“อูย” ฟู่หลินหลินลั่นเสียงเจ็บร้าวออกมาทันที หน้าตาเหยเก นึกถึงคนที่ทำให้นางเป็นอย่างนี้
‘ไอ้คนหน้าหม้อ’ อดที่จะเหน็บเขาในใจไม่ได้
ฟู่หลินหลินมองหาบางสิ่งที่จะใช้คลุมตัว ฉับพลันก็ไปเห็นว่ามีชุดนอนพลิ้วบางชุดหนึ่งตกอยู่ใต้เตียง นางจึงหยิบขึ้นมาแล้วเอามาสวมใส่
แม้มันจะบางจนดูน่าอับอาย และดูเห็นผู้หญิง ๆ แต่ก็ยังดีกว่าเปลือยตัวล่อนจ้อนอย่างนี้ แบบไม่มีอะไรห่อกาย จากนั้นฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นไปสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนนั้นอีกครั้ง
แล้วก็เจอหีบใส่อาภรณ์ชุดอื่นที่มีเสื้อผ้าเต็มไปหมด ของผู้หญิง ก็น่าจะเป็นของตัวเอง
‘แล้วเสื้อผ้าแบบนี้ใส่อย่างไร’ ฟู่หลินหลินพยายามจะใส่มัน ทว่าก็ไม่คุ้นเคย จึงทำอย่างเก้กังและใส่ไม่ถูก
ในจังหวะนั้นเสียงเสียดสีกันของประตูไม้ดังขึ้นมาจากทางหน้าห้อง สาวใช้ที่ดูมีอายุคนหนึ่งได้เดินเข้ามาด้านใน พร้อมอ่างน้ำใบหนึ่ง และผ้าสำหรับเช็ดหน้า
“เจียงอ่าวมารับใช้นายหญิงและแต่งตัวให้เจ้าค่ะ” สาวใช้แนะนำตัว พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่าย ฟู่หลินหลินก็หายใจโล่ง
แต่... “ช้าก่อน อย่าเพิ่งเข้ามา ข้าโป๊อยู่” ฟู่หลินหลินยังอยู่ในสภาพที่สวมใส่ชุดนอนอย่างลวก ๆ นึกถึงจะต้องโชว์เนื้อตัวให้คนอื่นดูก็นึกอาย จำได้ว่า... เมื่อก่อนตนเองเป็นคนขี้อายมาก ๆ แม้แต่แม่หลินฮวานางก็ไม่ยอมอาบน้ำด้วย และยังไม่ยอมให้คนรับใช้อาบน้ำให้อีก
“ไม่ต้องอายอะไรเจ้าค่ะ ข้าเห็นของนายหญิงหมดแล้ว รีบ ๆ เถอะ ประเดี๋ยวนายหญิงจะโดนเอ็ดนะ”
“หื้อ ใครจะเอ็ดข้า” ฟู่หลินหลินรีบหยิบเสื้อคลุมมาห่อกาย และจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่อุจาดตา แล้วก็โผล่หน้าออกมาดูเจียงอ่าว
โอ้! เจียงอ่าวหน้าตาเหมือนกับจี้หลิงคนที่ดูแลนางเมื่อตอนอยู่กับท่านแม่
“เจียงอ่าว... ใครที่จะเอ็ดข้า และเข้ามาตรงนี้ได้เล่า” ฟู่หลินหลินก็ตะโกนบอก
เจียงอ่าวรีบจ้ำอ้าวเข้ามา แล้ววางอ่างน้ำกับผ้าขนหนูไว้ที่พื้นด้านข้าง หันมาพูดกับนายหญิงของตน
“เหตุใดจึงได้ตื่นสายเพียงนี้เล่าเจ้าคะ นายหญิงก็รู้อยู่ว่าวันนี้ต้องไปทำอะไร ท่านรั่วฮูหยินไม่พอใจนายหญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ก็เลยเวลาไปคารวะแม่สามีมาเป็นชั่วยามแล้วนะเจ้าคะ” เจียงอ่าวบ่นงึมงำ
“คารวะแม่สามีอย่างนั้นหรือ ทำไมต้องคารวะด้วย” ฟู่หลินหลินถามอย่างงง ๆ พลางเอียงคอมองหน้าเจียงอ่าวด้วยความสงสัย
‘จะอยู่ที่นี่ให้ได้ ก็ต้องรู้เรื่องของตัวเองให้มากกว่านี้ใช่หรือไม่’ ฟู่หลินหลินยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เจียงอ่าวถอนหายใจหนึ่งที ก่อนจะอธิบาย “นี่นายหญิงเจ้าคะ ทำไมลืมไปแล้วหรืออย่างไร เฮ้อ... ข้าล่ะปวดหัวใจจริง ๆ ตามธรรมเนียมของชาวฉินแล้ว ลูก ๆ ต้องไปคารวะผู้เป็นมารดาในทุก ๆ เช้า นายหญิงเป็นลูกสะใภ้ของจวนนี้ ก็ต้องปฏิบัติอย่าได้ขาดตกบกพร่อง อยู่ที่แคว้นฉินนี่ เราจะทำตัวเฉกเช่นชาวแคว้นจ้าวเหมือนเดิมนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ”
แล้วหยุดพักพ่นลมหายใจออกมา เจียงอ่าวมองหน้านายหญิงของตนอย่างระทดท้อ
“แล้วชาวแคว้นจ้าวทำตัวกันอย่างไรหรือ” เนื่องจากไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย ฟู่หลินหลินจึงถามต่อ แต่ก็ยอมให้เจียงอ่าวช่วยแต่งตัวไปด้วย
ฟู่หลินหลินจะต้องเรียนรู้การเอาชีวิตรอด นอกจากเรื่องที่จะต้องทนกับบุรุษเมื่อคืนกับเรื่องบนเตียงหนักหน่วงนั่นด้วย
“ชาวแคว้นจ้าวของเราไม่ได้ยึดถือพิธีรีตองอะไรมากมาย ทำตัวตามสบาย ๆ ขอเพียงเราไม่ทำตนให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครก็เป็นพอเจ้าค่ะ แต่ที่นี่ไม่ได้ ยิ่งตระกูลรั่วด้วยแล้ว พิธีมากมายเจ้าค่ะ”
ฟู่หลินหลินหันไปมองเจียงอ่าวแล้วทำตาปริบ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำตัวอย่างไรให้เข้ากับที่นี่ได้”
“ก็ต้องทำตามประเพณีอย่างเคร่งครัด แต่เอ๊ะ!” เจียงอ่าวเริ่มสงสัย เจ้านายของตนเปลี่ยนไป
“อืม... ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่า ข้าก็เหมาะที่จะเป็นชาวจ้าวมากกว่าชาวฉินนะสิ จริงไหม? เพราะข้าไม่อยากจะอยู่ในพิธีรีตอง เอาแบบนี้เจียงอ่าว เราสองคนกลับไปเป็นชาวจ้าว และก็จะได้ทำอะไร ๆ แบบชาวจ้าว”
“พูดอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ นายหญิงเหมือนลืมอะไรไป ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านถูกท่านแม่ทัพจัดการจนสมองจะเพี้ยนไป ในเมื่อนายหญิงแต่งมาอยู่ในครอบครัวของท่านแม่ทัพแล้ว นายหญิงก็นับเป็นชาวฉินไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วสถานะตอนนี้ไม่ได้เป็นภรรยาเฉย ๆ แต่ยังถือว่าเป็นเชลยของท่านแม่ทัพด้วย” เจียงอ่าวเล่าความจริง ทำให้ฟู่หลินหลินกระจ่างในหัวใจ
‘เชลย’
‘โอ้! เหมือนเป็นทาสเป็นเชลยที่จะถูกจับมาทรมาน แล้วเมื่อคืนเขาก็ทรมานข้า’ ฟู่หลินหลินทำตาโตเท่าไข่หงส์
เจียงอ่าวที่ไม่ได้สนใจนายหญิง พูดจบแล้วก็เดินไปหยิบอาภรณ์ชุดสีชมพูอ่อนมา แล้วกางออกให้นายหญิงของตนดู
“ใส่อาภรณ์ชุดนี้นะเจ้าคะ มันทำมาจากผ้าไหมทออย่างละเอียด และมีปักลายดอกโบตั๋นที่สาบเสื้อตรงนี้ด้วย นายหญิงเคยโปรดปราน”
“ชุดนี้น่ะเหรอ” ถามกลับ เพราะดูโดยรวมแล้วเป็นชุดที่เรียบร้อยและอ่อนหวานหยดยิ่งนัก ฟู่หลินหลินรีบส่ายหัว ความชอบของนางคือสีมืดและทึม ๆ
“เอ๊ะ! ต้องใส่สิเจ้าคะ วันนี้นายหญิงต้องใส่ชุดนี้นะ เพราะเมื่อวันก่อนท่านแม่ทัพชมชอบนายหญิงว่าอยู่ในชุดอ่อนหวานช่างงดงามยิ่งนัก” เจียงอ่าวอยากให้นายหญิงของตนเป็นที่ต้องตาต้องใจและมัดใจสามีได้
“แต่ว่าข้าไม่ชอบสีชมพูนี่นา”
นางทำหน้าทำตาเป็นคุณหนูฟู่ผู้เอาแต่ใจ และพูดออกมาอย่างไม่สนใจ “ข้าอยากใส่สีม่วงไม่ได้หรือ เขาจะชมหรือไม่ จะชอบหรือเปล่า ก็ช่างเขาปะไร อีกอย่างคนอย่างตานั่นจะชมข้าว่าสวยหรือ ไม่เชื่อเด็ดขาด” นางนึกถึงหน้าตาของสามีที่จะชมภรรยาไม่ได้
เจียงอ่าวถอนหายใจเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะเข้าไปจับตัวนายหญิงของตน
“ไม่เอาน่า อย่าดื้อเลย ประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเจ็บใจอีก นายหญิงมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องเอาใจคนที่นี่ไว้ให้มาก ถึงแม้ว่าท่านรั่วฮูหยินจะไม่ชอบนายหญิง แต่ว่าการทำตัวให้เป็นที่โปรดปรานของท่านแม่ทัพนั้น จะทำให้นายหญิงมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในจวนนี้เจ้าค่ะ”
“อยู่สุขสบายเสียที่ไหนกันเล่า เมื่อคืนยังปฏิบัติกับข้าราวกับสัตว์ป่าอยู่เลย” ฟู่หลินหลินบ่นพึมพำ
นึกถึงการกระทำหยาบโลนของเขาแล้วก็หน้าตาแดงระเรื่อร้อนขึ้นมาผ่าว ๆ
“เป็นเรื่องธรรมดาของผัวๆ เมียๆ เจ้าค่ะ นายหญิงก็ต้องอดทน” เจียงอ่าวรีบแต่งตัวให้นายหญิงของตน เสร็จก็เลือกเครื่องประดับเป็นปิ่นทองรูปดอกโบตั๋นเข้ากันกับชุดที่นางใส่สวม เจียงอ่าวบังคับให้ฟู่หลินหลินนั่งลง เมื่อจัดแต่งทรงผมเสร็จก็ได้ปักปิ่นนั่นลงบนผมของนาง
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวรีบพากันเดินออกจากเรือน ตรงมุ่งหน้าสู่เรือนบูรพาของท่านรั่วฮูหยิน