Chapter 4
คนโมโหเลยจุดเดือดตวาดลั่น ล้มตัวทาบทับหญิงสาวไว้บนเตียง ถึงแม้จะตวาดแต่เสียงของเขาช่วยย้ำความดีใจในแววตาของหญิงสาว เธอไม่ได้ฝันไป เขากลับมาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ
“คุณคือคนเดียวที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของยาหยีสักวันตลอดสิบปีที่ใจเฝ้าจดจ่อรอคุณกลับมา”
“ฮึ! จดจำ เฝ้ารอ” ชายหนุ่มเค้นเสียงถามอย่างปวดร้าว บีบแขนของหญิงสาวแน่นขึ้นจนคนถูกบีบหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ
“ยาหยีเจ็บ”
“เธอจะปั้นหน้าใสซื่อหลอกลวงฉันไปถึงไหนตะวันวาด ฉันจะไม่มีวันเชื่อมารยาผู้หญิงแพศยาอย่างเธออีกต่อไป”
“คุณพูดเรื่องอะไร” หญิงสาวมองฝ่าความพร่าเลือนเอียงหน้าถามเขากลับไป เขาเปลี่ยนแปลงไปมากจนเธอจำแทบไม่ได้ แล้วยังคำพูดของเขาอีก เขาไม่มีอาการดีใจสักนิดที่ได้เจอเธอ
“คุณไม่ดีใจหรือ”
“เห็นแบบนี้สมควรจะดีใจงั้นหรือ...ผู้หญิงไร้หัวใจอย่างเธอจะไปรู้สึกอะไร” ยิ่งเห็นอีกคนงงงวยเขาก็ยิ่งโกรธ ความแรงที่บีบบนต้นแขนก็ยิ่งเพิ่มมาก พาให้ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยว
“พีท...ยาหยีเจ็บ คุณดื่มมาหรือคะ” คนถูกบีบต้นแขนเอ่ยถามเมื่อได้กลิ่นลมหายใจของเขาที่โชยออกมา
“เธอไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อนั้นอีก...พีทคนนั้นตายไปตั้งแต่ผู้หญิงอย่างเธอคบผู้ชายไม่เลือกหน้าแล้ว” ชายหนุ่มเค้นเสียงขึ้นจมูก “ไงล่ะ...ฉันไปแค่ปีเดียวเธอก็ทนเปล่าเปลี่ยวไม่ไหว ออกไปกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เธอเห็นฉันเป็นอะไร”
“ยาหยีไม่เคยทำอย่างที่คุณพูด ยาหยีรอคุณจนถึง...” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ไม่ทันที่เธอจะได้อธิบาย ชายหนุ่มก็ตวาดสวนกลับมาก่อน
“แพศยา! สงสัยเธอคงจะลืมบทเรียนที่ฉันตีตราเอาไว้ วันนี้ฉันจะรื้อฟื้นให้ ต่อไปนี้ก็อย่าหวังว่าจะวิ่งเร่กลับไปหาผู้ชายหน้าไหนได้อีก แม้กระทั่งเจ้าบ่าวของเธอ ถ้าฉันยังไม่เบื่อ ถ้าฉันยังไม่อิ่ม และถ้าฉันยังเสพสุขกับร่างกายเธอยังไม่พอ”
“ยาหยีอธิบายได้ เรื่องของพี่พัทธ์...คือ...”
ชายหนุ่มบีบหัวไหล่ก่อนจะกระชากคนร่างบางบนเตียงให้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากับตน แรงบีบเท่ากับอารมณ์ความร้อนในใจ
“อย่าพูดชื่อผู้ชายคนอื่นให้ฉันได้ยินอีก คิดถึงมันมากนักใช่ไหม อาลัยอาวรณ์มันมากใช่ไหม ฉันนี่แหละจะเป็นคนทำให้ฝันของเธอสลาย เธอจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ฉันคนเดียวที่จะได้เข้าหอกับเธอ...ฉันคนเดียวเท่านั้น...ตะวันวาด”
คำพูดแข็งกร้าวหลุดออกจากปาก จากนั้นริมฝีปากร้อนก็ซุกซบเนื้อนุ่มตรงลำคอของตะวันวาด เฝ้าขบเม้มเนื้อเนียนละเอียดรุนแรงตามอารมณ์โกรธ ก่อนจะวกกลับมาบดจูบหนักๆ ที่เรียวปากบาง
เมื่อความโกรธเข้าครอบงำ ความรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นความหยาบกระด้าง รอยจูบที่เขามอบให้สร้างรอยบวมช้ำให้ริมฝีปากนุ่ม หัวไหล่มนถูกกดแน่นยึดตรึงกับตัวของเขาจนหญิงสาวไม่สามารถขยับได้อีก ซอกคอขาวถูกรุกรานจากปลายลิ้นร้อนและแนวฟัน ทั้งเร่าร้อนและรุนแรงจนคอขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง ความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องไม่อาจลดอารมณ์รุ่มร้อนโกรธเกรี้ยวของแพทริกได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ปล่อยยาหยีนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้อีกแล้ว เวลาของคุณหมดแล้ว” หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงออกมาพลางออกแรงผลักไสแต่ก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งเพิ่มความแรงในรอยสัมผัส ทั้งแรงกดที่ต้นแขนจนแทบห้อเลือด
“เธอจะต้องจดจำฉันไปจนวันตาย...ตะวันวาด”
ชายหนุ่มตอบกลับเสียงแข็ง จนคนฟังน้ำตาร่วงพรูลงทันที วินาทีนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าเขาไม่ใช่พีทของเธออีกต่อไป
“ได้โปรด!” หญิงสาวเว้าวอนผ่านช่องไรฟันที่เปิดเผยอเพียงน้อยนิด
ริมฝีปากหนาประกบแนบแน่นเพื่อปิดเสียงร้องน่ารำคาญนั้นให้เงียบลงไป ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปเชยชิมความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างหื่นกระหายตะกละตะกลาม เรียกเสียงครางอืออาอย่างพึงพอใจดังอยู่ในลำคอของคนนำทางอย่างห้ามใจไม่ไหว มือหนาปล่อยออกจากไหล่บาง แหวกสาบเสื้อคลุมออกจากกันและปล่อยให้มันร่วงลงสู่ปลายเท้า ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนเรียบก่อนจะลากมือขึ้นมาปลดตะขอบราเซียร์ ปราการชิ้นสุดท้ายที่ขวางกั้นเนินอกอวบให้หลุดจากสายตา
ทันทีที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมก็ปรากฏภาพจี้หัวใจเส้นเล็กแทนใจที่เขามอบให้มีจี้คล้ายกันมาเคียงคู่ พอเขาเห็นก็ยิ่งสร้างความโกรธในแววตา และวินาที
นั้นก็มีภาพชายหนุ่มในรูปภาพที่เขาเคยเห็นซ้อนทับเข้ามา
‘มันเป็นของใคร’
มือหนากำมันไว้แน่น แววตาสั่นระริกด้วยความโกรธ เพียงคิดว่าใคร
คือเจ้าของเขาก็โกรธจนแทบอยากทำลายมันให้กลายเป็นจุณ
ตะวันวาดยกมือวางทาบบนมือหนาของเขา มองด้วยสายตาเว้าวอน “อย่าค่ะ...ยาหยีขอ”
สายตาอ้อนวอนหวงแหนของเธอกลับยิ่งทำให้การตัดสินใจของชายหนุ่มง่ายขึ้น เขากระชากมันขาดคามือและเหวี่ยงมันไปที่มุมห้องอย่างไม่แยแสความรู้สึกของหญิงสาว
“หวงมันมากใช่ไหม”
ชายหนุ่มจับร่างบางเหวี่ยงไปบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะตามลงไปทาบทับ ริมฝีปากหยักกดลงบนเรียวปากบวมเจ่ออีกครั้ง มือหนาตะปบบนสองเต้าเต่งตึงชูชันแล้วบีบเคล้นอกอวบ ปลายนิ้วตวัดถี่ที่ปลายยอดอิ่มพลางขยับตัวเข้าแนบชิด หากในใจนั้นกลับไม่คล้อยตามแรงสัมผัส เอาแต่เคียดแค้นและเฝ้าแต่คิดว่าคนมากประสบการณ์อย่างตะวันวาดจะผ่านชายมาแล้วกี่คน ทว่าความหอมหวานจากโพรงปากก็ลบความคิดไปได้ชั่วขณะ ปลายลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อเรียวลิ้นอย่างหลงใหล
ริมฝีปากร้อนเลื่อนลงต่ำซุกไซ้ไปตามเนินอกอวบหอมหวานกลิ่นเนื้อสาว ขบเม้มปลายถันเบาๆ อย่างหยอกเย้า ดูดดึงหื่นกระหายราวเสือร้ายหิวโซ ตะวันวาดเผลอตัวแอ่นอกเข้าหาสัมผัสของเขามากขึ้น
พชรจัดการกับชุดคลุมเกะกะของตัวเองก่อนจะโยนลอยหวือไปกองอยู่ตรงปลายเตียง จากนั้นก็ทาบทับร่างเปลือยเปล่าของเขากับเธออีกครั้ง
“อืม” เสียงทุ้มต่ำครางในลำคออย่างพึงพอใจ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวเลื่อนขึ้นไปเชยชิมความหวานบนเรียวปากอีกครั้ง สวนทางกับปลายนิ้วสากที่เลื่อนลงลูบไล้ไล่วนอยู่ที่สะโพกมน ไล้ลงมาจนกอบกุมเนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาวเอาไว้จนเต็มมือ
“ไม่นะพีท”
เสียงหวานร้องห้ามแต่กลับเป็นเหมือนเสียงเรียกร้อง พชรกรีดนิ้วลงกลางดงดอกไม้อย่างเบามือ น้ำค้างกลางยอดหญ้ากำลังร้องเรียกหรีดหริ่งเรไร
รวมไปถึงภมรหนุ่มอย่างเขาให้ฉกชิม
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอาการตอบรับผ่านมวลความชื้นในกายก็ยิ่งย่ามใจ ความฮึกเหิมลำพองส่งผ่านมาถึงปลายประสาทอีกเส้นที่ดุนต้นขาเนียนเรียบของหญิงสาว ราวปล่องภูเขาไฟที่พร้อมจะปลดปล่อยลาวาภายในออกมา ไม่รั้งรอให้เสียเวลาจนร่างกายปริแตกไปก่อนที่จะได้ฉกชิมรสหวานที่ร้างรามานาน ชายหนุ่มขยับตัวทาบทับร่างบางไหวระริกเอาไว้พร้อมกับบดเบียดสอดประสานแก่นกายให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
“กรี๊ด! ไม่นะ...พีท...ยาหยีเจ็บ” เสียงกรีดร้องกับสีหน้าคนใต้ร่างบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจากการถูกจู่โจมอย่างรวดเร็ว น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มนวลอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับชะงักนิ่งเมื่อสัมผัสถึงความคับแน่นและแรงตอดรัดในกายสาวที่กำลังโจมตีขับไล่สิ่งแปลกปลอมจนต้องถอดถอนออกมาก่อน
เธอผ่านผู้ชายมาไม่รู้กี่คน...เป็นไปไม่ได้ที่จะยังคับแน่นได้ถึงขนาดนี้ แต่หยาดน้ำตากับใบหน้าเหยเกพร้อมกับปฏิกิริยาต่อต้านพยายามถดถอยตัวออกห่างของเธอกลับบ่งบอกในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อของเขา
‘เขาเข้าใจอะไรผิดไปงั้นหรือ’
ไม่ว่าเขาจะเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ แต่สิ่งที่เขารู้ดีที่สุดก็คือเขาเป็นชายคนแรกของเธอ และความทรงจำในวันนั้นก็ยังฝังแน่นไม่รู้ลืม
“ยาหยี” พชรเสียงอ่อนลง เป็นครั้งแรกที่เขายอมเรียกชื่อที่คุ้นเคย ใบหน้าคมโน้มลงประกบจูบกลีบปากที่เขารังแกก่อนหน้า มอบจุมพิตอุ่นละมุนโหยหาแฝงความรู้สึกอ่อนหวาน เขาตั้งใจขอโทษคนใต้ร่างที่เผลอทำรุนแรงจนเธอเจ็บ เผยความเป็นตัวตนของพชรออกมาอีกครั้ง
ตะวันวาดยกมือผลักหน้าอกของเขาออกเป็นสัญญาณประท้วงให้เขาหยุดรังแก เพราะตอนนี้เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจเนื่องจากเขาสูบวิญญาณเธอไปเกือบหมดในเวลาเพียงไม่กี่นาที
“อย่าห้ามอีกเลยนะยาหยี ตลอดสิบปีที่ผ่านมาร่างกายของผมโหยหาแต่คุณ อยากรักคุณใจจะขาด”
ชายหนุ่มร้องขอเสียงพร่า และโดยไม่ทันรอฟังคำตอบก็โน้มศีรษะลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็จูบซับไปทั่วผิวหน้าเนียนนุ่ม ก่อนจะสอดปลายลิ้นร้อนดูดชิมความหวานอย่างหื่นกระหายไม่รู้จักคำว่าอิ่ม
ปลายนิ้วหนาแตะลูบไล้ไปตามเรือนร่างนุ่มก่อนจะหยุดอยู่ที่อกอวบ ปลายนิ้วร้ายไล่วนหยอกเอินยอดถันไปมาจนคนใต้ร่างครางกระเส่า เผลอแอ่นอกรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ