เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นก็หาฟู่หลินหลินไม่พบ ทั้งจุดที่พวกเขาหานั้นก็ไม่ได้ไกลจากจุดที่นางตกลงไปเลย ท่านฟู่จึงมานั่งพักกันตรงที่เชือกโรยตัวของพวกเขาที่ห้อยอยู่
“ด้านนี้ไม่พบเลยขอรับท่านปู่” ฟู่หวั่นอิ๋นวิ่งกลับมา ทั้งหายใจหอบ ทั้งรายงานว่าตนเองไม่พบร่างของน้องสาว
“ทางด้านนี้ก็ไม่มีเช่นกัน” ท่านฟู่ว่า
ท่านฟู่คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิเคราะห์ว่า
“แปลกเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่หลินหลินตกลงมาบริเวณนี้แท้ ๆ แต่ทำไมถึงหาไม่เจอ”
“หรือว่านางไม่ได้เป็นอะไร และเดินไปที่อื่นแล้ว”
“ท่านปู่ หลานเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรที่ไม่ดีออกมานะครับ แต่ว่าหุบเหวก็ลึกถึงปานนั้น ผู้ที่ตกลงมาจะสามารถเดินไปต่อได้เชียวหรือครับ” ฟู่หวั่นอิ๋นตอบ
“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า” ท่านฟู่เห็นด้วย
ฟู่หวั่นอิ๋นพาเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย มีสี่ห้าคนที่ตามพวกท่านลงมาเพื่อช่วยค้นหาฟู่หลินหลินอีกแรงหนึ่ง
ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว แสงสว่างแทบจะไม่มีนอกจากแสงจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น จากนั้นไม่นานก็เหมือนปาฏิหาริย์ พวกเขาก็หาเจอร่างของฟู่หลินหลิน ร่างของเธอตกอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ไกลจากที่พวกเขาตามหามากนัก บริเวณนี้ฟู่หวั่นอิ๋นเดินมาหารอบหนึ่งแล้ว
แต่น่าจะเป็นเพราะว่ามืดเกินไป จึงไม่เห็นว่าร่างของฟู่หลินหลินนอนอยู่ที่ใต้พุ่มไม้ อาจเป็นเพราะว่าตรงนั้นเป็นเนิน จึงทำให้ร่างของนางกลิ้งมาไกลกว่าปกติ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอฟู่หลินหลิน ก็ต้องแสดงความเสียใจกับท่านฟู่ เนื่องจากร่างนั้นไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ท่านฟู่เองก็ทำใจเผื่อเอาไว้แล้ว เนื่องจากคาดเดาได้ว่าหน้าผาสูงถึงเพียงนี้คงจะยากที่จะมีชีวิตรอดกลับไป
ส่วนฟู่หวั่นอิ๋นผู้เป็นพี่ชายนั้นได้แต่ร้องไห้โฮออกมา ทุกคนรับรู้และต่างเศร้าเสียใจ การมาพักผ่อนกลับสูญเสียคนที่รัก พวกเขาได้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจลำเลียงร่างไร้วิญญาณของฟู่หลินหลินออกมาจากหุบเหวนั้น
หลินฮวาเห็นร่างของลูกสาวก็ถึงกับร้องไห้จนเป็นลมล้มพับไป ฟู่เหว่ยกวงต้องพยุงแม่ของตนเองเดินมาขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
หลินฮวารู้สึกเสียใจมาก ได้แต่โทษตัวเองที่ชวนท่านฟู่กับลูก ๆ มาเที่ยวที่นี่ และเป็นสาเหตุให้ฟู่หลินหลินต้องตาย
“เป็นเพราะแม่คนเดียว แม่ไม่น่าพาทุกคนมาที่นี่” หลินฮวาพูดไปร้องไห้ไป ท่านฟู่เห็นหลินฮวาโศกเศร้าเสียใจ ก็รีบพูดปลอบใจทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เศร้าเช่นกัน
“อย่าคิดว่าเป็นความผิดของเจ้าเลย คนเราย่อมมีเกิด มีตายเป็นธรรมดา ถึงเวลาของหลินหลิน” ท่านฟู่ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
งานศพของฟู่หลินหลินจัดอย่างยิ่งใหญ่ที่สุสานตระกูลฟู่แถบชานเมืองเซี่ยงไฮ้
มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ทุกคนต่างก็พากันแสดงความเสียใจกับเทียนหยูและหลินฮวาที่ต้องสูญเสียลูกสาว ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน
อยู่ ๆ ก็มีนกสีขาวบินมาเกาะรอบ ๆ โลงศพของฟู่หลินหลิน ตามความเชื่อของคนสมัยนั้น เมื่อมีนกมาเกาะที่โลงศพก็หมายความว่า นกนั้นมานำพาวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปขึ้นสวรรค์
หลินฮวาเมื่อเห็นนกนั้นก็ร้องไห้ออกมาโฮใหญ่ รู้แน่แก่ใจว่าลูกสาวของตนจะไม่มีทางได้กลับมาบ้านแล้ว
ฟู่หลินหลินที่มาเข้าร่างใหม่นั้น ก็ตื่นขึ้นมาในอีกวัน ตอนนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าจนแทบจะอยู่กลางศีรษะอยู่รำมะร่อ
ก็จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อบุรุษผู้นั้นเคี่ยวกรำนางอย่างหนักมาตลอดทั้งคืน สามสี่ยกเลยก็ว่าได้ แต่ละยกนั้นเขาก็ใช้เวลานานแสนนาน จนนางแทบไม่ได้นอนขอบตาดำคล้ำไปหมดแล้ว
ฟู่หลินหลินปวดเนื้อปวดตัวจนแทบจะขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ ‘บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน เป็นสามีของข้าในชาตินี้อย่างนั้นหรือ’ ฟู่หลินหลินพูดคุยกับตนเอง
พอตั้งสติได้แล้ว ฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นนั่ง ปรากฏว่าบนเรือนร่างของนางไม่มีอาภรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
‘นี่เขากระทำอย่างนั้นกับข้าเสร็จแล้ว ก็ไม่คิดที่จะใส่เสื้อผ้าหรือว่าหาอะไรมาคลุมให้ข้าหน่อยหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้ปล่อยให้ข้าล่อนจ้อนเพียงนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรเล่า’ นางคิดก็เกิดความอาย
ฟู่หลินหลินมองสังเกตไปรอบห้อง เมื่อคืนที่นางลุกไปเอายานั้น แสงไฟไม่ค่อยสว่างเท่าใดนัก จึงไม่ได้ดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างใด
พอได้เห็นเต็มตา การประดับตกแต่งโบร่ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูโอ่อ่า
‘ที่นี่ก็น่าจะเป็นจวนหรือไม่ก็บ้านของคนมีฐานะกระมัง ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก’ ฟู่หลินหลินค่อย ๆ หย่อนขาลงจากเตียง เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ ในละคร
‘ห้องนอนห้องนี้ ใหญ่มาก น่าจะเป็นห้องนอนหลักของบ้านนี้ ‘เขาเป็นเจ้าของที่นี่ ที่ใหญ่โตรโหฐาน ถ้าอย่างนั้นเขาต้องร่ำรวยและมีอำนาจมาก’
ข้าวของเครื่องใช้ดูสวยงามและน่าจะมีราคาอยู่ไม่น้อย อีกทั้งบุรุษผู้นั้นก็ดูน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมฟังแล้วดูเหมือนคนมีอำนาจ
“เฮ้อ...”
‘นิสัยเศรษฐี คนมีอันจะกิน มิเช่นนั้นคงไม่ติดนิสัยเอาอำนาจมาบังคับขู่ฉันหรอก’ ฟู่หลินหลินคิดไปถึงเหตุการณ์หวามหวิวบนเตียง เฉกเช่นที่เขาทำกับนางเมื่อคืน ใจคอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
‘แต่ว่าเขาคือใครกันเล่า ในเมื่อข้าต้องมาอยู่ที่นี่แล้ว และยังเป็นเมียของเขาอีก ข้าก็ต้องออกไปสำรวจดูสักหน่อย’ เมื่อคิดได้ดังนั้น ฟู่หลินหลินพยายามลุกขึ้นจากเตียง แม้จะร่างกายร้าวรานเจ็บระบม แต่ก็ต้องทน
‘บ้าจริง เพิ่งรู้ว่าเสียตัวครั้งแรกมันเจ็บระบมจนจะยืนไม่ได้ แล้วถ้าก้าวขาล่ะ’