4
“อ้าว...มาแช่งกันได้ไงน่ะ หน้าตาก็สวยดี แต่ปากเปราะอย่างนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ No boyfriend”
เมื่อถูกปรามาสเอาซึ่งๆ หน้า สายน้ำผึ้งถึงร้อนราวถูกไฟเผา ทำไม...เธอไม่มีไอ้ตัวพัดลมส่ายไปมาแล้วมันหนักส่วนไหนของเขาล่ะ ชิ...จมูกโด่งยู่ย่น “สนใจไปทำไมไอ้พวกผู้ชายเฮงซวย เห็นดีแต่เอารัดเอาเปรียบ สร้างแต่ปัญหาให้คนอื่นเขาลำบาก งานการไม่ยอมทำ คอยแต่รีดไถเงินทองไม่เว้นแต่ละวัน มีไปก็เท่านั้น รำคาญมากกว่า”
“อืม...เหตุผลก็ดีนี่” พยักหน้าเล็กน้อย “แต่อันที่จริง หน้าตาสวย แต่นิสัยไม่ดี เลยไม่มีใครเอามากว่า”
“ไอ้...ไอ้คนปากมอม กินหมาเน่าเป็นอาหารหรือไง ถึงได้มายืนว่าผู้หญิงปาวๆ อย่างนี้น่ะ จะให้ฉันหาผ้าถุงผู้หญิงให้ไหม”
“เก็บเอาไว้ใส่เองเถอะคุณ ดีเสียอีก ใส่ผ้าถุงลวดลายสวยๆ เจริญหูเจริญตาดีกว่าไอ้กระโปรงสั้นเต่อ จนแทบปิดไอ้นั่นไม่มิด” ด้วยตอนนี้เริ่มมีสายตาหลายคู่จากเหล่านักศึกษาเมียงมองมาด้วยความสนใจ อีกทั้งหางตาไกลๆ คุ้นว่านักศึกษาที่เดินตรงลิ่วมาหานั้นเป็นเขาเคยสอนเสียด้วยสิ
“เฮ้ย!! เดี๋ยว จะไปไหน” สายน้ำผึ้งส่งเสียงร้องโวยวายเสียงเขียว เมื่ออยู่ดีๆ อีตาหมีควายปากเน่าปากบอนก็หันหลังหนีไปซะงั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่น้ำผึ้ง” เฌอเอมมาทันเห็นหลังไวๆ ของชายคนที่เดินจากไป คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างคุ้นตา
“ก็อีตาบ้านั่นน่ะสิเอม ด่าพี่ซะเสียๆ หายๆ เลย แล้วยังไม่ยอมเคลียร์ หนีหน้าไปซะเฉยๆ บ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้” เอ่ยตอบกลับแทบเป็นผรุสวาท ยกสองมือเท้าสะเอวก่อนทาบบนขมับ
“อุ้ย!!” เฌอเอมร้องอุทาน นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อจำชายที่เดินจากไปอย่างเร็วไวได้ “นั่นมัน...” ยกมือชี้ไปที่ร่างหนาก่อนย้อนกลับมาปิดปากตัวเอง
“ใคร...เอมรู้จักเหรอ” กัดฟันถาม
เฌอเอมพยักหน้ารับหงึกๆ ส่งยิ้มแหยๆ ให้กับพี่สาวคนบ้านเดียวกัน “ค่ะ รู้จักค่ะ” รับคำเสียงแผ่วเบา
“บอกพี่มาสิ อีตาหมีควายนั่นเป็นใคร” ถามเสียงเข้มดุ แม้พยายามระงับอารมณ์โกรธอย่างที่สุดแล้ว แต่ก็ทำได้อยากเย็นเหลือเกิน ในศีรษะคล้ายยังมีเสียงหวึ่งๆ หวี่ๆ ของแมลงมอดไม้ชอนไชอยู่
“ค่ะ...” เฌอเอมหน้าเหวอ เมื่อเจอสรรพนามที่สายน้ำผึ้งเรียกอาจารย์หนุ่มเจ้าเสน่ห์ ซึ่งเจ้าตัวเองก็เคยเอ่ยชมเชยยามเธอเล่าให้ฟังเรื่องนิสิตสาวแต่งกายด้วยเสื้อรัดติ้วจนกระดุมแทบหลุดปลิวใส่หน้าคนอื่น กระโปรงหรือก็สั้นเต่อจนปิดแค่แก้มก้นนิดเดียว จนถูกเตือนหยิกแกมหยอก ที่สาวๆ หลายคนฟังแล้วถึงกับหน้าชา ไม่กล้าใส่กระโปรงสั้นและเสื้อรัดติ้วในวันที่มีวิชาเรียนของอาจารย์หนุ่ม ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าระเบียบ ทุกอย่างต้องออกมาดี ทำรายงานส่งต้องเป็นลายมือตัวเองและตัวบรรจง รวมถึงภาษาคำสะกดพลาดแม้ตัวอักษรเดียวก็ไม่ได้
“ว่าไงเอม อีตาหมีควายนั่นเป็นใคร” เอ่ยถามซ้ำ เมื่อเฌอเอมไม่ยอมตอบคำถาม
“เอ่อ...อาจารย์...อาจารย์เอมเองค่ะ”
“หือ...”
“ค่ะ อาจารย์คนที่เอมเคยเล่าให้ฟังไงคะ”
“คนนี้นะ” คล้ายโลกหมุนกลับ นี่เธอไป...โอ๊ย!! อยากจะบ้าตายจริงๆ มึนงงอย่างกะทันหัน ร่างโปร่งบางเซถลาไปแทบติดขอบกระโปรงรถ มือเรียวทาบจับข้างแก้มและขมับ
“เป็นอะไรคะพี่น้ำผึ้ง ปวดศีรษะอีกแล้วใช่ไหมคะ เอมว่ารีบขึ้นรถดีกว่าค่ะ” เอ่ยด้วยความเป็นห่วง อากาศวันนี้ก็ร้อนเสียเหลือเกิน จนขนาดเธอเคยยืนกลางแดดเปรี้ยงๆ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ช่วยแม่ดำนาปักกล้าและเก็บเกี่ยวข้าวในนายามอากาศร้อนจัดมาแล้วยังรู้สึกแสบส่วนที่ถูกแดดเลย
สำหรับคนแพ้แดดอย่างสายน้ำผึ้ง ที่เจอแดดจัดๆ เมื่อไหร่จะปวดศีรษะถึงขั้นอาเจียน ดวงหน้าเรียวรูปไข่เปลี่ยนแปลงเป็นมีแก้มยุ้ยราวกับเด็กอ้วน ตาบวมคล้ายคนเอาแต่นอนไม่อยากตื่น แต่เพราะไม่หลับเลยทรมานด้วยความเจ็บปวดราวมีลิ่มเหล็กตอกโป้กๆ ที่กระบอกตาทะลุท้ายทอย
“เปล่า...แค่...อือ ใช่ หนักคิ้วมากเลย” ตอนแรกก็เกือบบอกว่าไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องถูกถาม สู้ยอมรับเป็นการตัดบทดีกว่า “วันนี้อากาศร้อนมาก เรารีบขึ้นรถกันเถอะ เอมต้องไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่อีก”
เมื่อเห็นน้องสาวนอกไส้ยังยืนละล้าละลังอยู่ สายน้ำผึ้งก็ลดกระจกลงพร้อมยื่นหน้าออกมาเล็กน้อย “เอ้า...เร็วๆ เข้าสิเอม ยังไปอีกไกลนะ”
“ค่ะๆ ไปแล้วค่ะ” เฌอเอมรับคำอย่างขำๆ เล็กน้อย นี่ขนาดว่าอาการปวดศีรษะเล่นงานอยู่นะ สายน้ำผึ้งยังกระฉับกระเฉงว่องไวราวกับคนปกติ กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาด รีบสาวเท้าเดินไปขึ้นรถอย่างไม่ต้องรอให้ถูกเรียกซ้ำเป็นครั้งที่สองซึ่งจะตามมาพร้อมคำบ่นว่า
“หยุดเลยเอม ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น” เอ่ยห้ามทันที เมื่อคนตัวเล็กก้าวขึ้นมานั่งแล้วหันหน้ามาหาพร้อมกลีบปากรูปกระจับขยับอ้าหมายจะห้ามไม่ให้เธอทำอย่างที่คิดไว้ ‘ไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็ได้ ในเมื่อเสื้อผ้าเก่ายังใช้ได้อยู่เลย’
เฌอเอมหน้ามุ่ย “ค่ะ” ตอบรับเสียงเบาหวิวอย่างเสียดายเงินในกระเป๋าที่คงต้องหายไปหลายบาทเชียวล่ะ
สายน้ำผึ้งอมยิ้มหันไปมองสาวน้อยข้างกาย ตอนที่แม่โทรมาเกริ่นอยากให้ช่วยดูแลใครสักคน เธอฟังแล้วทั้งหงุดหงิดและอึดอัดใจ ด้วยชินกับการอยู่คนเดียว แต่เมื่อแม่หว่านล้อมด้วยการสรรหาคำพูดต่างๆ นานา สุดท้ายก็เอ่ยพูดอย่างน้อยใจที่เธอไม่ยอมรับความเป็นห่วง เธอเลยจำต้องรับปากพร้อมตั้งป้อมไม่ชอบหน้าเฌอเอมตั้งแต่ไม่ได้เจอหน้า
ทว่าเมื่อได้เห็นหญิงสาวและอยู่ด้วยเข้าจริงๆ ความที่อีกฝ่ายค่อนข้างขลาดกลัวไม่มั่นใจในตัวเอง เลยเข้าใจทำไมแม่ถึงอยากให้มาอยู่กับเธอนัก คงเชื่อมั่นในตัวเธอจะดูแลและสามารถช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงเฌอเอมให้เป็นคนใหม่ เก่ง กล้าและมาดมั่น อย่างสาวทำงานยุคใหม่
ยอมรับจากเคยชินกับการอยู่คนเดียว เมื่อมีคนมาอยู่ด้วยแรกๆ ก็อึดอัดและหงุดหงิดใช่น้อย ยิ่งได้เจอกับนิสัยหัวอ่อน ขี้เกรงอกเกรงใจ อะไรก็ได้ทั้งนั้นทั้งที่ตัวเองกินไม่ได้ ปากเสียงก็ไม่มี ยอมจนกลายเป็นถูกจุดอ่อนให้ถูกคนอื่นเขาเอารัดเอาเปรียบจนคนที่ไม่ยอมใครอย่างเธอถึงกับโกรธกรุ่น เลยตั้งใจดูแลและปรับเปลี่ยนบุคลิกลักษณะเฌอเอมให้กล้าแกร่งและพร้อมสู้คน ไม่ยอมให้ใครเอารัดเอาเปรียบ แม้จะยังไม่ได้ดังใจมากมายอย่างหวัง แต่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ จนสามารถพาออกงานพบปะผู้คนได้ส่วนหนึ่ง
ทว่า...ศีรษะทุยสะบัดส่ายเล็กน้อย ติดอยู่ที่เฌอเอมหัวอ่อน ไม่มีจริตมารยา ใส่ซื่อจนเป็นเซ่อ ตามเพื่อนไม่ค่อยทันด้วยนิสัยเชื่อคนง่ายเกินไป เพียงเขาพูดดีหน่อยก็คิดว่าเขาดีและจริงใจด้วย จนเธอกังวลวันหนึ่งสิ่งนี้จะนำภัยมาให้
สายน้ำผึ้งหยุดคิดมาก คงต้องทำใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กังวลใจคิดมากไปก็รังแต่ปวดหัวเปล่าๆ สู้มีปัญหาแล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขอย่างมีสติยั้งคิดดีกว่า อีกทั้งรถก็เคลื่อนมาหยุดหน้าร้านที่หมายตาไว้แล้วด้วย รีบจัดการเรื่องเสื้อผ้าและพาเฌอเอมไปกรอกเอกสารสมัครงานให้เสร็จเรียบร้อยดีกว่า เผื่อว่าดวงดีอย่างที่เธอหวัง ก็อาจได้รับการสัมภาษณ์และได้งานเลย!