โลกกลมหรือพรหมลิขิต (1)

1651 คำ
            ‘พันโท สัญลักษณ์  ธรรมรักษ์วงษ์’   แถบป้ายชื่อเด่นชัดบนรั้วบ้านหลังหนึ่ง             เจ้าของบ้านคือนายทหารเกษียณอายุราชการแล้ว เขายืนผิวปากเป็นเพลง ถือสายยางรดน้ำต้นไม้สบายใจเฉิบ  ระหว่างรอเปิดประตูให้ลูกสาวสุดที่รักคนเดียว  หลังจากนั้นไม่นานรถยนต์ญี่ปุ่นสีขาวเคลื่อนมาจอดหน้ารั้ว             “ไอ้หวาน! ลูกพ่อ”   สัญลักษณ์แทบกระโดดกอดลูกสาว ตามด้วยหอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา หอมหน้าผากอย่างเอ็นดู             “พ่อใจเย็น ว้าย ๆ อายเขา ๆ หนูยี่สิบสี่แล้วนะพ่อ”  ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ              พ่อของเธอขยุ้มแก้มยุ้ยเล่นเป็นของแถมอีก             “แหมๆ อายทำไม อายใครบ้านก็อยู่ท้ายซอย พ่อรักของพ่อนี่นา เข้าบ้านก่อนดีกว่า แม่อยู่ในครัวกำลังจะทำกับข้าวนะ”  เขาช่วยลูกสาวยกกระเป๋าเข้าบ้าน             พ่อแม่ทุกคนก็เห็นลูกเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ  ลักษณ์นาราเป็นลูกสาวคนเดียวและของเขากับภรรยา              “มีอะไรให้หวานช่วยมั้ยแม่”   เธอชะโงกถาม             “ไม่มีหรอก หวานไปนั่งเล่นกับพ่อเถอะ แม่ทำคนเดียวคล่องตัวกว่า หวานเข้ามาทีไรยุ่งอีรุงตุงนัง  ตลอด”                 “จ๊ะ ก็ได้!”   ลักษณ์นาราค้อนขวักแล้วจากไป               “จะกลับมานอนบ้านกี่วันล่ะ”  สัญลักษณ์สางเรือนผมให้ลูกสาวถามไถ่สารทุกข์สุกดิบไปพลาง             “ก็จนกว่าจะต้องไปเริ่มงานแหละพ่อ บินไฟท์แรกอาทิตย์สิ้นเดือน เดี๋ยวหวานจะไปนอนที่คอนโด เดินทางไปสนามบินสะดวกดี”             “อยู่คนเดียวดูแลตัวเองดี ๆ นะ สมัยนี้คนรู้หน้าไม่รู้ใจเยอะแยะไป พ่อกับแม่ล่ะอดห่วงไม่ได้จริงหวานเอ๊ย”             “หวานดูแลตัวเองได้จ๊ะ ไม่ต้องห่วง อดีตแอร์สายการบินแขกสวยและถึกทุกคนนะพ่อ”  ลักษณ์นารากระหยิ่มยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ  “งานบนฟ้าเดินทางรอบโลก ชีวิตดี๊ดีอย่างใครเข้าว่า หวานรักงานนี้นะพ่อ ถึงจะงานหนักหน่อยก็เถอะ”             “ถ้าหวานมีความสุขพ่อกับแม่ก็หายห่วง จริงสิแล้วเจ้านายใหม่เขาเป็นยังบ้างล่ะลูก”             “อ๋อ! คุณลีน่า ตระกูลเฉลิมวานิชย์เจ้าของเครือโรงแรมแกรนด์ อเวนิวไงพ่อ แกใจดีมากเลยนะเดี๋ยวแกจะบินกับเพื่อนสนิทกับหลานชายแกด้วย”             “ไปอยู่กับเขา ก็ทำตัวดี ๆ ตั้งใจทำงานนะหวาน เขาจะได้เมตตาเอ็นดูเรา”             “งั้นเดี๋ยวไปลงนะหน้าทองก่อนนะ ฮ่าๆๆๆ เล่นคุณไสย”             “อ่ะ เสร็จแล้ว ฝีมือพ่อยังไม่ตกนะ สวยมั้ย”               “พ่อคะ หวานเรียนจบคอนแวนต์นานแล้วนะ นี่คือสถาน...แห่งบ้านทรายทองที่ฉันปองมาสู่....”               จากผมยาวสลายเมื่อครู่กลายเป็นเปียสองข้างแบบพจมานไปแล้ว  แต่ไหนแต่ไรมาสัญลักษณ์ก็รับหน้าที่ทำผมสารพัดเปียให้ลูกสาวมาตลอดตั้งแต่เข้าเรียนประถมจนถึงมัธยมปลาย             มื้อเย็นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายใจเท่าอยู่บ้านเกิด อยู่กับใครล่ะ...จะอบอุ่นเท่าอยู่กับครอบครัว แล้วความรักที่ไหนจะยิ่งใหญ่เท่ารักจากพ่อแม่               “วันนี้ไปประชุมที่ไหนล่ะครับป๊า”             “ไปภูเก็ตขึ้นเครื่องบินไปพร้อมลีน่า”   เอื้อมพัฒน์และบุตรชายพูดคุยเรื่องงานเบื้องต้นระหว่างโดยสารรถมินิแวนประจำตำแหน่ง             เวลาเดียวกัน  ลักษณ์นาราในเครื่องแบบบริษัทยาวเสมอเข่าโดดเด่นด้วยผ้าพันคอสีสันสะดุดตารอบคอระหงส์ รวบผมเป็นมวย แต่งหน้าสวยเนี๊ยบ ทาลิปสติกสีแดงบนเรียวปากกระจับ ใบหน้าแจ่มใสพร้อมทำงาน ขณะนี้กำลังสาระวนจัดเตรียมอาหารว่าง เครื่องดื่มต่าง ๆ พร้อมเสิร์ฟที่ท้ายเครื่อง             “สวัสดีครับ ป้าลีน่า”  พลพยัคฆ์ยกมือไหว้แล้วตรงปรี่เข้าไปกอดออดอ้อน              “ว่าไงไอ้แสบของป้า พาหลานมาดูงานหรอเอื้อม”             “ใช่ ช่วงเรียนรู้งาน หัวหมุนน่าดู”             “ดีเลย ใกล้ได้เวลาแล้วล่ะ ขึ้นเครื่องเลยดีกว่า”               เฉลิมวานิชย์กับประทานชัยสองตระกูลนี้สนิทกันตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เอื้อมพัฒน์กับศลีนาเกือบถูกจับแต่งงานกันด้วยซ้ำ              หลังเครื่องบินทะยานสู่อากาศจนได้ระดับ  พนักงานต้อนรับคนใหม่จะรู้หรือไม่ว่า ผู้โดยสารหนุ่มพิลึก ๆ ที่สื่อสารภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ ขอให้ช่วยหั่นสเต็กเพราะอ้างว่ามือเจ็บอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว  ชายร่างสูงสองคนนั่งหันหลังให้ท้ายเครื่อง  เอื้อมพัฒน์และศลีนาคุยปรึกษาหารือหัวข้อประชุม พลพยัคฆ์ใจจดจ่ออยู่กับเอกสารปึกใหญ่ เมื่อลักษณ์นาราเริ่มเสิร์ฟของว่างและเครื่องดื่ม             “มาพอดีเลย น้ำหวาน นี้คุณเอื้อมพัฒน์  ประทานชัย  CEO ประทานชัยกรุ๊ป แล้วลูกชายชื่อคุณพลพยัคฆ์...”             “สวัสดีค่ะคุณเอื้อมพัฒน์ สวัสดีค่ะ...คุณพลพยัคฆ์”                “อ้าว! เพิ่งเห็น สวัสดีครับ น้ำหวานเหรอ น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับอเล็กซ์ใช่มั้ยลีน่า”  เอื้อมพัฒน์ยิ้มอย่างเอ็นดู             “น่าจะใช่นะ เมื่อกี้ตอนแกจะขึ้นเครื่อง ฉันเห็นน้ำหวานวุ่น ๆ อยู่ท้ายเครื่อง เลยไม่ทันให้ออกมาแนะนำตัวก่อนไง ฉันบอกน้ำหวานว่าไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย ไฟท์นี้กันเองแกกับฉันก็เพื่อนกัน”              “นาร่า...”   ชายหนุ่มขยับปากเบา ๆ พลางเชยคางขึ้นมองหญิงสาวผ่านแว่นกันแดด  สาวสวยโลกตะลึงคนนั้น เขาจำได้ไม่มีวันลืมเลือน แม้จะพลาดการติดต่อไปก็ตาม              ทว่าตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าแล้ว              ลักษณ์นาราตกอยู่ในอาการงงงันเมื่อผู้โดยสารคนนั้นกลับกลายมาเป็นหลานชายของเจ้านายไปได้  ผู้ชายที่ถูกจัดให้เป็นทายาทธุรกิจพันล้านอันดับ 1  ‘พลพยัคฆ์  ประทานชัย’             โลกกลมหรือพรหมลิขิตกันล่ะ             “สวัสดีครับ  สบายดีมั้ย Good morning  How are you? ***, ***?”               พลพยัคฆ์ยิ้มหว่านเสน่ห์ชวนหลงใหล ยักคิ้วข้างเดียว ใบหน้าขี้เล่น             “ชื่อน้ำหวานใช่มั้ย หน้าหวานเหมือนชื่อเลยนะครับ สวยขนาดนี้มีแฟนหรือยัง”               ชายหนุ่มกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยภาษาจีนสำเนียงกวางตุ้งลื่นไฟแลบเลยทีเดียว  ลักษณ์นาราได้แต่ยิ้มหน้าแป้นแล้นค้างเติ่งจนเหงือกแทบแห้ง             เก๋าเจ้ง!  เป็นคำเดียวที่นึกออกจนอยากจะอุทานดัง ๆ แล้วโบกถาดสแตนเลสใส่สักที  อาจตกงานได้เลยทีเดียวเพราะพ่อของเป้าหมายและเจ้านายอาวุโสนั่งอยู่เบื้องหน้า ก็ได้แค่คิด              “น้ำหวานขอตัวนะคะ”                หญิงสาวรีบจ้ำอ้าวไปท้ายเครื่องทันที  พลพยัคฆ์กลั้นหัวเราะ แอบเหล่ลอดใต้เลนส์ฉาบปรอทเทาตามหลัง ภารกิจงมเข็มในมหาสมุทรสำเร็จลุล่วงโดยบังเอิญแท้  ต่อไปหากต้องงมเข็มในแม่น้ำอะเมซอนกับฝูงปลาปิรันย่าไล่งับก็ยอม             ‘ชื่อน้ำหวานเหรอ หน้าหวานสมชื่อนะแต่ชื่อนาร่าเพราะกว่า ความประทับใจสั่นไหวที่สิบริกเตอร์เลยสิ’ โชคชะตาช่างเล่นตลกมาตกหลุมอากาศอีกรอบ แถมไม่วายมาแกล้งกันอีกแล้ว             ‘จะคุยดี ๆ ก็ไม่คุยนะ คนบ้า แต่วันนี้ใส่สูทหล่อชะมัดยาด สำเนาถูกต้องทั้งพ่อทั้งลูก ไม่ ๆ ยัยน้ำหวานหยุด เขาแกล้งเธอนะยะ ถือดียังไงมาแกล้งเรา..ฮึม! โกรธระดับสิบ’                 ทายาทหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตัวเองเล่นไปพลางระหว่างรอประชุม เขาจัดการรายงานชีวิตแสนเหงาบน instragam พร้อมกับแคปชั่นออดอ้อนสุดอ่อย แฝงความเหงาเศร้าสร้อย                 ‘#วันนี้เจอนางฟ้าด้วย’                  หน้าจอโลกออนไลน์บนฝ่ามือเรียวงามและหัวใจของลักษณ์นาราสั่นไหวแกว่งไกวทันที  พลพยัคฆ์กำลังหมายถึงเธออยู่แน่ ๆ ด้วยรูปถ่ายก้มหน้าท้าวคาง ส่งสายตาหวานละมุนผู้ชายอะไรช่างมีเสน่ห์ออดอ้อนพลังทำลายล้างสูงถึงเพียงนี้  หล่อนอมยิ้มแก้มจะแตกลำพังระหว่างนั่งรอเจ้านายที่สนามบิน                 ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้เลย แม้ว่าจะติดตามไปแล้วเถอะ                   ไม่ได้คิดจริงๆ นะ                 ถึงกระนั้น...พลพยัคฆ์รู้ทัน ร่างอวตารชัวร์ป๊าบ ใครสักคนตามดูเขาอยู่                 อยากดูขนาดนี้จะให้ดูบ่อย ๆ จนกว่าจะอยากมาดูของจริงระยะประชิดเลย                 ‘ความสูงประมาณ 160 ปลายๆ เกือบ 170 สัดส่วน 34 25 36 น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 55 กิโล จับอุ้มพาดบ่าทำโทษเวลาดื้อได้แน่ ๆ ผิวขาวเหลือง รูปร่างกระชับได้สัดส่วน ตาโตสองชั้น จมูกโด่งสวย ปากแดงเรียวทรงกระจับ หน้ารูปหัวใจ มีแก้มกำลังดีน่าจับหอมสักฟอด ฟันธงของแท้ทั้งร่าง ไม่ศัลย์แน่นอน’                   จิ้มลิ้ม คาวาอิ คิเรเนะ มากเลย                  ช่วงขากลับบนพื้นที่แคบ ๆ ชนิดที่ว่าจะกระโดดกอดกันเลยยังได้ คนโดนแกล้งและคนชอบแกล้งได้แต่เหลือบมองเฉียดกันไปเฉียดมา เจตนาหยั่งเชิงชัดเจนไม่มีใครยอมเริ่มก่อนทั้งสิ้น  ลักษณ์นาราก้มเก็บจานและแก้วเปล่าบนโต๊ะพยายามไม่หันไปสบตาเป้าหมาย  แต่เป้าหมายกลับท้าวคางจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเธออย่างเพลิดเพลิน                 จนกระทั่งล้อสนามบินแตะพื้นรันเวย์สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง  ลักษณ์นารายิ้มหวานปากสั่นยกมือไหว้อำลาผู้โดยสารทั้งสองของเธอ                 “ไว้เจอกันใหม่นะครับ นางฟ้า”   พลพยัคฆ์ไม่วายทิ้งท้ายด้วยภาษาที่งงงันเช่นเคย สายตาเฉียบคมของเอื้อมพัฒน์แฝงด้วยความกังวลบางอย่าง คนเป็นพ่อมีหรือจะไม่เข้าใจในสถานการณ์  บุตรชายจงใจหรือเผลอลืมคำสัญญาในอดีตไป                 “น้ำหวานจ๊ะ บินรอบหน้าโทรสั่งอาหารขึ้นเครื่องที่ร้านนี้เลยนะ”   ศลีนายื่นโบชัวร์ใบหนึ่งที่ระบุเบอร์ติดต่อไว้                    พลพยัคฆ์แอบเขียนเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวอีกเบอร์ทับเอาไว้                 ‘ครั้งก่อนให้ไว้กลับไม่ยอมโทร. แต่ครั้งนี้ต้องโทรมาแน่ ๆ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม