ทว่าไอ้การพูดไม่ทันคิดของผมเมื่อกี้มันกลับทำให้คนฟังทั้งคนที่ชื่อคชาและผองเพื่อนพากันทำหน้าตกใจไปอีกระลอก ผมเองก็เพิ่งมาตระหนักได้ในอีกไม่กี่วินาทีให้หลังว่าการที่จู่ๆ ก็ไปชวนคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้จักกัน ไม่รู้อะไรเลย แถมมาเจอกันในห้องน้ำอีก มันเป็นเรื่องประหลาดโคตรๆ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็ผมดีใจนี่นา
ดีใจที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมาได้เจอกับผู้ชายที่สบตาด้วยแล้วไม่เห็นลูกป๋องแป๋ง ใครมาเป็นอย่างผม มันก็ต้องดีใจเท่านั้นแหละเว้ย
ดีใจมาก ดีใจจนออกนอกหน้าจนเก็บอาการไม่อยู่ เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ไม่ใช่อมยิ้มด้วยนะ ยิ้มแบบยิ้มเลย ยิ้มจริงๆ ยิ้มยิงฟันกว้าง แล้วก็กลายเป็นผมคนเดียวที่ยิ้มด้วย เพราะพอคนอื่นๆ เห็น พวกมันก็ทำหน้าตาขยะแขยงผมขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ แต่ผมคงต้องไปก่อน”
ได้สติอีกระลอกก็ตอนคนที่ผมจับแขนอยู่เปล่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยรีบหุบยิ้มเมื่อคิดได้ว่าผมทำตัวประหลาดมากเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งท่าหนีแล้ว
แหม เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละ ผมก็เข้าใจหมอนี่นะ แต่ไม่ปล่อยหรอก เดี๋ยวมันวิ่งหนี งั้นอธิบายสักหน่อยก็แล้วกัน
“คือว่านะ ที่เราอยากชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะ เป็นเพราะว่า...”
“ขอตัวก่อนนะครับ หนังจะได้เวลาฉายแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”
พูดยังไม่ทันจบเลย หมอนั่นก็แทรกขึ้นมาแล้ว ท่าทางแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจผมสุดชีวิต มือก็เอื้อมมาแกะมือผมที่จับแขนอยู่ออกด้วย แต่ผมไม่ปล่อย เกาะไว้แน่นเป็นเห็บเกาะหมายังไงยังงั้น ทำเอาหัวคิ้วเข้มของอีกฝ่ายย่นยู่
“อะไรเนี่ยเฮ้ย!”
ย่นคิ้วใส่อย่างเดียวไม่พอ เริ่มขึ้นเสียงด้วย คล้ายกับว่าจะหมดความอดทน ถามว่าผมกลัวว่ามันจะต่อยไหม...ก็กลัวนะ แต่มีคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องประสบกับภาพอุจาดตา ผมก็อยากได้เข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตนี่หว่า
ทว่าเหมือนมันจะไม่อยากให้ผมเข้าไปอยู่ในวงโคจรตัวเองเท่าไหร่ เห็นผมจับไม่ปล่อย เกาะเป็นตุ๊กแก จากที่มองหน้าผมอย่างหงุดหงิดก็สะบัดมือผมที่เกาะกุมอยู่ออกเต็มแรงจนมือผมหลุดออกมา
“ปล่อยสิเว้ย จะหาเรื่องกันหรือไงวะ!”
ตะคอกตามมาด้วย ท่าทางเป็นมิตรก่อนหน้าที่อุตส่าห์เอาทิชชูออกจากก้นผมให้ในตอนแรก ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นพร้อมจะเสยหน้าผมด้วยกำปั้นให้หงายหลังไปถนัดตา จนเพื่อนๆ ของหมอนี่ต้องมาดึงตัวออกห่างผม
“อย่าไปสนใจเลยน่า ไปกันเถอะ”
คนที่เป็นคนฉุดผมขึ้นยืนพูด ส่วนคนอื่นๆ ก็คะยั้นคะยอให้ทำตามนั้น ผู้ชายที่ชื่อคชามีท่าทางฮึดฮัดเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนไปแต่โดยดี แล้วนึกเหรอว่าผมจะยอมปล่อยมือไปง่ายๆ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องได้หมอนี่มาเป็นรูมเมตให้ได้!
วินาทีที่ถูกสะบัดหลุดออกจากตัวและเหยื่อกำลังจะหนีไป ผมก็รวบรวมความกล้า พุ่งเข้าชาร์จด้วยการโผเข้ากอดเอวจากทางด้านหลังทันทีที่หมอนั่นหันหลังให้ อีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว หันมาโวยวายเสียงดังลั่น
“ทำบ้าอะไรของมึงวะเนี่ย!”
ไร้ซึ่งความสุภาพอีกต่อไป ผลักผมออกเต็มแรงจนผมเซไปอีกทาง แต่ผมก็ไม่หยุดแค่นั้น พุ่งเข้าไปกอดอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้กอดจากทางด้านหน้า
“อย่าหนีเราไปเลยนะ เราตามหาคนอย่างนายมานานแล้ว มาอยู่กับเราเถอะ เราขอร้อง!”
ปากพูดอะไรไปไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ สำหรับผมน่ะมันเป็นความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ และไม่ได้หมายความว่าผมชอบหมอนี่อะไรแต่อย่างใดด้วย เหตุผลเดียวคือสบตามันแล้วไม่เห็นกระเปี๊ยวก็แค่นั้นเอง แต่สำหรับคนอื่นทั้งคชา ทั้งเพื่อนๆ ของมันที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
มันจะคิดอย่างผมได้ไงล่ะ ก็พวกมันไม่รู้นี่ว่าผมต้องประสบชะตากรรมอะไรมาบ้าง ได้ยินผมพูดอย่างนั้น มันก็คิดไปเป็นอย่างอื่นแล้ว
“โรคจิตหรือไงวะมึงเนี่ย ปล่อยนะเว้ย!”
ถูกผลักจนกระเด็นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เซธรรมดา ล้มกระเด็นก้มจุ้มปุ้กลงไปกับพื้นเลย ก่อนทำท่าจะพุ่งเข้ามาต่อยผมด้วย ผมคงจะโดนต่อยเข้าจริงๆ แล้ว ถ้าเพื่อนๆ ของคชาไม่ถลาเข้ามาห้ามไว้ก่อน
“ไอ้คชา อย่าไปสนใจเลยมึง ไปเถอะ อย่ามีเรื่อง”
คนเดิมที่ฉุดผมลุกขึ้นยืนร้องห้ามอีกแล้ว คนอื่นๆ เลยช่วยกันห้ามบ้าง
“กูก็ไม่อยากมีเรื่องหรอก พวกมึงก็ดูแม่งสิ ทำบ้าอะไรของมัน”
“เอาน่ามึง มึงมันหล่อ ใครๆ ก็อยากเข้าหา อย่าไปสนใจ”
ได้ยินเพื่อนป้อยอ คนที่ชื่อคชาเลยพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง จบเรื่องเอาดื้อๆ
“กูก็เข้าใจอยู่ แม่ง เบื่อความหล่อของตัวเองจริงว่ะ”
จากที่อยากได้มันเป็นรูมเมต ได้ยินมันพูดประโยคนี้ก็แทบกลอกตาเป็นเลขแปด ไม่ใช่เลขแปดอารบิกด้วยนะ เลขแปดไทย
มึงมั่นหน้าอะไรเบอร์นี้เนี่ย!
ความต้องการมันมาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในหอเดียวกันหายวับไปทันตา ได้แต่มองคนพวกนั้นเดินออกจากห้องน้ำไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนพวกนั้นหายออกไปข้างนอกแล้ว
เออ ช่างมันเถอะ ไว้หาเอาใหม่ก็ได้
ถ้าเจอคนแรก มันก็น่าจะมีคนที่สองที่สามตามมาแหละ ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ แต่สักวันเดี๋ยวมันก็ต้องเจออีก คนมีตั้งกี่ล้านคน คงไม่ได้มีมันคนเดียวหรอกมั้งที่สบตาแล้วไม่เห็นจู๋น่ะ
คิดได้อย่างนั้นก็สบายใจขึ้น ผมลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ควรจะทำ หากแต่พอผมถูพื้นตามห้องส้วมไล่ไปทีละห้องจนมาหยุดที่ห้องซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ชายที่ชื่อคชาเข้าไปใช้ ผมก็เจอกับวัตถุบางอย่างหล่นอยู่ที่พื้นบริเวณข้างชักโครก
กระเป๋าตังค์นี่หว่า...
ก้มลงไปหยิบขึ้นมาทันที เปิดกระเป๋าออกมาดูอย่างถือวิสาสะ เห็นมีแบงค์พันอยู่สองสามใบกับเศษเงินอีกนิดหน่อย ผมก็เบ้ปากใส่รัวๆ
ขโมยเงินมันแม่งเลย หมั่นไส้ มั่นหน้าดีนัก!
ความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบรรดาบัตรต่างๆ ที่เสียบไว้ในซอกกระเป๋า
ถ้าบัตรพวกนี้หาย คงจะลำบากน่าดูเลย
คิดแล้วก็เปลี่ยนใจ ตั้งใจจะเอาไปคืนแทน หยิบบัตรนักศึกษาออกจากกระเป๋ามาดู นอกจากชื่อจริงที่เขียนว่าคชาตามที่เพื่อนๆ มันเรียกแล้ว หน้าบัตรก็ระบุว่าเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผมอย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก เลขประจำตัวนักศึกษาก็บ่งบอกว่าเรียนชั้นปีที่สองเหมือนกัน เพียงแต่รหัสคณะเป็นคนละคณะเท่านั้น ผมเรียนนิติฯ คชาเรียนวารสารฯ ตึกคณะอยู่ใกล้ๆ กัน เดินเอาไปฝากไว้ที่คณะแล้วให้มันไปเอาคืนเองก็ได้
แต่ไม่... ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก
ใครจะไปทำกันวะ อยากได้คืนก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเว้ย!
ความคิดชั่วร้ายผุดพรายขึ้นมาในหัวทันที กะจะเอากระเป๋าตังค์ไปแลกเปลี่ยนกับการที่ให้มันยอมมาเป็นรูมเมตผมแทน
คิดไปก็หยิบบัตรนักศึกษาของมันขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าไอ้บ้านั่นเขียนรหัสพาสเวิร์ดสำหรับล็อกอินเว็บไซต์มหาวิทยาลัยไว้ด้านหลังของบัตรด้วย
มันบ้าหรือไงวะเนี่ย มีใครไปเขียนรหัสพาสเวิร์ดไว้แบบนี้บ้าง ไอดีก็ใช้เลขประจำตัวนักศึกษา ถ้าเกิดมีใครหมั่นไส้มันขึ้นมาเหมือนผมแล้วแอบล็อกอินไอดีมันเข้าไปแกล้งดร็อปเรียนจะทำยังไง สะเพร่าชะมัด แต่ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของมัน แล้วก็เป็นโชคดีของมันด้วยที่ผมเป็นคนเก็บได้ เพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากมันเลย นอกจากได้มันมาอยู่ด้วยเท่านั้น
แผนชั่วผุดพรายขึ้นมาในหัวอีกแล้ว
คอยดูเถอะ พรุ่งนี้โดนตามติดเป็นตังเมแน่!