ข้อมูลที่มีอยู่ในหัวพบว่าที่แท้พี่สาวที่ลุงอี้ซวนเคยพาไปหายังตำหนักก็คือพี่อวี้หลันนี่เอง
ขณะหวนคิดถึงความสัมพันธ์ของตนกับลุงอี้ซวนและพี่อวี้หลัน ขาเล็กๆ ของเยี่ยนถิงก็พานางเดินไปตามทางลัดมุ่งสู่ด้านหลังของตัวบ้าน เส้นทางนี้นางเคยมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งนางก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาอวยพรท่านลุงมากน้อยเพียงใด เยี่ยนถิงคิดมาถึงตรงนี้แล้วจึงกระชับผ้าคลุมหน้าให้บังมากยิ่งขึ้น แม้จะไม่มีใครรู้จักนางมากนัก แต่หากโชคร้ายเจอคนที่รู้จักเล่า นางมิแย่หรือ คิดได้แล้วก็ออกเดินไปเรื่อยๆ ภาพตรงหางตาทำเอานางหยุดเดินแล้วหันมองตาม เมื่อไม่พบว่าเป็นใครหรือสิ่งใดนางจึงได้ก้าวเท้าเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
“เหตุใดต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เยี่ยนถิงแทบสะดุดลมหายใจของตนเองกับเสียงทักนั่นทันที ก่อนจะพ่นลมหายใจออกจากปากยาวๆ เมื่อครู่นางตกใจกับเงาดำที่เห็นตามหลังมาแล้วยังมาถูกท่านลุงทักนางแบบนี้อีก
“ท่านลุง เยี่ยนถิงนำของขวัญมาให้ท่านลุง”
สายตาของเติ้งอี้ซวนทอแววอ่อนโยนไม่น้อยเมื่อมองร่างเล็กในชุดที่แต่งให้เหมือนคนธรรมดามากที่สุดแล้วแต่ท่วงท่าของนางก็มองออกอยู่บ้างว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ลักลอบออกมาเดินตามทาง
อดีตแม่ทัพใหญ่มองไปรอบด้านแล้วจึงผายมือออกให้ผู้มาเยือนเดินตามตนเข้าไปยังบริเวณบ้านที่ห่างอีกไม่มากแล้วจากตรงนี้
“ขอบพระทัยองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านลุงต้องมากพิธีกับเยี่ยนถิงด้วยหรือ”
“พระองค์คือเชื้อพระวงศ์”
หลี่เยี่ยนถิงยิ้มรับ นางเดินตามมาจนถึงในบ้านของท่านลุงแล้วจึงส่งมอบของขวัญให้อี้ซวน พร้อมส่งของขวัญชิ้นสำคัญอีกหนึ่งชิ้นให้ด้วย
“ของขวัญชิ้นนี้ของพี่อวี้หลัน”
เติ้งอี้ซวนยิ้มแล้วรับของขวัญทั้งสองชิ้นจากนางไป ชั่วขณะมามองเห็นสายตาเหนื่อยล้าของท่านลุง ก่อนที่ท่านลุงจะพาไปนั่งที่โต๊ะแยกที่ ท่านร่วมโต๊ะกับนาง กินดื่มด้วยกันที่ลานด้านหลัง
แม้จะย้ายมาใช้ชีวิตนอกเมืองหลวงแต่ก็เดินทางไม่นาน บ้านหลังไม่ใหญ่แต่น่าอยู่ รอบบ้านท่านลุงปลูกผักเลี้ยงสัตว์ด้วยตัวเอง แม้มีบ่าวรับใช้ก็พอดูออกว่าเป็นทหารเก่าที่คงเป็นลูกน้องคนสนิทของท่านลุงมาก่อน หากท่านมีลูกหลานอยู่ห้อมล้อมด้วยท่านคงอบอุ่นขึ้นอีกไม่น้อย
นี่เป็นอีกเรื่องที่นางจะต้องทำให้พ่อลูกคู่นี้ลงรอยกลับมาเข้าใจกันให้ได้
อาหารแบบง่ายๆ ถูกปรุงแต่งขึ้นด้วยฝีมือของแม่ครัวที่เป็นชาวบ้านในละแวกที่มาช่วยดูแลงานเลี้ยงของอี้ซวน มีหลายจานที่หลี่เยี่ยนถิงเพิ่งเคยเห็นและเมื่อได้กินก็พบว่ามันช่างถูกปากนางเสียจริง
“องค์หญิงสาม”
หลี่เยี่ยนถิงยิ้มแล้วมองไปยังลุงอี้ซวน นางหยุดนำของกินเข้าปากเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของท่านลุงเตือนกลับมาว่า “เรื่องใดที่เป็นเรื่องของบุรุษ ตาแก่คนนี้ขอบังอาจกล่าวเตือนพระองค์ ขออย่าได้เอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวนะพ่ะย่ะค่ะ”
ย่อมเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน จึงได้มีคนออกปากเตือนเช่นนี้สองครั้งสองครา
“ท่านลุงวางใจเถอะ เยี่ยนถิงจะไม่เข้าไปยุ่งกับราชกิจเป็นอันขาด”
“หากทำได้ย่อมดีต่อพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกินจนอิ่ม ได้นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องแล้วนั้น หลี่เยี่ยนถิงก็เอ่ยปากถามขึ้น
“ของขวัญสองชิ้นที่เยี่ยนถิงนำมาให้ ท่านลุงชอบหรือไม่”
“ชอบพ่ะย่ะค่ะ”
นางคุยกับท่านลุงอีกหลายประโยคจนเห็นว่ากลับตอนนี้ก็น่าจะถึงตำหนักไม่เย็นมากจึงขยับตัวเพื่อเอ่ยลา มิวายที่ท่านลุงจะให้บ่าวใช้ในบ้านช่วยห่ออาหารแล้วเดินตามไปส่งให้ที่วัง
เยี่ยนถิงเกรงใจจึงขอหอบไปเพียงเล็กน้อย และขอไปเองไม่จำเป็นต้องตามไปส่งนางให้เป็นที่สังเกตของผู้อื่น ถึงอย่างนั้นท่านลุงอี้ซวนก็หาได้ยินยอมไม่ ท่านส่งเสียงเรียกบ่าวในบ้าน เป็นจังหวะที่มีคนมาเยี่ยมจึงคิดว่าต้องเสียมารยาทแล้วครั้งนี้
หลี่เยี่ยนถิงหันหลังเตรียมจากไป ขณะที่นางเดินไปยังทางออกของบ้านก็พบว่ามีเบื้องหน้ามีเงาดำและฝุ่นตลบพุ่งตรงมายังนาง
นางจะหลบให้พ้นจากทางแต่แล้วก็ใจหายเมื่อพบว่าคงหลบไม่พ้น จังหวะที่นางหมุนตัวหลบม้าสีดำตัวใหญ่นั่นเอง แรงมหาศาลจากคนบนหลังม้าก็ฉุดเอาร่างของนางขึ้นไปที่หลังม้าด้วยกัน
เพียงลมหายใจอุ่น ๆ
เพียงกลิ่นกายของเขา
เพียงอ้อมกอดที่ได้โอบรัดเพียงครั้ง
เพียงเท่านั้นหลี่เยี่ยนถิงก็จำเขาได้แล้ว
“ท่านแม่ทัพจางมาถึงแล้วหรือ เชิญๆ เชิญทางนี้ขอรับ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อของเขาจากบ่าวรับใช้ของท่านลุงอี้ซวน นางก็สั่นไปทั้งตัว เยี่ยนถิงออกแรงที่มีไม่ถึงเสี้ยว บางทีอาจเป็นเรี่ยวแรงเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของเขา ดิ้นรนจะลงจากหลังม้าสีดำตัวใหญ่นั่น จมูกและปากของจางซงหยวนเฉียดต้นคอของนางไปมา ทำเอาขนอ่อนบนตัวลุกเกลียวขึ้นในทันที ไม่ทันได้ออกปากบอกให้ปล่อยนางลงไป เขาก็พาตัวเองลงจากหลังม้าไปก่อน แล้วยกเอาร่างของนางตามลงไป
หลี่เยี่ยนถิงหันหลังแล้วเดินไปตามทางอย่างไว เสียมารยาทก็ช่างเถอะ ชั่วขณะนี้แล้วใครนึกถึงเรื่องมารยาทกัน
“ท่านแม่ทัพ”
เสียงเรียกของจางอี้ซวนดังขึ้นเมื่อแว่วเสียงบ่าวเอ่ยว่าแขกสำคัญมาถึงบ้านอีกคนหนึ่งแล้ว จางซงหยวนยังคงมองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไป แม้หายลับตาได้อึดใจใหญ่แล้วก็ตามเขาก็ยังคงมองอยู่อย่างนั้นนิ่งอึดใจเดียวจึงหันกลับมาทำคารวะอดีตแม่ทัพใหญ่ที่เป็นครูฝึกของตน
“ยาบำรุงจากท่านหมอและมีดเล็กสิบสองชิ้นที่ศิษย์ให้ช่างตีเหล็กในหมู่บ้านเหล็กกล้าช่วยตีขึ้นเป็นของขวัญของอาจารย์ จางซงหยวนขอมอบให้ท่าน”
“ขอบใจมาก ต้องลำบากท่านแม่ทัพอีกแล้ว”
อี้ซวนบอกด้วยท่าทีปลื้มใจ สายตาที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผย แม่ทัพใหญ่ที่ทั้งยังหนุ่มแน่น ทั้งมากด้วยความสามารถ ไม่เพียงเท่านั้นยังรู้จักวางตัว ไม่ต้องเป็นเครื่องมือของผู้ใดง่ายๆ แม้แต่ฮ่องเต้ แม่ทัพเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนักในสายตาของชายชรา
“อยู่ดื่มด้วยกันก่อนดีหรือไม่”
“ศิษย์ขอเสียมารยาท มีเรื่องต้องจัดการ”
อี้ซวนได้ยินก็พยักหน้าอย่างพอเข้าใจ ส่งทหารหนุ่มที่แข็งแกร่งอาจหาญในวันวานที่ตรงนั้นแล้วยืนมองจนอีกฝ่ายควบม้าจากไป มองเห็นเมฆดำเคลื่อนตัวมาจากทางเมืองหลวงก็ให้นึกห่วงองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงขึ้นมาจึงสั่งการให้บ่าวคนสนิมตามหลังไปโดยไว ด้วยกลัวว่านางจะกลับไปทันที่เมฆฝนนั่นจะโปรยปรายลงมา