ฮิคารุซามะอะไรเล่า นั่นพี่ชิณณ์เว้ย!

1407 คำ
ว่าไอ้คชาว่าเป็นโรคจิต คิดไปคิดมา ผมก็ไม่ต่างกัน พอวันใหม่มาถึง ผมไม่มีเรียนเช้า ทว่าคชามี ผมก็ไปโผล่หน้าที่คลาสเรียนของมันอีกละ ทำเอาคชาที่เห็นหน้าผมกลอกตาเป็นเลขแปดไทยรัวๆ ดูเหมือนมันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยที่วันนี้แก๊งเพื่อนของมันพร้อมใจกันโดดเรียน ผมเลยมีโอกาสตามติดมันอีกครั้ง ตามติดยันตอนพักเที่ยง มันไปกินข้าวที่โรงอาหารใกล้กับตึกเรียนรวม ผมก็ตามมันไป ทำเอามันแหวผมเสียงลั่นโรงอาหารไปสี่ซ้าห้ารอบ “มึงจะตามกูทำไมหนักหนาเนี่ย ชาติก่อนเป็นเห็บหรือไง บอกแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์!” กูก็ไม่ได้เป็น มึงอย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจกูผิดสิวะ! ตะเบ็งเสียงอย่างนั้น คนอื่นก็มองกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วผมสนไหมล่ะ... ไม่ ไม่ใช่ไม่สนนะ ไม่มองรอบข้างเลยต่างหาก ก้มหน้างุดๆ อย่างรวดเร็ว ก็ใครมันจะไปกล้ามองรอบข้าง ตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้น่ะ พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเล็กน้อย ผมก็เปิดปากพูดบ้าง “แต่นายชอบฮิคารุอะไรนั่นก็แสดงว่านายเป็นแล้ว” “ไม่ได้เป็น แต่เว้นที่ไว้ให้ท่านฮิคารุคนนึง ถ้าเจอหน้าสักครั้งจะยอมพลีกายให้เลย” พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนผมก็เบ้ปากอีกระลอก มึงจะเว้นไว้ทำเพื่ออะไร ชอบผู้ชายด้วยกันถึงขั้นพลีกายขนาดนี้ จะคนเดียวหรือหลายคน ก็หมายความว่ามึงเป็นเกย์แล้ว! ผมไม่พูดอะไร ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็เปลืองน้ำลายไปกับการตื๊อให้มันมาเป็นรูมเมตด้วยจนหมดแรง หิวจนไส้กิ่วแล้วด้วย ดูท่ามันก็คงจะหมดแรงจากการออกปากไล่ผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าเหมือนกัน มันเลยไม่พูดอะไร เอาแต่ตักข้าวเข้าปากเอาๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมทำลายความเงียบขึ้น พอคว้าขึ้นมาดู ผมก็ย่นคิ้วนิดหน่อยที่เห็นหน้าต่างโปรแกรมแชตแจ้งเตือนขึ้นมา ปกติแล้วโทรศัพท์ผมมีไว้ให้แม่กับพี่โทรมาอย่างเดียวเท่านั้น นานๆ ทีจะมีส่งข้อความมาทางโปรแกรมแชตนิดหน่อย หากแต่พอเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาแล้ว ผมก็หายแปลกใจ ก็จะใครล่ะ พี่ชิณณ์ไง สงสัยมันจะแอดกันโดยอัตโนมัติเพราะผมเมมเบอร์พี่ชิณณ์ไว้ในโทรศัพท์น่ะ ‘มาวินนั่งอยู่ตรงไหนอะ เมื่อกี้พี่เห็นเดินผ่านอยู่แวบๆ ตามไม่ทัน’ ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขี้เกียจนับละว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ถอนหายใจอย่างนี้ พี่ชิณณ์นี่ก็เอาจริงซะด้วย เห็นเมื่อวานบอกว่าจะชวนมากินข้าว ผมก็นึกว่าพูดเล่นๆ ที่ไหนได้ จริงจังนี่หว่า ลืมไปแล้วด้วยเถอะว่านัดกับเขามากินข้าวกลางวันด้วยกันน่ะ ผมก็ไม่ตอบกลับไปหรอก มองซ้าย มองขวาแล้วไม่เห็นเขาก็ทำเป็นเฉยๆ ไป ทว่าพอทำเป็นเฉย เขาก็ส่งข้อความมาไม่หยุด เสียงข้อความเรียกเข้าดังรัวๆ จนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มทำหน้าหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที ก่อนจะแผดเสียงใส่ “ถ้าไม่คุยก็ปิดเสียงสิเว้ย!” ผมหยิบโทรศัพท์มา กำลังจะตั้งค่าเป็นระบบสั่น หากแต่พี่ชิณณ์ก็โทรเข้ามาเสียก่อน ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว “เอ้าๆ ตกใจอีก จะรับไหม ถ้าไม่รับก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเลย รำคาญ” กูก็รำคาญ! รำคาญมึงด้วยเนี่ย ใจเย็นๆ สิเว้ย! ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปตามที่คชาบอก ที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเพราะเชื่อฟังคำสั่งมันหรอกนะ เห็นมันเริ่มสงบ ไม่ออกปากไล่ผมแล้ว ผมเลยยอมทำตามมันเพื่อที่จะหาทางตะล่อมให้มันตอบรับข้อเสนอผมน่ะ แต่ทว่าถึงผมจะตัดสายและปิดเครื่องหนีพี่ชิณณ์ไปมันก็เท่านั้น เพราะไม่กี่นาทีให้หลัง ร่างสูงของผู้ชายผิวขาวโบ๊ะ หน้าตาอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นก็ปรากฎสู่สายตาผมทันที เขาถือจานข้าว เดินพล่านไปทั่วโรงอาหาร เท่านั้นผมก็รู้เลยว่าคนที่เขากำลังมองหาอยู่คือผมเอง อะไรไม่ว่า แม่งเดินตรงมาทางนี้ด้วย ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันใด นี่ถ้าสิงกับโต๊ะได้คงสิงไปแล้วล่ะ... คชาเห็นผมมีท่าทางแปลกๆ ก็ย่นจมูก ส่งเสียงกวนโมโหออกมา “มาละ เอาละ ไม่ได้กินยาตอนเช้ามาสินะ อาการเลยกำเริบ ไหนยาแก้บ้า กินข้าวเสร็จแล้วก็รีบๆ กินเข้าไปซะ จะได้หายบ้า” มึงนี่ก็ปากดีเหลือเกินไอ้คชา ตอนนี้มันใช่เวลาที่จะมากวนโมโหไหม! ผมอยากจะเงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่มันฉิบเป๋ง แต่ก็ทำได้แค่กลอกตาไปมา ส่วนคชาก็ส่งเสียงดังหึขึ้นจมูก รวบช้อนส้อมที่ถืออยู่เข้าหากัน “วันนี้กินไม่อร่อยเลยว่ะ เพราะมึงคนเดียวเลย” ไอ้นี่...อะไรก็โทษแต่กูตลอดเลยนะ ไม่ได้ไปทำอะไรให้สักนิด เห็นคชาจะลุกไป ผมก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้อย่างรวดเร็ว “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป” ไม่ให้มันไปเพราะกะว่าเดี๋ยวพี่ชิณณ์หาผมไม่เจอ ก็คงจะยอมตัดใจแล้วไปที่อื่นแทน ผมก็จะได้ตื๊อมันต่อ หากแต่คชาก็สะบัดแขนออก ว่าเสียงขุ่น “ตามจังเลยวะ อะไรอีกเนี่ย” “รอก่อน แป๊บนึง ยังคุยไม่เสร็จเลย” “กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงแล้ว เลิกตาม!” แล้วก็เดินไปเลย ผมอ้าปากค้าง เตรียมจะร้องเรียก ทว่าคชาที่ทำท่าฮึดฮัด คล้ายว่าอยากจะจรลีลี้หน้าไปจากผมในตอนแรกก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคน ใบหน้าหล่อดูตกตะลึงราวกับเห็นผี ผมเห็นแล้วก็สงสัยว่าจู่ๆ มันเป็นอะไร แต่ไม่ต้องถาม มันก็ตอบผมแล้ว "ฮะ...ฮิคารุซามะ" ไม่ได้ตอบผมหรอก มันแค่ครางไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันทำหน้าเหมือนเห็นผีเพราะอะไร เห็นพี่ชิณณ์นี่เอง... ครางอย่างตกตะลึงอย่างเดียวไม่พอ แข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งตามเดิมหน้าตาเฉย มีเพียงสายตาที่จับจ้องยังพี่ชิณณ์ที่เดินไปเดินมาแถวนั้นไม่หยุด ปากก็ยังครางเรียกอีกฝ่ายไม่เลิก “ท่านฮิคารุ...” แล้วก็ครางเรียกอย่างนี้ไปอีกหลายรอบ ผมถึงกับกุมขมับ อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ใช่ แค่คนหน้าเหมือน แต่ไม่พูดดีกว่า เกิดพูดไปแล้วพี่ชิณณ์หันมาเห็นผมขึ้นมา ผมได้ซวยลูกตาพอดี ทว่าไอ้การที่ไม่พูด เอาแต่ก้มหน้าจะสิงสู่กับโต๊ะเนี่ย ก็ทำให้คชาละเมอเพ้อพกอยู่คนเดียวไม่หยุด จากที่ครางเรียกฮิคารุซามะสิบวิ สองสามครั้ง ตอนนี้ครางเรียกอย่างถี่ “ฮิคารุ...ซามะ ฮิคารุ...ซามะ...” มึงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไง พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วเว้ย! ผมเงยหน้าเหลือบมองมันที่มองอีกฝ่ายตาค้าง มองตามร่างพี่ชิณณ์ไปมาอย่างระอาขณะที่ยังซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ ใจก็ไม่อยากจะสนใจทั้งมัน ทั้งรุ่นพี่เวรนั่นหรอกนะ แต่พอคชาพูดขึ้นมาแบบเพ้อๆ อีกครั้ง ผมเลยอดรำคาญไม่ได้ ก็มันน่ะเพ้อไม่พอ ตอนนี้เริ่มพานมาเขย่าผมด้วย "ท่านฮิคารุ... ฮิคารุซามะจริงๆ ด้วยมึง" เขย่าซะกูเป็นเซียมซีเลยไอ้คชา สติเว้ยมึง ตั้งสติ! “มึง...ท่านฮิคารุเว้ย ท่านฮิคารุมาโปรดแล้ว” "ฮิคารุซามะอะไรเล่า นั่นพี่ชิณณ์เว้ย!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม