บทที่ 5 ข้าว
ใช้เวลาไม่ถึงก้านธูปชิงเหยียนก็มาถึงหมูบ้านที่ว่าพื้นที่หมู่บ้านกว้างมีแปลงแบ่งเป็นล็อก ๆ ไว้แยกกันอย่างชัดเจน มองด้วยตาเปล่ายังมองออกว่าพื้นดินดูแข็งไม่เหมาะกับการปลูกพืชผักอย่าพูดถึงข้าวที่ต้องปลูกในดินร่วนกึ่ง ๆ ดินโคน เมื่อเราเดินเข้ามาในหมู่บ้านก็มีคนเดินเข้ามาทัก
“สวัสดีพวกเจ้ามาทำอะไรรึ หรือมาซื้อหัวมัน”
“พวกข้าอยากรู้ข้อมูลเรื่องการปลูกข้าวท่านพอจะทราบไหม” เมื่อได้ยินแบบนั้นชายรูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงก็ทำท่านึกก่อนจะเอ่ยตอบ
“เรื่องนี้คงต้องถามผู้ใหญ่บ้านตามข้ามาเถอะ” ชิงเหยียนหันไปสบตากับอาหนิงก่อนจะเดินตามชายร่างใหญ่ไประหว่างทางก็เจอกับเด็กน้อยวิ่งเล่นกันผู้ใหญ่ส่วนมากอยู่ที่ไร่ หรือไม่ก็เข้าไปเก็บของมาขาย เราเดินผ่านต้นไม้ขนาดใหญ่กลางหมู่บ้านชิงเหยียนถามอย่างสงสัยไม่คิดว่าจะมีต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้กลางหมู่บ้าน
“ต้นอะไรหรือ”
“หมู่บ้านนี้นับถือต้นนี้เป็นเทพผู้ดูแลหมู่บ้านตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่ากล่าวว่าเพราะมีต้นไม้นี้พวกเราถึงอยู่รอดจากสัตว์อสูร” ชิงเหยียนมองที่ต้นไม้มันมีละอองสีเขียวออกที่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นละอองอะไรแต่มันคงจะไล่สัตว์อสูรได้..เดี๋ยวนะ! ไล่สัตว์อสูรได้งั้นเหรอ มือขาวหยิบละอองมาดูมันไม่เหมือนพลังของพืชที่เขามีแม้ว่าจะสงสัยแต่คงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน
“อ้าว ฟูเจ้าพาใครมารึ” ชายสูงวัยพึ่งเดินออกมาจากบ้านทักขึ้นเมื่อเห็นหลานชายพาคนแปลกหน้าเข้ามาใบหน้างดงามดูไม่เหมือนพ่อค้าที่จะมาซื้อหัวมัน
“คารวะท่านหัวหน้าหมู่บ้านเราชื่อชิงเหยียนนี่น้องสาวชื่ออาหนิง ท่านพอจะมีเวลาคุยกับเราสักครู่ไหม” หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างใจดีรู้สึกชื่นชมความนอบน้อมของเกอใบหน้างดงามสาเหตุที่มองครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นเกอเพราะรอยปานแดงที่หางตามันยิ่งทำให้ชิงเหยียนงดงามมากขึ้น
“ได้สิ มา ๆ นั่งคุยกันเจ้าอยากพูดคุยเรื่องอะไรรึ” หัวหน้าหมู่บ้านเดินนำทุกคนไปที่แขหน้าบ้านมันทำมาจากไม้สานง่าย ๆ เมื่อหมดหน้าที่ฟูก็เอ่ยลาทุกคนแล้วไปเข้าไร่ต่อ
“ข้าอยากรู้เรื่องที่หมู่บ้านนี้เคยปลูกข้าว”
“เรื่องนั้นเองรึ มันก็นานแล้วน่าจะเกือบ 10 ปีได้” ชายสูงวัยพูดอย่างไม่ปิดบังไม่ใช่ว่าตนไม่อยากปลูกแต่ว่าหลังจากทดลองปลูกมาหลายปีก็ไม่สำเร็จสุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังได้ไหม” ชิงเหยียนตั้งใจฟังอย่างตื่นเต้นถ้ารู้ต้นตอของปัญหาเขาก็จะแก้มันได้แล้วปัญหาข้าวราคาแพงก็จะหมดไป ชาวบ้านก็จะสามารถซื้อขายอย่างไม่หนักมากเกินไป
“ได้สิ มันไม่ใช่ความลับอะไร มันเป็นเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนช่วงที่เพิ่งค้นพบข้าวใหม่ ๆ หมู่บ้านนี้ปลูกแต่มันมาตลอดพอเห็นข้าวราคาแพงพวกเราเลยลองปลูกดูบ้างแต่กลับเหี่ยวตายช่วงปีแรกหลายคนเลยล้มเลิกกลับไปปลูกมันเหมือนเดิมแต่ข้าไม่ยอม เปลี่ยนวิธีจนผ่านไป 5 ปีไม่มีอะไรดีขึ้นเลย สุดท้ายก็ได้แต่ถอดใจ” ชิงเหยียนแตะคางอย่างใช้ความคิดลองปลูกตั้ง 5 ปีแต่กลับไม่สำเร็จมันแปลกเกินไปหน่อยไหม
“ท่านปลูกแบบไหนหรือ”
“ช่วงแรกข้าปลูกแบบไม่ได้รดน้ำมันมากนักเพราะแห่งน้ำอยู่ไกลจากนี่เกือบ 10 หลี่” ชิงเหยียนคิดตามข้าวเป็นพืชที่ใส่น้ำตลอดไม่แปลกใจที่จะแห้งตายดูจากดินที่แข็งแต่งต่างจากมันที่ไม่ค่อยรดน้ำก็ได้ผลผลิต “พอหลัง ๆ ข้าเริ่มรดน้ำมันมากขึ้นแต่มันก็มีข้อจำกัดเรื่องระยะทางแม้ว่าจะช่วยกับลูกชายแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายก็ไม่รอด” ชิงเหยียนพยักหน้าแสดงว่าสาเหตุหลัก ๆ คือขาดน้ำสินะปัญหานี้เหมือนจะง่ายสำหรับเขาแต่ดูท่ามันจะไม่ใช่กับชาวบ้าน
“ทำไมไม่ขุดคลองมาหรือ” พอชิงเหยียนพูดแบบนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ
“หมายถึงอย่างไรหรือขอรับ พอดีข้าไม่ค่อยมีความรู้” สำหรับที่นี่ถ้าไม่ใช่ราชวงศ์ ขุนนาง ลูกพ่อค้าร่ำรวยก็ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือความรู้ที่มีเป็นเพียงคำสอนจากรุ่นสู่รุ่น ตำราเรียนราคาหลายตำลึงทอง ค่าจ้างครูราคาอาจจะสูงกว่าเงินทั้งชีวิตของชาวบ้านธรรมดา ปัญหานี้ชิงเหยียนก็คิดจะแก้มันเหมือนกันความรู้คืออาวุธที่ดีที่สุด
“คลองคือการขุดเป็นทางยาวให้น้ำไหลเข้ามาถึงตัวหมู่บ้านเวลาใช้น้ำก็ไม่ต้องเดินไกล” เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งอาหนิงและหัวหน้าหมู่บ้านก็เบิกตากว้างมันเป็นเหมือนเรื่องง่ายแต่ตลอดหลายปีกลับไม่มีใครคิดเรื่องนี้
“แม้จะพูดแบบนั้นแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายไหนจะการทำเรื่องขอส่งไปที่ราชวังไหนจะแรงงาน” แผ่นดินเป็นของราชวงศ์หรือไม่ก็ขุนนางถ้าขุดมั่วพวกเขาอาจจะเกิดปัญหาภายหลัง
“เรื่องนี้ไว้ใจเราเถอะท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” ชิงเหยียนพูดอย่างมั่นใจเรื่องนี้ถ้าเขาไปปรึกษาท่านเฉินกงคงได้คำแนะนำดี ๆ
“เรียกข้าว่าลุงเฟยก็ได้ว่าแต่เจ้าจะไปติดต่ออย่างไรรึ”
“แน่นอนว่าต้องได้สิเพราะท่านนี้เป็น...” อาหนิงยังพูดไม่จบก็ถูกชิงเหยียนยกมือห้ามไว้ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวอีกครั้ง
“เราชื่อชิงเหยียนเป็นฮองเฮาของแคว้นนี้” เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็เบิกตากว้างก่อนจะคุกเข่าหน้าผากแนบไปกับพื้นดิน
“ขออภัยที่เสียงมารยาท ขอหวงโฮ่วเหนียงเหนียงทรงเจริญหมื่น ๆ ปี พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านลุงเฟยลุกขึ้นเถอะอย่าคำนับเลย” ชิงเหยียนทำหน้าไม่ถูก
“ตะแต่ มันเสียมารยาทกับราชวงศ์ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา”
“อย่าทำเช่นนั้นเลยลุงเฟย ถ้าท่านไม่ลุกเราจะร้องไห้กลางหมู่บ้านเลย” คำขู่ที่ดูไม่น่ากลัวทำให้อาหนิงหลุดหัวเราะส่วนหัวหน้าหมู่บ้านก็ลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ใครจะคิดว่าวันดีคืนดีจะได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิด ราชวงศ์ที่เคยเห็นแค่ไกล ๆ สายตาวันนี้กลับอยู่เพียงเอื้อมมือแถมยังให้เรียกตนว่าลุงเฟย!
“เรามาคุยกันต่อเถอะท่านลุง เราอยากพัฒนาแคว้นเราให้ดีขึ้นต้องรบกวนท่านแล้ว” คำพูดจริงใจและแววตาไร้ความล้อเล่นทำให้หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกดีใจตนไม่คิดมาก่อนเลยว่าฮองเฮาที่ใคร ๆ ต่างก็พูดว่าแต่งงานเพราะเป็นร่างสังเวยให้ปีศาจจะรักบ้านเมืองขนาดนี้ ตนรู้สึกมีความสุขที่ได้มีส่วนในการพัฒนาครั้งนี้อีกไม่นานบ้านเมืองเราจะต้องสงบสุขกว่านี้เป็นแน่
“เดี๋ยวเราจะมาหาใหม่วันพรุ่งนี้เราจะเอาเรื่องขุดคลองไปปรึกษาท่านขุนนางคนสนิทก่อน” ระยะทางในการขุดประมาณ 10 หลี่หรือ 5 กิโลเมตรถ้าใช้คนขุดคงใช้เวลาเป็นเดือนแต่ชิงเหยียนจะเอาพลังธาตุดินของตัวเองมาใช้ประโยชน์ด้วยช่วยลดระยะเวลาถามว่าทำไมเขาไม่ทำให้ด้วยตัวเองเขาเชื่อเสมอว่าอะไรก็ตามที่หามาได้ด้วยตัวเองมันจะมีคุณค่าถูกรักษาอย่างดีคลองนี้เป็นของทุกคนในหมูบ้านทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาดูแล
“ได้ขอรับ เดี๋ยวข้าจะเรียกทุกคนในหมู่บ้านมาด้วย” หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อยชิงเหยียนก็ตรงกลับไปที่ห้องทำงานโชคดีที่เจอกับท่านเฉินกงพอดีเลยคุยเรื่องขุดคลอง ชิงเหยียนกางแผนที่ก่อนจะชี้จุดที่ต้องการสร้างคลอง
“บริเวณนี้มีขุนนางเป็นเจ้าของหรือไม่ท่านเฉินกง” หัวหน้าขุนนางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเดินไปหยิบเอกสารในชั้น มันเป็นสมุดเล่มใหญ่เรียบ ๆ เมื่อท่านเฉินกงเปิดก็เห็นแผนที่และวางไว้พร้อมรายละเอียดเหมือนจะเป็นรายละเอียดเจ้าของที่ดินทั้งหมดในแคว้น
“บริเวณนั้นเดิมทีเป็นของขุนนางแต่ว่าตอนนี้หนีออกนอกแคว้นไปแล้วขอรับ ตอนนี้นับเป็นของหลวงเดี๋ยวกระหม่อมจะเปลี่ยนข้อมูลสมุดเล่มนี้ใหม่” ขุนนางที่หนีออกนอกแคว้นโดยไม่ขออนุญาตนับว่ามีความผิดร้ายแรงจะไม่สามารถเข้าแคว้นได้อีกและถ้าทางการจับได้จะโดนประหาร
“ดีเลย ยังไงรบกวนท่านเฉินกงแล้ว” ชิงเหยียนยิ้มเท่านี้เขาก็เข้าใกล้ความฝันเข้าไปอีกนิด
ร่างโปร่งแสงลอยวนเวียนอยู่ข้าง ๆ ระหว่างที่ชิงเหยียนกำลังนั่งทำงานอย่างตั้งใจ เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่าดั่งเทพเจ้าสรรค์สร้างขมวดคิ้วยามภรรยากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาแคว้นแต่ตนซึ่งเป็นฮ่องเต้กลับช่วยอะไรไม่ได้ทำได้แค่ดู ตนไม่ต่างจากคนไร้ค่า..รอพี่อีกนิดนะภรรยาที่รัก