กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือของโบนิตาดังขึ้น
เธอรีบกดรับสาย
“ค่ะพี่”
(“สรุปว่าไง โอเคไหม”) เสียงของสายชล
“ไม่ค่ะ”
(“หา!!!”) คนปลายสายทำเสียงตกอกตกใจมาก
(“ตายแล้ว ชวดเงินแสน โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย ”)
“พี่สายชลคะจะไล่ส้มออกก็ได้นะคะ แค่นี้ค่ะ”
เธอกดวางสาย เธอไม่ได้พูดประชด แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว ปล่อยโฮออกมา ก่อนจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ไปด้วย
มีคันหนึ่งจอดรับ เธอบอกสถานที่ แล้วขึ้นไปนั่งร้องไห้ในรถเงียบ ๆ แต่ก็ยังไม่วายบอกกับคนขับ
“เขาเพิ่งปฏิเสธงานหนูมานะคะ แล้วก็หนูน่าจะโดนไล่ออก”
แท็กซี่มองหน้าเธอแบบเห็นใจ และขับรถตามทางต่อไปเรื่อย ๆ
ในห้องทำงานของคุณปลื้ม
“ผมเหนื่อยและผมเครียดด้วยอลิส พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันได้ไหม” หิรัญบอกกับเธอ
“เดี๋ยวนี้รสนิยมของพี่เปลี่ยนไปนะคะ เด็กผู้หญิงหน้าตาบ้าน ๆ คนนั้น”
“เธอไม่ใช่เด็ก อายุยี่สิบแปดปีแล้ว”
“พี่กายรู้จักเธอหรือคะ อ้อ... มิน่า เห็นว่านอนด้วยกันแล้ว” เธอยักไหล่ ตอนนี้หิรัญสบตากับเธอ แววตาของเขามองเธอแบบตำหนิ
“ก็แม่นั่นพูดแบบนั้นจะให้หมายความว่ายังไงคะ พี่กายกินไม่เลือกเหมือนกัน”
“อลิส ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่าผมอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย คุณกลับไปก่อนเหอะ” เขาเริ่มแสดงออกมาทางสีหน้า
“หึ... พี่กายคะ” กิริยาดูถูกและหึงหวงออกนอกหน้าของอลิเชียทำให้หิรัญอารมณ์ขุ่นมัว
“อลิส... เราเลิกกันเถอะ” หิรัญเอ่ยออกมาอย่างเหลือทน
อลิเชียเปลี่ยนสีหน้า จ้องมองเขาแบบเสียใจ สิ่งที่เธอได้ยินเธอแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย
“ทำไมพี่กายพูดแบบนี้คะ อลิสทำอะไรผิด”
“จริง ๆ ผมไม่ต้องพูดด้วยซ้ำว่า เราเลิกกันเถอะ เพราะเรายังไม่เคยเอ่ยปากว่าคบกันด้วยซ้ำไป”
เขาพูดออกมาจากหัวใจจริง ๆ ก็ อลิเชียมันง่ายกับเขาเอง
อลิเชียยืนปากสั่น เธอลดตัวแค่ไหน ดาราดังระดับเธอต้องมาง้องอนผู้ชายคนนี้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่
“วันนี้เป็นวันดี ๆ ของเราแท้ ๆ อลิสไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้ อลิสเสียใจ”
“ผมมันคนใจร้าย” เขาต่อให้ มองอลิเชียเปลี่ยนไป ความเอาแต่ใจของเธอมันน่าเบื่อ
อลิเชียมองเขาด้วยดวงตาที่เจ็บปวด
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่กายต้องการแบบนี้ แต่เรื่องของเราไม่ได้จบแค่นี้แน่ค่ะ อลิสไม่ยอม คอยดูอลิสก็แล้วกัน”
เธอพูดทิ้งท้าย เดินก้าวกระทืบขายาว ๆ ออกไปจากห้องแบบไม่พอใจสุด ๆ
ปัง... ประตูห้องถูกปิดลงด้วยแรงมือ
คุณเหมียวก้าวเข้ามาเสนอหน้าทันที
“เกิดเรื่องอะไรกันคะ” เธอมองหน้าหิรัญที่ไม่สู้ดี และถอนหายใจดัง ๆ หลาย ๆ ครั้ง
“ผู้หญิงน่าเบื่อ” เขาบอกกับคุณเหมียว
“รวมเหมียวด้วยหรือเปล่าคะ” คุณอริสาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“เปล่า เอาเอกสารของบริษัทโฆษณามา ผมจะเซ็นรับข้อเสนอ คุณเหมียวจะได้เอาไปให้ฝ่ายบัญชีทำเช็ค”
“เอ... เอาแบบนี้หรือคะ สรุปตกลงใช่ไหมคะ โอ๊ย...เหมียวกำลังนั่งเสียวสันหลังวูบ ๆ ว่าเหมียวต้องโดนคุณปลื้มเฉ่งแน่ ๆ ได้เลยค่ะคุณกาย รอเหมียวสักครู่ค่ะ”
คุณอริสารีบไปจัดการหาเอกสารมาให้หิรัญเซ็น
แต่ในหัวของเขาคิดถึงไปแต่ใบหน้าของโบนิตา
“อะไรกันคะคุณเหมียว พี่เห็นอีเมลตอบรับที่คุณเหมียวส่งมาก็ตกใจ สรุปว่ายังไงกันแน่ ยายส้มโทร. มาบอกว่าทางคุณไม่เอา แต่...”
(“สรุปว่า โอเคค่ะ เราจ้างบริษัทของพี่ค่ะ”)
“เหรอคะ”
(“แต่เหมียวขอเบอร์ส่วนตัวของคุณส้มได้ไหมคะ”)
“อะ จะเอาเบอร์ของส้มเหรอคะ เอาไปทำไม”
(“แฮ่... บอสคนเล็กของเหมียวขอน่ะค่ะ เขาต้องการ อาจจะเป็นเรื่องของหัวใจ เห็นว่าจะนัดคุณส้มกินข้าวเป็นการส่วนตัว”)
“ว้าย อีเวรตาเถรหก เรื่องจริงหรือคะ ยายส้มเชยเฉิ่มแบบนั้นจะถูกตาบอสหนุ่มคนเล็กของคุณเหมียว” เกิดความประหลาดใจเป็นที่สุด
(“ไม่รู้สิคะ แต่คุณส้มมาวันนี้เธอแต่งหน้าสวยน่ารักจริง ๆ และรู้สึกจะไม่เฉิ่มเชยเหมือนครั้งก่อน”)
“อือ เป็นไปได้เนอะ ได้สิ เดี๋ยวพี่ส่งไลน์ไปบอก จะเอาเบอร์ห้องของนางด้วยไหม” คุณสายชลพูดทีเล่นทีจริง
(“ได้ก็ดีค่ะ”) ท้ายเสียงสดใสเป็นที่สุด ทุกอย่างได้ถูกส่งไปให้กับหิรัญเรียบร้อยแล้ว
ข้อความจากพี่สายชลส่งถึงโบนิตา
(ฉันให้แกพักร้อนได้ เป็นสิบวัน ไม่ต้องกรี๊ด สรุปทางคุณเหมียวแจ้งพี่มาแล้วว่า เราได้งานจ้า พักผ่อนให้สบายใจนะ แล้วกลับมาทำงาน เจอกันนะ รักแกว่ะ)
เพลงนี้ดังมาจากร้านขายอาหารตามสั่งที่อยู่ใต้คอนโดฯ
“ที่รักของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา เขาไม่ใช่ของเรา
ที่รักของคนอื่นของคนเก่า จากกันเพียงชั่วคราว ทำให้เราต้องช้ำใจ” (U4)
“บ้าจริง ๆ คนบ้า นิสัยก็ไม่ดีอีกด้วย”
เธอออกปากเอ่ยถึงเขาด้วยความโมโห เปิดประตูห้องเข้าไปได้ ก็ทิ้งข้าวของลงไปกับพื้น แทบจะทุ่มตัวลงไปนอนคว่ำหน้าลงกับโซฟา แล้วส่งเสียงกรี๊ดดังอยู่ในหมอนที่อยู่ใต้ใบหน้า
“กรี๊ด... กรี๊ด... กรี๊ด... กรี๊ด...” กรี๊ดจนคอแหบแห้ง
“ทำไมจะต้องไปใส่ใจกับเขา” โบนิตาลุกขึ้นนั่ง อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหล
“ไม่อยากเจอก็ได้เจอ ไม่อยากจะเห็นก็ได้เห็น” เธอดึงหมอนใบที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาทุบ ๆ จนมันยับย่น
ติ๊ง ติ๊ง มีเสียงข้อความเข้า
(ฉันให้แกพักร้อนได้ เป็นสิบวัน ไม่ต้องกรี๊ด สรุปทางคุณเหมียวแจ้งพี่มาแล้ว ว่าเราได้งานจ้า พักผ่อนให้สบายใจนะ แล้วกลับมาทำงาน เจอกันนะ รักแกว่ะ)
“อะไรเนี่ย สรุปว่า เขาแกล้งเราจริง ๆ หรือ”
เธอนึกไปถึงใบหน้ายียวนของเขาก่อนจะจากกัน
“เจ็บใจที่สุดเลย เขาจะทำแบบนั้นทำไมนะ” โบนิตายังขุ่นเคือง
กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือของเธอดังขึ้น
‘เบอร์ใคร เบอร์แปลกไม่รับโว้ย’ เธอหงุดหงิดขืนรับสายตอนนี้ คงได้ด่าคนคนนั้นเปิดเปิงไปแน่ ๆ
แล้วเสียงของมันก็ดับไป
“เฮ้อ...” เธอทิ้งหลังลงไปนอนเหยียดยาว
‘แล้วหยุดยาว ๆ นี่ฉันจะทำอะไร’
เธอคิดไปเรื่อยเปื่อย พยายามเอาเรื่องของผู้ชายคนนั้นออกไปจากหัวสมอง
กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือของเธอดังขึ้นอีกครั้ง
ปี๊บ... หญิงสาวกดปิดมือถือทันที
‘คนจะพักผ่อน’
แล้วเธอก็นอนหลับตา ตั้งแต่วันนั้นยังนอนไม่เต็มตาเลย คิดแต่เรื่องบ้า ๆ ที่ทำกับผู้ชายคนนั้นวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำ ๆ กำลังเคลิ้ม ๆ
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
“ใครวะ” เธองัวเงียและรีบลุก
“ยายเอมหรือ” ไม่เคยมีใครมาเที่ยวที่ห้องนี้ นอกจากเอมมาลินเป็นคนแรกที่เธอบอกว่าอยู่ห้องไหน และอีกคนคือพี่สายชล