ตอนที่ 3

1470 คำ
3 “ไอ้...บ้าน่ะสิ! ความสามารถอย่างฉัน ไม่จำเป็นต้องใช้รูปร่างล่อเสือล่อตะเข้หรอกย่ะ” เถียงกลับอย่างไม่ยอมรับความจริง ด้วยบ่อยครั้งการทำงานก็ต้องมีอ่อยยั่วยวนกันบ้าง แต่ก็พอหอมปากหอมคอเท่านั้นเอง ด้วยเธอไม่เอาศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาแลกกับลูกค้าบางคนคิดว่าเธอไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ประชาสัมพันธ์ ติดต่อตามประสานงาน ทำให้เขาเหล่านั้นได้รับบริการอันดีและพึงพอใจสูงสุด จนบางคนถือโอกาสนี้แทะโลมด้วยปากเสียๆ ที่สมควรเอาหนอนยัดให้กินแทนข้าว จิ้มไอ้ตาที่ชอบแทะโลมไปทั่ว หักมือที่ไวยิ่งปูไต่โน่นแตะนี่ ขอแค่ได้ส่วนใดของกายนุ่มนิ่มเพียงเล็กน้อยก็ยังเอา เมื่ออีกฝ่ายมองได้เธอก็มองได้เช่นกัน นัยน์ตากลมใสราวลูกแก้วกวาดไล่จากปลายเท้าขึ้นไป “อืม...” ทำเสียงเข้มในลำคอ อย่างยั่วยุกวนอารมณ์ “ปากไม่แตก หัวไม่ปูด เลือดไม่ไหล ตาไม่ถลนออกมาให้อีกาบินลงมาจิกเล่น ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ งั้นฉันไปได้แล้วใช่ไหม” เอ่ยถามพร้อมตวัดหน้าเชิดขึ้นและหันหลังก้าวเดินฉับๆ “อ้าว...จะไปไหนละคุณ ยังไม่ได้คุยกันเลยนะ ชนแล้วหนีหรือไง คนอะไรแต่งตัวก็ดี หน้าตาก็สวย แต่ไม่มีความรับผิดชอบเลยนี่น่า” เอ่ยเสียงเข้มประชดประชันปนถากถาง เขาไม่ได้เจ็บอะไรหรอก แค่อยากเตือนเท่านั้นเอง ขับรถไม่ควรประมาท ควรมองทางไม่ใช่มองนั่นมองนี่ จนทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน นี่ดีนะที่เขาหลบทัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องพากันไปโรงพยาบาล เสียค่ายาค่าหมอและเสียเวลาอีก ส่วนแม่เจ้าประคุณก็ต้องเสียทั้งเวลา เสียเงินทั้งค่ารักษาเขาและค่าซ่อมรถอีก เหตุแค่นิดเดียวแต่ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ได้นิดเลย เผลอๆ ถ้าดวงซวยก็จะกลายเป็นฆ่าคนโดยประมาทอีก สายน้ำผึ้งหยุดกึก ตวัดหน้าบึ้งตึงแดงคล้ำอย่างระงับอารมณ์โกรธเอาไว้แทบไม่ไหว หันมามองคนปากไม่มีหูรูด “ไม่ได้คิดหนี แต่นึกว่าคุณไม่เอาความ เพราะมัวแต่มองขาอ่อนฉันจนน้ำลายไหลย้อย ยกมือซับไม่ทัน” โต้กลับทันควัน ยกสองมือสอดไขว้ระหว่างอก ยื่นเท้าสอดไขว้มาด้านหน้าพร้อมกระดิกปลายเท้าเล็กน้อย เสียดายไม่มีหมากฝรั่งในปากจะได้เคี้ยวฉับๆ อย่างที่เคยทำเมื่อไม่พอใจใครแล้วต้องการก่อกวนอารมณ์ “มองขาอ่อนกับเอาความ คนละเรื่องกันเลยนะ คุณทำผิดแล้วก็ควรรับผิด ไม่ใช่เถียงเอาชนะข้างๆ คูๆ อย่างนี้” “แล้วไง ฉันผิด...ฉันยอมรับ คุณจะเอายังไงว่ามา” เพราะสายตาเหลือบไปเห็นของบางอย่างในมือชายหนุ่ม กลีบปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีสดเบะออกเล็กน้อยอย่างหยามหยัน “ว่าแค่คนอื่น ตัวเองละดีเสียเมื่อไหร่ ก็ผิดเหมือนกันนั่นแหละ” โต้กลับอย่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายโยนข้อหาใส่แต่ฝ่ายเดียว “ฉันผิดตรงไหน” มองจากหน้าตาแล้วอีกฝ่ายเป็นอายุคงไม่เกินยี่สิบห้าปี อย่างนี้ก็เท่ากับเป็นน้องเขาได้ ถ้ารู้จักมักจี่สักหน่อย จะพาเข้าห้องเรียนให้ครูอบรมมารยาทเสียใหม่ เป็นเด็กเป็นเล็กปากคอเราะรายเถียงคำไม่ตกฟากเอาเสียเลย “เพราะคุณมัวแต่คุยโทรศัพท์กับเมียอยู่น่ะสิ ถึงได้ไม่มองทาง ทำให้ฉันเกือบกลายเป็นฆาตกร” โต้กลับอย่างไม่ยอมรับผิดแต่ฝ่ายเดียว สาดสายตามองไปที่โทรศัพท์ในมือชายหนุ่มอย่างต้องการบอก...นั่นไงหลักฐาน ชัดเจนแจ่มแจ้ง ปฏิเสธไม่ได้ “เธอนี่นะ...นอกจากเถียงเก่งแล้วยังหาความคนอื่นเก่งจริงๆ กะแค่ฉันมีโทรศัพท์อยู่ในมือ ก็เหมาว่าตอนเกิดเหตุคุยกับเมียเสียอีก ปรักปรำกันอย่างนี้ ไปคุยที่โรงพักดีกว่าไหม” “ไม่!! หยุดนะ!” ห้ามพร้อมถอยกรูดด้วยคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาลากไปยังสถานีตำรวจ เพราะต้องพาน้องไปกรอกใบสมัครงานต่อหรอก ไม่เช่นนั้นเธอไม่กลัว ไปโรงพักนั่นแหละยิ่งดี ให้ตำรวจตัดสินไปเลย ใครผิดใครถูก ใครจะเป็นฝ่ายเสียหน้า “ต้องการเรียกค่าเสียหาย ค่าทำขวัญเท่าไหร่ก็บอกมา” ตอนแรกไม่ได้คิดหรอกนะ แต่ตอนนี้น่ะ...ใช่เลย “ไอ้พวกไม่มีงานทำ ชอบหาเงินบนความลำบอกของคนอื่น รีดไถกันหน้าด้านๆ ” ไม่เพียงแค่คิดแต่สายน้ำผึ้งยังเอ่ยมันออกไปด้วย “อ้าวคุณ...พูดอย่างนี้ก็สวยสิ ฉันไม่ได้วิ่งมาตัดหน้ามาให้รถเธอชนนะ มานี่เลย...ไปโรงพัก” “ไม่!! หยุดนะ คุณก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” “ข้อหาอะไรไม่ทราบคร้าบคุณผู้หญิง” เอ่ยถามอย่างเล่นลิ้น “ลวนลาม” “โธ่คู้ณ...อย่าคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นซี่” ทำเสียงทุ้มๆ ต่ำๆ และยังจะลากยาวก่อกวนโทสะสาวตรงหน้า “ให้คุณหน้าตาดี สวยเลิศราวกับนางสาวสยาม ยืนแก้ผ้ามาโยกซ้ายย้ายขวาเด้งหน้าเด้งหลังตรงหน้าก็...” เบะปากเล็กน้อย ยกนิ้วส่ายไปมา “หน้าตาสวยแต่นิสัยเห่ย พูดจาไม่เข้าหูคนอย่างนี้ ไม่ใช่สเปก ฉันไม่คิดสั้นหยิบเอาไปทำเมียหรอก รำคาญเสียงเห่าแง่งๆ ข้างหู บอกตรงๆ หน้าตาสวยแต่นิสัยไม่ดี กระเดือกไม่ลง” สายน้ำผึ้งหน้าตึงเมื่อถูกด่ากระทบถึงเจ้าสี่เท้า เกือบกรีดร้องและกระทืบเท้ากึกๆ แล้วเชียว แต่ข่มกลั้นเพลิงโทสะเอาไว้ในอกได้ทัน รอบกายเคยมีแต่ผู้ชายคอยเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอ ทว่าอีตาปากเสียแรกเจอคนนี้กลับต่อว่าเสียๆ หายๆ แล้วยังดูถูกหยามหยันอีก ก็เอาสิ...มาลองดูกัน คนอย่างเธอไม่ยอมให้ไอ้หน้าหล่อแต่ปากเสียนี่ดูถูกโดยไม่โต้ตอบกลับหรอกนะ อย่างนี้ต้องเอาคืนให้สาสม มือเรียวและยื่นไปด้านหน้า “อะไร?” “นามบัตร” “เผอิญฉันนึกได้ว่ามีธุระสำคัญ ไม่สามารถอยู่คุยกับผู้ชายปากสุนัขเน่า ส่งกลิ่นเหม็นโชยมา จนฉันอยากคายของเก่าทิ้งได้ เลยคิดว่าขอนามบัตรคุณ แล้วค่อยนัดคุยอีกที หลังจากที่คุณไปปรับปรุงกลิ่นปากเหมือนหมาเน่าให้ดีขึ้น” รอบกายเขามีผู้หญิงเยอะแยะไปหมด แค่ส่งสายตามามีหรือที่เขาจะไม่รู้ เธอคิดทำอะไรอยู่น่ะ ผู้หญิงสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมดนะ เอะอะก็...ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย มุมปากหนายกขึ้นเล็กน้อยก่อนขยับ “ไม่ล่ะ...ฉันไม่อยากได้ค่าทำขวัญ ไม่อยากได้...” สายน้ำผึ้งถึงกับสั่นเทิ้ม ในอกร้อนราวกับถูกไฟเผา จากการมองของคู่กรณีปากสุนัขที่บ่งบอกมาอย่างชัดเจน...ไม่อยากเห็นเธออยู่บนเตียงเขา! ‘อีตาบ้า เอาสมองส่วนไหนคิด สวยเลิศอย่างเธอนี่นะ คิดอยากไปนอนบนเตียงเขา ฝันไปเถอะ’ กรามเล็กๆ ขบกัดจนแก้มนวลนุ่มขึ้นสัน นัยน์ตาเป็นประกายกร้าวแข็ง สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง ท่องไว้...อดทน เป็นครู่ใหญ่เธอถึงลดทอนความโกรธในอกลงได้เล็กน้อย กลีบปากอิ่มนุ่มคลี่ยิ้มละมุนละไม “ไม่อยากได้ค่าทำขวัญ แล้วอยากได้อะไรจากฉันล่ะ” “แค่เอ่ยคำขอโทษมาก็จบ แล้วทีหลังถ้ารู้ตัวว่าขับรถอยู่ก็ช่วยดูถนนหนทางด้วยละกัน ไม่ใช่ว่ามองดูอย่างอื่น...” ไม่จำเป็นต้องเอ่ยพูด เพราะอีกฝ่ายคงรู้ตัวดีแล้ว เขาหมายถึงสิ่งใด ‘ไอ้...ไอ้ปากมอม!’ ริ้วลมร้อนพุ่งขึ้นจนแทบออกทางใบหูราวกับหวูดรถไฟ ขบกัดฟันจนมีเสียงดังกรอดๆ ประกายไฟในดวงตาแลบแปลบปลาบราวกับสายฟ้ายามท้องฟ้ามีพายุฝนฟ้าคะนอง ศีรษะซีกหนึ่งคล้ายถูกลิ่มเหล็กกระหน่ำตอกเป็นจังหวะการเต้นของเส้นเลือด พร้อมอาการคลื่นไส้อยากคายของเก่าทิ้งไป ทว่าสายน้ำผึ้งยังสามารถอดทนข่มกลั้นใจให้ดวงหน้านวลแดงระเรื่อยังมีรอยยิ้มหวานละมุนอยู่ได้ “ไอ้ที่พูดมากปากเสียอยู่นี่ ต้องการแค่คำขอโทษเนี่ยะนะ...ได้สิ ฉันขอโทษที่ขับรถเกือบชนคุณไปอัดก๊อบปี้กับฟุตบาท เสียดายน่าจะไปบี้อัดกับต้นไม้หรือไม่ก็ผนังตึงที่มีเหล็กแหลมๆ ยื่นออกมาน่ะ จะได้แทงให้เป็นรูโหว่ ถ้าให้ดีเกี่ยวเฉือนปากให้ฉีกจะได้ไม่มาพูดว่าเขาอื่นเขาเสียๆ หายๆ อย่างนี้” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม