ตอนที่ 1
1
“ไหวไหมคะพี่น้ำผึ้ง” เฌอเอมเอ่ยถามอย่างเป็นคนขับรถ ซึ่งท่าทางอาการดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ด้วยเห็นมือเล็กที่จับพวงมาลัยรถเริ่มสั่นและจิกเกร็งจนเห็นเส้นเอ็นผุดขึ้นมาตามข้อ ดวงหน้าเรียวรูปไข่นวลเนียนแม้มีเครื่องสำอางปิดปังอยู่ ทว่าก็ยังสามารถมองทะลุไปเห็นความซีดของผิวหน้าได้
“ไหวจะ” สายน้ำผึ้งกัดฟันตอบกลับ นัยน์ตากลมโตขมวดนิ่ว เมื่อรอบบริเวณกระบอกตาร้าวคล้ายถูกลิ่มเหล็กตอกย้ำ จนเจ็บทะลุออกท้ายทอย เรื่องงานไม่ได้ทำให้เธอเครียดเลย หนักหนาแค่ไหนรับไหว แต่ไอ้เรื่องเครียดพาปวดศีรษะจนแทบแตกก็มาจาก...ผู้ชาย!
บ้าชะมัด! ทำไมชีวิตเธอถึงได้ซวยหนักก็ไม่รู้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องผจญอยู่กับผู้ชายปากว่ามือถึงตลอด ตั้งแต่เรียนมัธยมจวบจนจบมหาวิทยาลัยก็นึกว่าจะพ้นเรื่องบ้าๆ นี่เสียที กลับยิ่งหนักกว่าเก่าเมื่อเข้าทำงาน แม้เธอสามารถดำรงตนคงเส้นคงวาไม่หลงไปในข้าวของที่ถูกหยิบยื่นให้ แล้วยังพาตัวเลี่ยงไปไม่ให้เกิดเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวได้อีก ทว่ามาบัดนี้...
นอกจากความเบื่อหน่ายแล้วยังรำคาญถึงขั้นอยากหนีหายด้วยการลาออกไปซะ! ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หน้าตาท่าทางก็ดูดี สมาร์ต มาดแมนแอนด์แฮนซั่ม เรียกว่าถึงขั้นหล่อเกินหน้าเกินตาดาราหนุ่มสมัยนี้หลายคนเชียวแหละ ฐานะทางบ้านก็คงดีเอาการถึงได้เช่าห้องโรงแรมนอนตลอดไม่ยอมกลับบ้าน เสียแต่...
พูดจาไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เธอบอกว่าไม่! เน้นย้ำชนิดที่ว่าหากไปถึงหูแล้วตะโกนกรอกลงไปได้ก็ทำแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา ยังพาหน้าหนาๆ และร่างใหญ่อย่างกับยักษ์มาสร้างความรำคาญให้กับเธออย่างต่อเนื่อง ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน คอยส่งดอกไม้และข้าวของน่ารักราคาสูงพร้อมร่างสูงใหญ่มาเสนอ จนเธอแทบไม่เป็นอันทำงาน
ผู้ชายที่เคยแวะเวียนเมียงมองกระเซ้าแหย่กันบ้างพอให้ชุ่มชื่นหัวใจก็เริ่มห่างหาย ในขณะที่เพื่อนสาวๆ ที่เคยพูดจาถามไถ่เรื่องราวหยิกแกมหยอก ประมาณปะทะคารมลับฝีปากและหาเรื่องประเทืองปัญญาให้สมองไม่ฝ่อจนเกินไปนัก ก็เริ่มมองเห็นเป็นศัตรูอยู่เนืองๆ โดยมีสองสาวในห้องทำงานเดียวกับเธอ เปิดเผยตัวเป็นศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง เพียงแค่เดินผ่านหน้า ก็หาเรื่องพูดจาแขวะกัดคล้ายเจ้าสี่เท้าถูกเหยียบหางเห่า ให้หนวกหูและรำคาญใจ
คิดถึงสายตาเพื่อนร่วมงานที่มองมาแล้วสายน้ำผึ้งถึงกับกัดฟันกรอด สองมือกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น เพลิงโทสะคุกรุ่นราวไฟที่หลงเหลือควัน พร้อมอาการปวดศีรษะแล่นลิ่วราวกับรถไร้เบรกด้วยเรื่องที่เพิ่งประสบพบเจอมา
อีตารูปหล่อแต่ด้านราวกับมีใครใช้ปูนอย่างหนาโบกทับเอาไว้ มาพร้อมช่อดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ มาถึงก็ไม่คุยเล่นหยิกแกมหยอกอย่างทุกครั้ง แต่เอ่ยบอกรักหน้าตาเฉย เล่นเอาเธองงราวกับถูกไม้ฟาดเข้าที่ทัดดอกไม้ ด้วยเมื่อแรกเห็นทว่าหนีไม่ทันก็เลยเตรียมคำไว้ด่าเพียบ กลับกลายเป็นอ้าปากค้างด้วยความอึ้งตะลึงงันแทน ก็แหม...แม้จะมีชายมาจีบมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกรักนี่น่า
เหลียวมองรอบกาย มีเสียงแบ่งแยกแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝั่งหนึ่งตะโกนเชียร์ให้รับ แต่อีกฝั่งหนึ่งคือแม่สาวที่คิดว่าตัวเองสวยเลยเชิดไม่คบกับใครนอกจากพวกหลงตัวเองเหมือนกันเอ่ยกระแทกกระทั้น
“เล่นตัวให้เขาง้อ รอให้เขาบอกรักและขอแต่งงานอวดเพื่อนร่วมงาน หน้าไม่มียางอายเสียเลย”
เธอนี่อยากสวนกลับให้หน้าหาย แต่ตอนนั้นสมองมันตื้อ คิดอะไรไม่ออกเอาเสียจริง ได้แต่มองคนที่ยื่นแหวนและดอกกุหลาบให้หน้าแดงปลั่ง นัยน์ตาวาววับ สลับเหลือบมองหนึ่งสาวเพื่อนร่วมงาน ซึ่งยืนกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเธอด้วยความโกรธแค้นอิจฉาราวกับถูกเพลิงไฟเผาไหม้ทรวงอก กระเหี้ยนกระหือรืออยากตรงเข้ามาผลักเธอแล้วฝากฝ่ามือประทับไว้บนวงหน้าสวยๆ ก่อนแย่งรับดอกไม้และแหวน พร้อมกับเอ่ยปากรับคำรักแทน
‘เฮอะ เอาไปเถอะ รวยจริง หล่อจริง แต่ไม่เตะขอบหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะแทงโก้ได้ เธอไม่สนหรอก’
คิดถึงเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อสายของวันแล้ว ‘โว้ย!! ปวดหัวจริงโว้ย เมื่อไหร่จะมีใครมาสอยอีตาหน้าด้านนั้นไปให้พ้นๆ จากเธอเสียทีนะ’
“พี่น้ำผึ้งไม่ต้องมาส่งเอมก็ได้ แค่มารับเอกสารแล้วเอาไปยื่นและเขียนใบสมัครงานที่โรงแรม เอมไปเองก็ได้” เอ่ยบอกอย่างเกรงอกเกรงใจ
เธอไม่ใช่ญาติของสายน้ำผึ้งสักหน่อย เป็นเพียงแค่เด็กใกล้บ้านที่เมื่อพ่อกับแม่รู้ว่าสอบติดและต้องมาเรียนในเมืองหลวงก็กลายเป็นปัญหา ด้วยเป็นห่วงเป็นใยในทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องความปลอดภัยไปจนถึงที่อยู่ที่กิน ป้านุ้ยแม่ของสายน้ำผึ้งจึงเสนอให้มาอยู่กับลูกสาว ซึ่งอยู่คนเดียว มีเพื่อนเป็นคนบ้านเดียวกันสักคนท่านว่าจะได้อยู่ดูแลกัน เกิดเจ็บป่วยไม่สบายกลางค่ำกลางคืน จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องคนพาไปหาหมอ แล้วเธอก็ได้มาอาศัยอยู่กับพี่สาวคนเก่ง คอยดูแลในทุกเรื่องราวกับเป็นพี่สาวจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่คนรู้จัก
“ไม่เป็นไร เดินทางคนเดียวหลายตักหลายตอนอย่างนี้ไม่แค่ลำบากแต่ยุ่งยากด้วย ไหนจะเรื่องเวลาอีกล่ะ นี่ก็เข้าช่วงบ่ายแล้ว ขืนชักช้า เดี๋ยวก็ไปยื่นเอกสารและเขียนใบสมัครไม่ทัน ทำให้คนเขาว่าเราไม่รักษาคำพูด อีกอย่างเสื้อผ้าเอมก็ต้องหาเปลี่ยน หน้าตาอีกต้องเรียบร้อยแต่ดูดี”
เฌอเอมไม่ได้สวยแต่เข้าข่ายน่ารักน่ามอง ด้วยใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโตรับกับจมูกเล็กโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับ แต่งหน้าแต่งตาเล็กน้อยก็ทำให้คนหันมองได้ไม่ยาก เสียแต่ว่า...ศีรษะทุยสะบัดส่ายอย่างระอิดระอา ด้วยไม่แต่งหน้าเลย ทำให้น้องสาวคนนี้ของเธอดูเหมือนยายเพิ้ง ที่เพิ่งหลุดออกมาจากป่าไม่มีอารยธรรม
ยังมีผมซึ่งยุ่งเหยิงคล้ายไม้กวาดที่ถูกใช้งานจนเยิน ไม่รู้พบหวีบ้างหรือเปล่า กระโปรงก็สุ่มไก่ยาวกรอมเท้าอย่างไม่กลัวเดินไปสะดุดชายแล้วหัวทิ่มไปข้างหน้า เสื้อดีหน่อยที่ไม่ยาวหรือสั้นจนยกแขนที่ชายหลุดออกจากเอวกระโปรง แล้วยังสวมแว่นสายตาคันโตอีก คุณป้าโบ...โบราณมาเองเลยนะนี่
“ถึงพี่จะเปรยๆ แบบฝากฝังไว้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะได้เต็มร้อยนะ” ไม่ได้อยากใช้เส้นสาย ทว่าเมื่อโอกาสมาแล้วรู้ข่าวก่อนใคร ก็อยากนำเสนอคนใกล้ที่งานดี ขยันขันแข็งแถมยังไม่เกี่ยงด้วย หนักก็เอาเบาลุยไม่ถอย
“เป็นตัวเอมเองนั่นแหละ ที่ต้องทำให้เขาสนใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เรามีประสิทธิภาพพอ เมื่อเขารับเข้าไปทำงานแล้ว จะได้เป็นบุคลากรอันทรงคุณค่า ทำงานได้ดีและไม่ทำให้โรงแรมของเขาเสียหาย”
“แต่...” ก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่ คิดว่าชุดนักศึกษาดูดีและเรียบร้อยเหมาะกับการไปยื่นไปเอกสารและกรอกใบสมัครงานอยู่นะ
“ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกเอม แต่หน้าตาเรานะ ใส่ชุดนักศึกษาไป เขาก็ต้องคิดว่าเด็กที่ยังเรียนไม่จบไปขอทำเรื่องฝึกงานหรือไปวิ่งเล่นน่ะสิ” เอ่ยบอกเมื่อเห็นสายตาสงสัยของเธอเอม
“เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงต้องเป็นคนพามาเอง” ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใดจนทำให้เฌอเอมพลาดงานที่แม้จะหนักไปนิด แต่เงินเดือนและสวัสดิการอย่างอื่นดีมากๆ สำหรับนักศึกษาจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ทำงานจริง
“พี่น้ำผึ้งดีกับเอมมาก จนเอมไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงแล้ว ขอบคุณนะคะ” ยกมือไหว้สายน้ำผึ้งอย่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอเบ้า
“คิดอะไรมากล่ะเอม ก็เราคนบ้านเดียวกัน มีอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป” สายน้ำผึ้งละสายตาจากท้องถนน ดวงหน้าแย้มยิ้มละไมมอบให้สาวน้อยใกล้บ้าน ละมือจากพวงมาลัยมาตบมือแขนกลมกลึงเบาๆ ก่อนหันไปประคองรถพร้อมสอดส่ายสายตามองไปยังร้านรวงริมถนนที่หมายตาไว้จะซื้อให้เฌอเอมเป็นของขวัญ