“เจียงอ่าว ข้าต้องพูดว่าอย่างไรต่อหน้าท่านแม่ของเขา” ฟู่หลินหลินถามกระซิบกระซาบ นึกเกรงกลัว จู่ ๆ ก็คิดตื่นเต้นขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะบรรยากาศอย่างกับวังโบราณ
คนที่ไม่เคยอยู่ในกฎระเบียบ ทั้งบ้านของท่านฟู่ หรือที่ใด ๆ
ทุกคนต่างยกตำแหน่งให้กับฟู่หลินหลิน ว่าเป็นหญิงที่ดื้อด้านกว่าคนอื่น ๆ
“เจ้าบอกมาเร็ว ๆ”
“พูดชื่อนายหญิง แล้วก็ต่อด้วยคำว่า คารวะท่านแม่” เจียงอ่าวก็ตอบอย่างกระซิบกระซาบเช่นกัน
“แล้วข้าชื่อว่าอะไร” ฟู่หลินหลินถามอีก แม้ตัวตนของตนเองยังไม่รู้เลย เมื่อกี้ว่าจะขอเจียงอ่าวดูหน้าดูตาของตนในตอนที่หวีผม เจียงอ่าวก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าเร่งรีบ
เจียงอ่าวถึงกับงุนงงกับคำถามนั้น
“นายหญิงได้รับการกระทบกระเทือนจากการเอาหัวโขกกำแพง หรือว่าท่านแม่ทัพได้เอาหัวของนายหญิงโขกกับเตียงเจ้าคะถึงได้จำชื่อของตนเองไม่ได้น่ะ หื้อ... ท่านชื่อฟู่หลินหลินเจ้าค่ะ ฟู่หลินหลิน” นางย้ำชื่อของนายหญิงดัง ๆ
“ฮึ... ข้าก็ชื่อฟู่หลินหลินอย่างนั้นหรือ แฮ่... บางทีข้าอาจจะตื่นเต้นจนเกินไปน่ะ” ฟู่หลินหลินกล่าว ฉงนกับเรื่องนี้ ยังคิดวนเวียนว่า ‘ทำไมเป็นชื่อเดิม หรือข้าจะฝันซ้อนฝัน’ นางหยิกตัวเอง
“อูย... แต่ข้าหยิกตนเอง ทำไมข้าถึงเจ็บ” ขยับปากบอกว่าเจ็บ เล็บที่จิกลงไปเนื้อหนังของตนก็รู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ ก้มดูยังเห็นเป็นรอยเล็บ
ที่จริงแล้ว ก่อนที่ฟู่หลินหลินจะมาเข้าร่างของแม่นางฟู่คนนี้ ในคืนวันที่แม่นางฟู่เข้าเรือนหอกับแม่ทัพรั่วนั้น แม่นางฟู่ตัดสินใจวิ่งเอาหัวโขกกำแพงเพื่อฆ่าตัวตาย
เนื่องจากนางถูกบังคับให้มาแต่งงาน เหมือนเป็นเชลย แม่นางฟู่ไม่อยากตกเป็นภริยาของแม่ทัพแคว้นศัตรู เมื่อนางเอาหัวโขกกำแพงแล้วก็สลบไป
ทว่าพอฟื้นขึ้นมาอีกที ก็กลายเป็นฟู่หลินหลินที่กำลังโดนแม่ทัพรั่วจัดการมอบความเป็นสามีให้นางอยู่ คล้ายลักหลับนั่นแหละ เขาก็อยากจะทำให้นางเป็นของตน แม้จะสมยอมหรือไม่ ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมีย
บุรุษอกสามศอกเฉกเช่นเขาจะให้นางผู้ที่ได้ชื่อว่าแต่งเข้ามาเป็นภรรยาหยามน้ำใจหรืออย่างไร เขาไม่มีวันยอมหรอก
เมื่อฟู่หลินหลินกับเจียงอ่าวมาถึงที่หน้าประตูเรือนบูรพา เจียงอ่าวก็สะกิดให้นายหญิงของตนเดินเข้าไปเพียงผู้เดียว
“ทำไมเจ้าไม่เข้าไปกับข้าเล่า” บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ฟู่หลินหลินก็นึกหวาดกลัว ทุกอย่างรอบตัวแปลกประหลาด แม้กระทั่งความวังเวงที่น่าขนลุกเช่นนี้ ก็ทำให้ขนแขนของฟู่หลินหลินตั้งชันลุกเกรียว
ฟู่หลินหลินที่ตื่นเต้นมากจนเดินสะดุดธรณีประตู
นางล้มหน้าคะมำลงกับพื้น ดีว่าไม่แรงมาก ไม่เช่นนั้นศีรษะกับใบหน้าก็คงจะโขกลงไปกับพื้น
“ซุ่มซ่าม ไม่มีกิริยาผู้ดีเอาเสียเลย” เสียงสตรีดังขึ้น
‘ท่านแม่ของเขาอย่างนั้นหรือ’ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง รั่วฮูหยินนั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่แกะสลักตัวใหญ่ ท่านฟาดสายตามองอย่างหยามเหยียด
ลูกสะใภ้ไร้ศักดินา ลูกศัตรู แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะขัดราชโองการของฮ่องเต้ไม่ได้ ก็ต้องน้อมรับ และแต่งงานให้เข้ามาอยู่ในครอบครัว
“จริงเจ้าค่ะ” สาวรับใช้ด้านข้างเอ่ยสอพลอ และกำลังรินน้ำชาให้รั่วฮูหยิน ฮูหยินสูงศักดิ์แสยะมุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ที่ไม่ต้องการพยายามลุกยืน
ฟู่หลินหลินที่สะดุดล้มพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ได้ แล้วก็คะมำทั้งตัวถลามาอยู่ที่ใกล้ปลายเท้าของแม่สามี รั่วฮูหยินชักขยับเท้ากลับ ก่อนที่จะยกปลายเท้าชี้ไปที่หน้าของฟู่หลินหลิน
สาวใช้นางนั้นก้มโน้มลงมอง นางมีนามปู้เป่ยก็แสยะปากยิ้มร้าย ๆ ตามเจ้านายของมัน
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย
‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน
“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”
เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน
“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้าน
รั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้ว
เกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้
‘แต่ที่นี่... ไม่ใช่บ้านท่านฟู่ ข้าต้องสงบใจ’ นางกำชับตัวเอง แม้ว่าตอนนี้ฟู่หลินหลินยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ก็เลยได้แต่ยืนนิ่งเฉยอยู่กับที่
เมื่อเห็นนางยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน สักพักสาวใช้นางนั้นจึงได้หันหน้ามาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า
“อ้าว! ยังยืนเสนอหน้าให้ฮูหยินเห็นอีก นายหญิงคารวะแล้ว ก็ออกไปสิเจ้าคะ ฮูหยินไม่ชมชอบให้ท่านมายืนอยู่ต่อหน้านาน ๆ ไป ชิ้ว...” โบกมือไล่อย่างไม่ไยดี
ฟู่หลินหลินได้ยินก็ถึงกับอึ้ง นางไม่คิดว่าที่เรือนนี้แม้กระทั่งสาวใช้ยังเหยียดหยามนางได้ นางไปทำอะไรให้พวกเขาโกรธเกลียดถึงขนาดนี้กันแน่
สองมือกำหมัดขึ้นมา ‘จะจัดการเสียดีไหม’ หัวใจของฟู่หลินหลินเดือดดาล แต่ก็ต้องข่มทุกสิ่งที่ไม่พอใจเอาไว้ ฟู่หลินหลินรีบหมุนตัวกลับอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันที่นางกำลังจะเดินออกประตูด้วยซ้ำไป