"ปัง ฉันขอโทษ" พอเดินพ้นจากผู้ชายที่ชื่อว่าน ฉันก็รีบกอดปลอบเพื่อนสาวคนสนิททันที
"ฉันโอเคแก" ขนมปังผละกอดออก แล้วฝืนยิ้มทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร ทั้งที่น้ำตาของเพื่อฉันมันเริ่มมีน้ำใสๆคลอเบ้าอยู่รอบดวงตา
"งั้นเราไปสนุกกันดีกว่า ดนตรีกำลังจะเริ่มแล้ว" นักดนตรีที่อยู่บนเวทีเริ่ม Soundcheck เสียงดังกระหึ่ม ฉันและปังจึงค่อยๆแทรกตัวผ่านกลุ่มนักศึกษาที่มายืนออกันอยู่หน้าเวทีที่พร้อมจะสนุกไปกับคอนเสิร์ตในวันนี้
เวลาผ่านไปกว่าสามชั่วโมงที่เราสองสาวได้ปลดปล่อยความสนุกในตัวออกมาจนล่วงเลยเวลามาจนถึงสามทุ่ม
ฉันและยัยปังจึงเดินแทรกตัวออกจากลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อเดินพ้นออกมาจากกลุ่มฝูงชนได้ ฉันและขนมปังรีบหาที่นั่งพักให้หายเหนื่อย ก็ยืนเต้นมาตั้งสามชั่วโมงไม่รู้ไปอึดกันมาจากไหน
"เหนื่อยหว่ะ" ฉันพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อยแล้วสูดหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพราะกลุ่มนักศึกษาต่างยืนเต้นเบียดเสียดกันแน่นขนัด
"เหนื่อยแต่ก็สนุกนะแก" ยัยปังที่นั่งอยู่ข้างๆก็พูดด้วยเสียงหอบเหนื่อยเช่นกัน
"แกหิวหว่ะ" ฉันบอกกับเพื่อนสาวฉันแล้วทำท่าลูบท้องวนๆไปมา
"ฉันก็หิวเหมือนกัน"
เราสองคนจึงเดินกลับไปยังซอยหอเพื่อหาอะไรทานลงท้อง
ในระหว่างที่เดินคุยกันฉันเกิดอยากจะชวนยัยปังกินเหล้าปั่นเป็นเพื่อน เลยตัดสินใจถามมัน "สนใจกินเหล้าปั่นป่ะ" ตั้งแต่มันบอกจะมานอนหอ ฉันก็ตั้งใจว่าจะลองชวนดู นานๆเพื่อนจะมานอนหอสักวัน อยากให้ลองเปิดหูเปิดตาดูบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ชอปอย่างเดียว
"นี่แกกินเหล้าด้วยหรอ" ยัยปังดูท่าจะตกใจมากที่ฉันชวนมันกินเหล้า มันแปลกยังไงกับแค่เหล้า ใครๆก็กินป่ะ
"ก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยหรอก เพราะว่าฉันไม่มีคนกินเป็นเพื่อนหน่ะ" จริงๆฉันเพิ่งจะเริ่มกินเหล้าเมื่อตอนมาอยู่หอช่วงขึ้นปี3นี่เอง และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายอะไร จะมีก็ยัยปังที่สนิทสุด
"แกกินตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้" ยัยปังเบิกตากลมโตกว้างถามฉันเพราะความอยากรู้
"ก็ตอนมาอยู่หอนี่แหล่ะ เราบรรลุนิติภาวะแล้วนะ เป็นช่วงอยากรู้อยากลองหน่ะ" ฉันยักคิ้วตอบเพื่อนสาวสุดที่รัก
"แต่พรุ่งนี้เรามีเรียนนะ"
"เรียนบ่ายกลัวไร ไม่ได้จะให้กินจนเมาซะเมื่อไหร่ กินเอาสังคมนิดๆหน่อยๆหน่า" ฉันพยายามพูดหว่านให้ยัยปังลองลิ้มรสชาติเหล้าปั่น รับรองเลยว่าจะต้องติดใจแน่
"ก็ได้ เพราะแกนะฉันถึงยอม"
"ต้องแบบนี้สิเพื่อนรัก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยเถอะ เหม็นตัวเองจะแย่"
หลังจากที่เราสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอีกรอบเพราะเหงื่อที่ชุ่มจากการเต้นและคนที่แออัดของงานคอนเสิร์ตในมอเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
ตอนนี้เราสองคนลงมาทานข้าวที่ร้านฝั่งตรงข้ามหอฉัน ร้านที่ฉันเคยทานข้าวกับพี่พัฒน์ หลายวันแล้วนะที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกัน
"แกเป็นอะไร เห็นนั่งเหม่อ ตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จ"
"คิดถึงพี่พัฒน์"
"ว่าจะถามแกพอดี ตอนนี้แกกับพี่พัฒน์มีอะไรคืบหน้าป่ะ"
"ไม่เลยเว้ย" ฉันตอบแล้วทำหน้าสลดลงจนยัยปังยื่นแขนมาตบที่ไหล่ฉันเบาๆ
"ท้อหรอเพื่อน" ฉันเงยหน้ามามองยัยเพื่อนสาวแล้วทำหน้ายู่ใส่
"ไม่ได้ท้อ แต่ฉันกังวลอ่ะ คิดเยอะไปหมด"
"เห็นมะ ว่าแต่ฉันแกก็เป็น"
"เออ ฉันคิดไว้ว่าวันนี้หลังจบคอนเสิร์ตฉันจะลองโทรหาพี่พัฒน์ดู ป่านนี้น่าจะถึงคอนโดแล้วไหมวะ"
"น่าจะถึงนานแล้วไหม นี่มัน4ทุ่มแล้วนะ"
"ทานข้าวให้เสร็จก่อนแล้วกัน ค่อยโทรไป"
"ตามใจแก ฉันเอาใจช่วย"
"อาหารมาละ ทานเถอะหิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว"
ฉันและขนมปังเลยจัดการอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟจนเกลี้ยงจานภายในไม่กี่นาที เพราะหิวกันมากๆ
"ทานเสร็จละ โทรเลยสิ" ยังปังบอกพร้อมกับมีสีหน้าที่ลุ้นไปด้วยกับฉัน
ฉันจึงจับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกดดูที่รายชื่อ
"จะคุยไรดีอ่ะ" ฉันเงยหน้าขึ้นถามยัยขนมปังก่อนจะก้มหน้าลงไปมองยังชื่อที่อยู่หน้าจอโทรศัพท์
"อ่าว อยากคุยอะไรแกก็คุยไปดิ"
"ฉันไม่กล้า" พอฉันตอบไม่กล้า ยัยปังก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วพูดว่า "ความมั่นของเพื่อนฉันมันหายไปไหนหมดยะ"
"เอาไว้ตอนกลับขึ้นหอค่อยโทรแล้วกัน" ฉันปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางไว้ที่เดิม
"ถ้าโดนคนอื่นคาบไปก่อน อย่ามาร้องไห้ซบอกฉันก็แล้วกัน"
"ไม่มีทาง"
"ทีงี้ละมามั่นใจ"
"เออๆๆ ป่ะเรียกพนักงานมาคิดเงินเถอะ เดี๋ยวพาไปกินเหล้าปั่น เดินย้อนขึ้นไปอีกหน่อย"
@ร้านเหล้าปั่น
"ปัง เบาๆ เดี๋ยวก็ร่วงหรอก ดูดซะอย่างกับกินนมหมีปั่นงั้นอ่ะ" ฉันรีบห้ามปรามเพื่อนสาวที่กำลังดูดเหล้าปั่นหลายๆอึก
"อร่อยดีอ่ะ หวานๆเปรี้ยวๆ" พูดจบมันก็ดูดต่อ ไม่ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหมเนี่ย เดี๋ยวก็ได้คอพับแน่เพื่อนฉัน
"เออ พอก่อน" ฉันรีบแย่งหลอดดูดมันออกจากปาก
"ฉันนึกว่ามันจะขมๆซะอีก รสชาติแบบนี้ไม่น่าเมานะมิ"
เวลา 23.30น.
"แกฉันคิดถึงพี่พัฒน์"
"ปัง แกเป็นคนห้ามฉันแท้ๆ แต่แกกลับมานั่งเพ้อถึงพี่พัฒน์เนี่ยนะ"
"ฉันต้องโทรหาพี่พัฒน์ก่อน ฉันคิดถึงเค้า" ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู่ตัวนะว่าพูดอะไรออกไป แต่เหมือนมันมาจากจิตใต้สำนึกทำให้ฉันรู้สึกกล้าที่จะโทรหาคนที่ฉันชอบ
อึก อึก อึก อึก~
"เออดี ถ้าเมาแล้วจะกล้าแบบนี้ วันหลังก็กินมันเข้าไปทุกวันเลยก็แล้วกัน ฉันไม่ห้ามละ ดูดเข้าไปเยอะๆเลย"
"อย่ามาประชดฉันนะ" ฉันชี้หน้าคาดโทษยัยปังที่กล้าประชดฉัน ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เมา
"เจอกันอีกแล้ว" เสียงผู้ชายที่ไหนนะ แต่ไม่ใช่เสียงพี่พัฒน์แน่ๆ ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปดู ว่าแต่ทำไมหน้าเขาสั่นๆจังอ่ะ เอาเครื่องมานวดหน้าในร้านได้ด้วยหรอ
ฉันพยายามปรับโฟกัสสายตาแล้วเพ่งมองผู้ชายที่กำลังมองฉันอยู่
"มิ ว่านไง" ยัยปังที่สะกิดที่แขนฉันแล้วกระซิบข้างๆหู
"อ่อ...ว่าน...ทำไมไม่ยอมเอาไลน์เพื่อนฉันไปหล่ะ รู้ไหมว่าขนมปังมันชะ..." ยัยปังเอามือมาปิดปากฉัน ฉันพยายามแกะมือมันออกก็ไม่หลุด ฉันจะว่าสั่งสอนสักหน่อยกล้ามาหักอกเพื่อนสุดที่รักของฉันได้ยังไง
"เอ่อ...เดี๋ยวเราจะพามิขึ้นห้องแล้วหล่ะ เมาแล้วพูดเพ้อเจ้อหน่ะ" ว่าฉันเมาได้ไง แม่จะลุกขึ้นยืนตรงให้ดู
"นี่ ยืนตรงขนาดนี้เมาที่ไหน" ฉันพยายามคุมร่างกายตัวเองไม่ให้เซทั้งที่ตอนนี้ฉันมึนหัวเอามากๆ
พรึ่บ~
ยัยปังรีบลุกมาประคองฉัน
"เราช่วยไหม" ว่านพูด
"เอ่อ..."
"ไม่ต้อง ให้เพื่อนฉันดูแลได้คนเดียวเท่านั้น"
"ตามนั้นนะว่าน ขอบคุณมาก เราขอพามิรากลับก่อน"
ห้องมิรา
"แก โทรศัพท์ฉันหล่ะ"
"นี่" ฉันรับโทรศัพท์ที่ยัยปังยื่นมาให้ แล้วกดโทรหาพี่พัฒน์
"เบอร์อยู่ไหนน๊าาาาา อ๊ะ เจอแล้ว" หลังจากที่ฉันเลื่อนโทรศัพท์ไปมา พอเจอชื่อพี่พัฒน์ฉันก็รีบต่อสายโทรหาทันที
(มิมีอะไร)
"พี่พัฒน์ขาาาาาา"
(ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น เมามาหรอ)
"อื้อออ~ เปล่านะคะ"
(ไม่เมาแล้วทำไมเสียงเรามันยานๆแบบนี้)
"งื้อออ ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยเล่า"
(แล้วมีอะไรถึงโทรมาหาพี่ดึกๆดื่นๆ)
"มิชอบพี่นะคะ"
(ว่าไงนะ)
"มิชอบพี่พัฒน์"
(....)
ฉันยกหูโทรศัพท์ออกมาดู "แก พี่พัฒน์ตัดสายฉันไปหรอ ทำไมเงียบไป" ฉันหันไปงอแงกับยัยปังที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน แล้วให้ช่วยดูที่หน้าจอหน่อยว่าวางไปหรือยัง
ยัยปังส่ายหัวเป็นคำตอบ "อ่าว แล้วทำไมเงียบ ฮัลโหลพี่พัฒน์คะ อยู่ไหม"
(พี่จะนอนแล้ว แค่นี้นะ)
"แก พี่พัฒน์วางสายฉัน ฮือออออออ พี่พัฒน์ไม่อยากคุยกับฉัน"