น้ำเสียงของหลิวฉูฉู่ไม่ได้แสดงออกมาว่าพูดเล่นแม้แต่น้อย เฉียนกุ้ยเฟยถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
"ฮะ ฮองเฮา"
ถึงหลิวฉูฉู่จะพูดเบา ทว่าโจวจื่อเหลียงกลับได้ยินชัดเจน คิดในใจว่าตัวป่วนน้อยผู้นี้เริ่มข่มขู่คนอีกแล้ว
ถึงจะได้ยินเช่นนั้นเขากลับทำหน้าตายแล้วเอ่ยเสียงสำทับ
"เฉียนกุ้ยเฟยยังรีรอสิ่งใดอีก"
เฉียนกุ้ยเฟยคราวนี้ไม่กล้าร้องขอแล้ว น้ำเสียงรำคาญเย็นชาของฝ่าบาทนั้นยิ่งทำให้นางเจ็บปวดจนไม่อาจทนได้ เฉียนกุ้ยเฟยได้แต่โกรธแค้น กว่านางจะหาทางเข้าใกล้ฝ่าบาทได้ในวันนี้ทุ่มเทมาไม่น้อย ยังไม่ทันได้ปรนนิบัติหลิวฉูฉู่ก็กลายร่างมาเป็นมารผจญเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกสตรีนางนั้นข่มขู่ต่อหน้าผู้คนให้อับอายขายหน้าเสียอีก
เฉียนกุ้ยเฟยได้แต่เก็บความโกรธแค้นเอาไว้ภายในใจ ในเมื่อเป็นรับสั่งที่เด็ดขาด ยังขับไล่นางหลายครั้งเฉียนกุ้ยเฟยก็ไม่อาจทำหน้าหนาอยู่ต่อแล้ว
"หม่อมฉัน ทูลลาเพคะ"
หลิวฉูฉู่ลอบมองเฉียนกุ้ยเฟยด้วยสายตาเยาะหยันท้าทาย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นอ่อนหวาน นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาของตนเองแผ่วเบา
จู่ ๆ โจวจื่อเหลียงก็รินน้ำชาให้นางพลางเอ่ยว่า
"ดื่มชาหน่อยเถิด เกรงว่าฮองเฮาคอจะแห้ง เพราะร้องไห้ราวกับมีใครตายเยี่ยงนั้น"
หลิวฉูฉู่ร้อง หึ ในใจ ทว่ายังแสดงต่อ นางจึงเอ่ยเสียงสั่นระริก
"ก็หม่อมฉันเสียใจนี่เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่มอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉัน"
โจวจื่อเหลียงยิ้มเล็กน้อย
"เราไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เป็นฮองเฮาที่จัดการด้วยตนเองมิใช่หรือ"
หลิวฉูฉู่ไม่พูดแล้ว เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว เธอปาดน้ำตา เสียงสะอื้นค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างเป็นธรรมชาติ
"ดื่มชาเถิด"
หลิวฉูฉู่เสียงเครือกล่าวขอบพระทัย ก่อนจะยกถ้วยชาดื่มท่าทางงดงามยิ่งนัก
โจวจื่อเหลียงยังจับจ้องใบหน้างามพริ้ม มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบเช่นเดิม
หลิวฉูฉู่ส่งยิ้มที่คิดว่าตัวเองทำให้รอยยิ้มนี้หวานที่สุดให้เขาให้ ทั้งดูน่าขบขันและดูไร้เดียงสายิ่งนัก
ในใจของโจวจื่อเหลียงยังรู้สึกประหลาด เหมือนกับว่าหลิวฉูฉู่คนนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดจนทำให้คนที่มีอคติเช่นเขาถึงกลับไม่อาจมองหน้าของนางได้ตรง ๆ
หลิวฉูฉู่ประเมินท่าทางของโจวจื่อเหลียงเหมือนจะรู้ทันนางเสียแล้ว ทว่าการแสดงของเธอไร้ที่ติ โจวจื่อเหลียงจะรู้ทันได้อย่างไร
หลิวฉูฉู่แก้เก้อด้วยการคว้ากาน้ำชามาแล้วรินให้ตัวเองอีกชาม
คราวนี้โจวจื่อเหลียง สังเกตพฤติกรรมนี้อย่างเงียบเชียบ คล้ายริมฝีปากของเขาจะเอ่ยคำใดเมื่อนางรินน้ำจนเต็มชามใหญ่แต่แล้วริมฝีปากของโจวจื่อเหลียงกลับหุบเสียสนิท ไม่เอ่ยคำใดออกมาอีก
หลิวฉูฉู่ยังยิ้มหวานให้เขาแล้วเอ่ยว่า
"คอแห้งเพคะ ให้หม่อมฉันดื่มน้ำอีกหน่อยจะไปแล้ว"
พูดจบนางก็ดื่มน้ำนั้นจนหมดชาม ทว่าเพียงกลืนลงคอเท่านั้นความร้อนแรงของน้ำนี้ทำให้หลิวฉูฉู่ถึงกับพ่นออกจากปากแทบไม่ทัน หลิวฉูฉู่ทั้งสำลักทั้งพ่นน้ำจนหมดปาก ทั้งไอ ทั้งสำลักดูน่าขัน
"บ้าเอ๊ย นี่มันน้ำอะไรแสบคอฉิบหาย"
อาเหมียนกระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็วสมกับเป็นคนใช้อันดับหนึ่ง ทั้งเช็ดปากเช็ดหน้าให้หลิวฉูฉู่
"ฮองเฮาเพคะ เป็นอย่างไรบ้างเพคะ"
"อาเหมียนเลอะไปหมดแล้วดูสิ"
หลิวฉูฉู่มัวแต่มองตัวเอง ไม่ทันได้มองคนที่อยู่ตรงหน้ากระทั่งได้ยินเสียงเย็นของเขาดังขึ้น
"ฮองเฮา นี่เจ้า"
ยามนี้เองที่หลิวฉูฉู่เงยหน้าขึ้นมองเขาจึงได้พบว่าบัดนี้คอของนางคงอยากหลุดออกจากบ่าทันที เมื่อใบหน้านั้นของโจวจื่อเหลียงเต็มไปด้วยหยดน้ำที่นางพ่นออกมา
"ฝ่าบาทแย่แล้ว"
หลิวฉูฉู่รีบดึงผ้าเช็ดหน้าในมือของอาเหมียนมาถือไว้เอง กระโดดเข้าไปเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา มือเล็กช่วยซับน้ำบนใบหน้าไม่หยุด
"ฝ่าบาทหม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่จำเป็น"
ในที่สุดข้อมือเล็กของหลิวฉูฉู่ก็ถูกเขาจับเอาไว้แล้วสะบัดออกจากใบหน้าของเขาเอง โจวจื่อเหลียงดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือของนางแล้วเช็ดหน้าตนเองจนแห้งดี
"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ มิได้ตั้งใจจริงๆ แล้วน้ำนี่ ไม่ใช่น้ำชาด้วยเพคะ"
โจวจื่อเหลียงเอ่ยว่า "ไม่ใช่น้ำชา แต่เป็นสุรา นี่ต่างหากคือน้ำชา ฮองเฮาก็ล้างปากเสีย"
เห็นได้ชัดว่ามีกาทองเหลืองเงาวับวางอยู่บนโต๊ะสองกา ฮ่องเต้คนนี้ก็เห็นว่านางหยิบผิด แต่เขากลับเมินเฉย เขาจงใจกลั่นแกล้งเธอชัดๆ
หลิวฉูฉู่แค่นเสียง หึ ในใจ สมน้ำหน้า คิดแกล้งเธอ แต่สุดท้ายกลับถูกเธอพ่นน้ำใส่หน้า
ถือว่าเอาคืนก็แล้วกัน
เธอมองถ้วยน้ำชาที่เขาส่งให้ใหม่อย่างไม่ไว้ใจ โจวจื่อเหลียงจึงเอ่ยว่า
"น้ำชาแน่นอน เราไม่ได้มีเจตนาจะแกล้งผู้ใด เพียงแต่บอกไม่ทัน"
เช๊อะ แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
หญิงสาวยกน้ำชาดื่มล้างปากจนหมด คิดว่าสมควรต้องไปแล้ว จอมมารผู้นี้ชักจะขวางทางธรรมของเธอจนไปไม่ถึงประตูสวรรค์เสียที
"เช่นนี้หม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้วนะเพคะ ทูลลา"
หลิวฉูฉู่ขยับตัวลุกขึ้น กลับถูกเขาสกัดด้วยสายตา
"เราไม่อนุญาต ผู้ใดกล้าขยับ"
"ฝ่าบาท"
"ว่าอย่างไร"
หลิวฉูฉู่กัดฟัน เห็นได้ชัดว่าจอมมารตนนี้กำลังขัดขวางเธอ และคิดแกล้งเธอเป็นแน่ เธอจ้องหน้าเขาแสดงออกชัดเจนว่าเธอกำลังหงุดหงิด
"หม่อมฉันเพียงแค่จะไปไหว้พระ เหตุใดฝ่าบาทจึงขัดขวางเพคะ"
มุมปากของโจวจื่อเหลียงยกขึ้นแล้วเอ่ยว่า
"ผู้ใดขัดขวางฮองเฮากัน"
ใบหน้าเฉยเมยของโจวจื่อเหลียงจึงดูจะคล้ายจะอ่อนโยนลงหนึ่งส่วน ตงกงกงเห็นใบหน้านี้ของฝ่าบาทได้แต่นึกอยู่ในใจ
'มิใช่แค่ฮองเฮาที่ดูแปลกไป แต่ยามนี้เหมือนว่าฝ่าบาทยังดูผิดปกติอีกด้วย'
หลิวฉูฉู่ไม่อยากสร้างเรื่องอีกแล้วจึงคิดหาทางหลบหนี นางจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า
"หากฝ่าบาทไม่ขัดขวาง เช่นนั้นทูลลาเพคะ"
โจวจื่อเหลียงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า
"เชิญฮองเฮา"
หลิวฉูฉู่ทำหน้าสับสนได้แต่คิดในใจ
เป็นบ้าอะไรของเขาฟะ ตกลงให้ไปจริง ๆ หรือเปล่า
หลังจ้องหน้าหล่อ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ไม่เห็นว่าเขาจะขัดขวาง เธอจึงพูดว่า
"ขอบพระทัยเพคะ"
หลิวฉูฉู่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ทิ้งความสงสัยในใจให้เกิดขึ้นแก่โจวจื่อเหลียงอีกครั้ง
ปกติฮองเฮาของเขาผู้นี้มักจะพยายามหาทางอยู่ร่วมกับเขาให้นานที่สุด แต่ยามนี้เมื่อเห็นหน้าเขานางกำลังทำท่าจะเผ่นหนีทันทีที่มีโอกาส
การกระทำที่แตกต่างของนางเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าหลิวฉูฉู่ผู้นี้ อาจมิใช่คนเดิมแล้วจริงๆ แล้วเรื่องไปไหว้พระอีก ต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
หลิวฉูฉู่ก้าวออกจากศาลาไม่กี่ก้าว แต่แล้วจู่ ๆ ข้อมือเล็กของนางก็ถูกโจวจื่อเหลียงคว้าเอาไว้
ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นมองเขายังจ้องเขม็ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงได้จับมือของเธอเอาไว้อีก หรือเขาป่วยเป็นไบโพล่าร์ ถึงได้เปลี่ยนใจไปมาแบบนี้
"ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันไปได้แล้วไม่ใช่หรือเพคะ"
โจวจื่อเหลียงพยักหน้า เขาเองยังสับสนว่าเหตุใดตนเองจึงคว้ามือของนางเอาไว้เช่นนี้เช่นกัน
"ใช่ ฮองเฮาไปได้"
"แล้ว เอ่อ...ทรงจับมือหม่อมฉันด้วยเหตุใดเพคะ"
"เราจะไปด้วย"
"อะไรนะเพคะ"
"ไหว้พระน่ะ เราจะไปด้วย"
โจวจื่อเหลียงแสยะยิ้มน่ากลัวออกมาคราหนึ่ง หลิวฉูฉู่ตกใจทั้งคิดในใจว่า
มารดามันเถอะ เธอเจอกับคนบ้าจริง ๆ เข้าแล้ว!