของผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้น เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่โดดเด่นกลางห้องมีทั้งหนังสือวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบแม้จะไม่ได้ใช้มา 3 ปีแต่ก็ถูกทำความสะอาดอย่างดี
“เอาโต๊ะมาไว้ให้เราอีกตัวนะ วันนี้เราจะทำงานที่นี่หลังจากจัดโต๊ะเสร็จแล้วท่านเฉิงกงอยู่คุยกับเราก่อน” ท่านเฉิงกงเป็นคนที่ดูแลวังและเมืองตลอดระยะเวลาที่ฮ่องเต้ไม่ได้สติเขาคิดว่าถ้าอีกฝ่ายอยู่ด้วยน่าจะช่วยกันคิดเรื่องต่าง ๆ ได้หลายมุมมองแม้ว่าตอนนี้ในหัวเขาจะมีความรู้แต่สิ่งที่เขาขาดคือประสบการณ์จริง
ผ่านไปครึ่งชั่วยามโต๊ะไม้สวยงามและเก้าอี้เบาะนิ่มก็ถูกวางไว้ข้าง ๆ กับโต๊ะทำงานของฮ่องเต้ชิงเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อลองนั่งดูเบาะนิ่มมากจนไม่รู้สึกระคายเคือง ภายในห้องเหลือเพียงหัวหน้าขุนนางและชิงเหยียน
“ท่านนั่งเถอะ เราจะปรึกษาทิศทางการพัฒนาวังและเมืองต่าง ๆ เรานั้นไร้ประสบการณ์คงต้องรบกวนท่านเฉิงกงชี้แนะ”
“ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้นกระหม่อมยินดีอย่างยิ่ง” ชายสูงวัยเมื่อเห็นท่าทีนอบน้อมของร่างงดงามก็อดแปลกใจไม่ได้ไม่คิดว่าฮองเฮาจะกระทำแบบนี้แม้ว่าจะยังไม่รู้ความสามารถแต่ก็สร้างความประทับใจแรกให้เฉิงกงผู้อยู่มาเนิ่นนานในวังได้
ระหว่างที่สองคนกำลังพูดคุยปรึกษาหารือกันร่างโปร่งแสงก็คอยวนเวียนอยู่ข้าง ๆ มองใบหน้างดงามที่เดี๋ยวพูดคุยเดี๋ยวจดลงกระดาษลายมืองดงามเป็นระเบียบเจ้าตัวดูจริงจังกับการคุยครั้งนี้ปอยผมล่วงลงจนบดบังใบหน้าหวานจนเผลอเอามือโปร่งแสงของตัวเองไปทัดให้แต่มันกลับทะลุผ่าน ดวงตาคมดั่งเหยี่ยวก้มมองสองมือของตัวเองหันไปมองร่างงดงามเจ้าตัวขมวดคิ้วก่อนจะเอามือทัดหูตัวเอง แม้จะทำหน้าอย่างไรก็ดูงดงาม
ภรรยาของข้าช่างน่ารักยิ่งนักรอให้พี่ตื่นก่อนเถอะพี่จะกอดเจ้าเต็มอก
-----------------------
น้องชิงเหยียนจะปล้ำคนไม่ได้สติไม่ได้นะลูก ฮ่า ๆ เราจะเริ่มพัฒนาแคว้นกันแล้วว