ตามติดจริงอย่างที่ตั้งใจ เพราะพอกลับมาที่หอ ผมก็จัดการล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยด้วยไอดีของคชา ตรวจสอบตารางเรียนของมันว่าเรียนวิชาอะไร ที่ไหนบ้าง โชคดีที่วันพรุ่งนี้ คชามีเรียนไม่ตรงกับคลาสของผม ผมมีเรียนเช้า คชามีเรียนบ่าย ซ้ำยังไม่ได้เรียนที่ตึกคณะ แต่เรียนที่ตึกเรียนรวม แถมยังเป็นห้องเรียนใหญ่ ต่อให้ผมแฝงตัวเข้าไปก็ไม่มีใครสงสัย ผมจึงวางแผนไว้ว่าพอเรียนวิชาคณะเสร็จสิ้น ผมก็จะรีบจรลีปรี่ไปที่ห้องเรียนนั้นเพื่อเข้าเรียนร่วมกับคชา
อย่างที่รู้ตั้งแต่แรกว่ามันเป็นห้องเรียนใหญ่ ผมเลบแอบกังวลเหมือนกันว่าจะหาตัวคชาไม่เจอ แต่รู้อะไรไหมว่าคชาอะไรนั่นน่ะโคตรจะเด่นเลย มองแต่ไกลก็ยังรู้เลยว่าเป็นมัน ผมเลยจัดการปรี่เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พยายามก้มหน้าก้มตาไม่สบตาใครด้วยเกรงว่าจะเห็นดงป๋องแป๋งให้เสียสายตาก่อนที่จะได้เริ่มแผนการ
พอมุดฝ่าคนจำนวนมากมาได้ ก็นั่งปุ้กลงบนเก้าอี้ข้างๆ คชาเหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทางเดิมด้วยไม่ได้สนใจอะไรนัก ประเมินจากท่าทางแล้ว ดูท่าจะจำผมไม่ได้
ก็นะ... คงจำได้อยู่หรอก ผมในตอนไปทำงานกับตอนไปเรียนแต่งตัวเหมือนกันที่ไหน ตอนไปเรียน มันแต่งตัวยังไงก็ได้ ผมเลยเอาผมที่ปรกหน้าปรกตาเพื่อที่จะได้ไม่ไปสบตาคนอื่นเอาง่ายๆ ส่วนตอนไปทำงาน ถึงจะเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ แต่ภาพลักษณ์มันก็สำคัญ เลยต้องเสยผมขึ้นให้ดูเรียบร้อย
แค่ทรงผมเปลี่ยน หน้าตาก็เปลี่ยนแล้ว...
กระนั้นผมก็ไม่ได้สนใจนักว่ามันจะจำผมได้ไหม เอาแต่สังเกตว่ามันมาเรียนกับใคร ผมจะได้หาจังหวะเข้าชาร์จถูก แต่ดูแล้วเหมือนจะมาเรียนคนเดียวแฮะ งั้นก็ดีเลย จะได้หาโอกาสเข้าถึงตัวง่ายๆ
บอกว่าจะหาโอกาส หาจังหวะ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้หาไม่ได้ง่ายๆ หรอก รออยู่พักใหญ่ทีเดียวกว่าที่คชาจะเริ่มนั่งเท้าคางด้วยอาการเหม่อๆ คล้ายกับว่าเบื่อการเรียนการสอนของวิชานี้แล้ว เท่านั้นแหละ ผมก็สบโอกาสยื่นมือไปสะกิดปั๊บ
คชาหันหน้ามามองทันควัน ผมยิ้มให้ ก่อนมันจะมองเหลียวซ้าย แลขวา แล้วก็ทำหน้างงๆ จากนั้นก็หันกลับไปทางเดิมราวกับว่าก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ทักมัน ผมเลยต้องสะกิดไปอีกที คชาหันมาอีกรอบ คราวนี้มีสีหน้ารำคาญนิดหน่อย
“เรียกเราเหรอ”
“อืม สะกิดใครอยู่ล่ะ”
ผมว่า หัวคิ้วคนตรงหน้านี่ย่นยู่เลย ก่อนคชาจะถาม
“เรารู้จักกันเหรอ เรียนคณะเดียวกันปะ ไม่เห็นเคยเห็นหน้า”
จะเคยเห็นหน้าได้ยังไง ผมปิดหน้าขนาดนี้เนี่ย แล้วมันก็จำผมไม่ได้อย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ ด้วย ผมเลยทวนความจำให้ด้วยการล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบกระเป๋าเงินของมันออกมาถือเอาไว้ จงใจให้มันเห็น
“ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันหรอก แค่เรียนมหา’ลัยเดียวกัน พอดีนายทำนี่ตกน่ะ เราก็เลยเอามาคืน”
สีหน้าหงุดหงิดของคชาเลือนหายไปแทบจะในทันที ก่อนจะยื่นมือมาคว้ากระเป๋าเงินจากมือผม
“ไปเจอที่ไหนเนี่ย นึกว่าจะไม่ได้คืนแล้วซะอีก”
“เจอในห้องน้ำ” ผมตอบ เอี้ยวตัวหลบก่อนที่มันจะคว้ากระเป๋าเงินได้
คชาชะงักกึกที่ผมไม่ยอมส่งของคืนง่ายๆ พลันมองหน้าผมอย่างสงสัย
“ห้องน้ำ?”
“อือ ห้องน้ำ”
“ห้องน้ำไหน หรือว่า...”
เหมือนตอนนี้จะจำได้แล้วว่าผมเป็นใคร คงจะรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาบ้าง ผมเลยเหยียดยิ้ม พร้อมจัดการเสยผมหน้าตัวเองขึ้นให้มันเห็นหน้าชัดๆ
“ห้องน้ำในห้างไง”
พอได้เห็นหน้าผมชัดเจนเท่านั้น คชาก็อ้าปากค้าง ก่อนจะกระเด้งลุกขึ้นยืน แหกปากเสียงดัง
“มายังไงของมึงวะเนี่ย!”
แหกปากลั่นสนั่นซอยมาก ความสุภาพก็ไม่มี ขึ้นมึงขึ้นกูหน้าตาเฉย ทำเอาคนทั้งห้องเรียนหันมามองยังมันเป็นตาเดียว ก่อนที่มันจะถูกอาจารย์อัปเปหิออกจากห้องในไม่กี่นาทีให้หลังด้วยโทษฐานไม่ตั้งใจเรียน
มันก็ยอมเดินออกจากห้องมาง่ายๆ นะ ดูท่าแล้วคงตั้งใจจะหนีผม แล้วถามว่าผมยอมปล่อยให้มันจากไปง่ายๆ ไหมล่ะ ...ไม่ บอกว่าจะตามติดแล้วก็ต้องตามสิ เห็นมันถูกไล่ออกจากห้อง ผมก็คว้าสัมภาระเดินตามมันออกมาทันที
เดินตามไปได้พักใหญ่ คชาก็เหมือนจะสิ้นสุดความอดทน หันมาแผดเสียงใส่ผมระหว่างที่เราเดินกันไปตามทางที่มุ่งตรงไปยังโรงอาหาร
“ตามกูมาทำไมวะ มึงจะเอาอะไร”
ผมที่ก้มหน้ามองพื้นระหว่างเดินอยู่เหลือบมองใบหน้าหล่อที่ยับยู่เล็กน้อยพลางว่า
“เราก็จะเอากระเป๋าตังค์มาคืนให้นี่แหละ”
“ถ้าจะมาแค่เอากระเป๋าตังค์มาคืนให้ ก็เอามา!”
ไม่ว่าเปล่า แบมือขอแบบซึ่งๆ หน้าอีกด้วย
ผมก็อยากจะให้แหละนะ แต่ท่าทางกุ๊ยแบบนี้มันใช่วิธีการขอของคืนจากคนที่อุตส่าห์เก็บได้ไหมฮะ!
ผมพยายามเก็บอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมาบ้างเต็มที่ อยากจะเลิกยุ่งกับมันเหมือนกัน แต่ก็นะ สบตามันกี่ครั้งๆ ก็ไม่เห็นจุ๊ดจู๋ ผมเลยจัดใจเทมันทิ้งไม่ลง ยิ่งในเวลาที่ต้องหารูมเมตเร่งด่วนก่อนที่จะถึงกำหนดย้ายออกจากหอหลังหมดสัญญาเช่าในเทอมนี้ด้วย ผมก็เลยต้องยอมตื๊อมันอย่างไม่มีทางเลือก
“คืนน่ะคืนแน่ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึง” ต่อรองออกมา
คชาทำหน้าเครียดทันควัน “อะไร”
“มาอยู่ห้องเดียวกับเราสิ”
ทำหน้าแหยงใส่ผมไปอีกที ก่อนจะครางออกมาเบาๆ
“มึงนี่มันโรคจิตจริงๆ ด้วยว่ะ”
“ไม่ได้โรคจิตเลย แค่อยากอยู่ด้วยกันเฉยๆ “
ผมว่าไปตามตรงด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ยิ่งพูด สีหน้าของคชาก็ดูขยะแขยงผมมากกว่าเดิมทุกขณะจิต สุดท้ายแล้วมันก็พุดออกมาว่า...
“งั้นกูไม่เอาละ กูยกให้มึง ส่วนมึงจะไปไหนก็ไปเลย บาย”
เดินหนีไปหน้าตาเฉยเลย แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เดินตามมันไปอีก ตามไปจนเกือบจะถึงโรงอาหาร ยิ่งเดินมาเจอคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งตามติดคชามากขึ้น
ไม่ใช่ตามติดสิ เดินติดจนแทบจะชิดแผ่นหลังเลยมากกว่า มือนี่คว้าปลายเข็มขัดที่หลังกางเกงมันจนกลายเป็นว่ามันจูงผมเดินแล้วด้วย
ก็แบบว่าคนมันเยอะน่ะ กลัวว่าจะไปสบตาใครเข้าแล้วเห็นชีเปลือยนี่หว่าเลยต้องเดินก้มหน้า แต่พอก้มหน้าก็กลัวว่าคชาจะหายเลยต้องจับเอาไว้
ส่วนคชาก็เหมือนจะหมดความอดทนอีกครั้ง หยุดเดินกะทันหัน เบรกเอี๊ยดเสียจนหน้าผมกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของมันเต็มแรง ก่อนมันจะหันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังข่มความโกรธสุดฤทธิ์
“ถามตรงๆ เลยนะ ตกลงมึงตามตื๊อกูให้ไปอยู่ด้วยทำไม กูว่าไม่ใช่แค่เรื่องอยากให้กูไปอยู่ด้วยละ มึงต้องมีเรื่องอื่นแน่”
ถูกเผงเลย มันมีเรื่องมากกว่านั้น แต่ผมก็ทำได้เพียงนิ่งงัน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ขืนบอกความจริงไปว่ามันเป็นคนเดียวและเป็นคนแรกที่ผมสบตาด้วยแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยวในตลอดสิบปีที่ผ่านมา เดี๋ยวมันก็จะหาว่าผมโกหกอีก ผมเลยต้องคิดหาทางโกหกไปเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องจริงที่จะทำให้มันคิดว่าเป็นเรื่องโกหก
โกหกอินเซ็ปชัน ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอี๊ก!
“ว่าไง ตกลงทำไมถึงอยากอยู่กับกู อย่าบอกนะว่าคิดอะไรแปลกๆ อยู่ โรคจิตป่ะเนี่ยมึงอะ อยากอยู่กับคนป็อปๆ อย่างกูเพื่อให้มีสาวมาสนล่ะซี่”
คิดอยู่พักนึง ยังไม่ทันจะคิดออก มันก็โพล่งออกมาละ มองหน้าผม เอียงคอถามด้วยท่าทางกวนโอ๊ยสุดๆ ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง ข่มความหงุดหงิดที่พรั่งพรูเข้ามา บอกปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไม่ใช่”
“เอ้า แล้วจะอยากมาอยู่กับกูทำไม หรือว่า...” จู่ๆ คชาก็ทำท่าคิด พลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม “มึงจะแอบชอบกู?”
กูจะเอาผู้ชายด้วยกันมาทำมะเขืออะไร!
ผมถึงกับเบิกตาโตทันควันกับความมั่นอกมั่นใจของมัน พลันผลักหน้าหล่อๆ ที่อยู่ใกล้เพียงคืบออกห่าง โพล่งออกไปเสียงดังอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่เว้ย!”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิวะ จะโวยวายทำไม ทำเสียงดังงี้ แม่งโคตรมีพิรุธ”
จริงของมัน ผมเลยรีบเก็บอาการ ทำปากมุบมิบด่ามันในใจไปที ขณะที่มันก็มองผมอย่างระอา ก่อนว่าขึ้นมาอีก
“คุยกับมึงแล้วเสียเวลาชีวิตว่ะ เอาแบบซีเรียสเลยนะ ตกลงมึงอยากจะอยู่กับกูทำไม กูจะได้รู้สักทีว่ามึงตามตื๊อกูทำบ้าอะไร”
ผมจ้องหน้าคนตัวสูงกว่านิ่ง เผลอเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิดว่าควรจะบอกความจริงไปไหม สุดท้ายก็...
“เออ บอกก็บอกวะ”
“อะ รอฟัง”
คชายืดตัว ยกแขนขึ้นกอดอก ทำท่าตั้งใจฟังสุดๆ เห็นแล้วผมก็หมั่นไส้