ทายาทพันล้าน (2)

1254 คำ
            บ่ายวันเดียวกัน               คำสั่งแต่งตั้งบอร์ดผู้บริหารฉบับล่าสุด  ชวนให้เหล่าพนักงานและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายฝ่ายงงงัน ไปตาม ๆ กัน  บุตรชายคนโตของเอื้อมพัฒน์กลายเป็นหนึ่งในบอร์ดผู้บริหารประทานชัย กรุ๊ปแล้ว ย่อมสร้างความเคลือบแครงใจให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ตรากตรำทำงานมานานจนความสามารถตกผลึก วันหนึ่งกลับต้องมาอยู่ ภายใต้บังคับบัญชาของเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานเช่นนี้ ต่างตั้งคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า             เอื้อมพัฒน์กำลังคิดอะไรอยู่             “อะไรกันลายเซ็นคุณเอื้อมผมโอเคนะ แต่ลายเซ็นพลพยัคฆ์งั้นหรอ”             “มารับคำสั่งเด็กรุ่นลูก”             “เสือน้อยเชียวนะ อย่าแหย่นะ เดี๋ยวเสือกัด”             “ลูกเสือสามัญสิ ดูท่าจะลูกเสือสามัญรุ่นเล็กด้วยแหละ ฮ่าๆ จะมานั่งแท่นผู้บริหารไปเรียนผูกเงื่อน แล้วไปเล่นรอบกองไฟก่อนดีกว่ามั้ย ฮ่าๆๆ”             หลายคนเรียกเขาลับหลังว่า บอยสเก๊าท์ BOYSCOUT  อายุน้อยเกินไปหรือยังไม่ถึงเวลาแสดงความสามารถกันแน่ล่ะ             ห้องทำงานส่วนตัวกว้างขวาง  กระจกใสหนาบานเบื้องหลังเก้าอี้ประจำตำแหน่ง โต๊ะทำงานอันรกรุงรัง แฟ้มเอกสารสีดำอันใหญ่วางซ้อนกันเหมือนบล็อกเล่นเกมตึกถล่ม จอคอมพิวเตอร์รุ่นดัง...กับทายาทหนุ่มว่าที่ผู้บริหารประทานชัย กรุ๊ปคนต่อไป              พลพยัคฆ์ขอรายงานบันทึกย้อนหลังการประชุมประจำปีไตรมาสต่าง ๆ วาระฉุกเฉิน สรุปรายได้ประจำปีจากฝ่ายบัญชี คดีความการฟ้องร้องต่างๆ ของฝ่ายกฎหมายและอื่นๆ อีกมากมาย  จุดมุ่งหมายคือศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัท             ทว่าตัวอักษรยุกยิกนี่สิ....เปรียบได้กับยากล่อมประสาทชั้นดี สรรพคุณอ่านแล้วหลับยาวทันที แฟ้มดำนอกจากจะเก็บเอกสารสำคัญได้ก็ยังใช้หนุนหัวนอนอีกต่างหาก  เขาไม่ยอมแพ้ผ่านไปสองสามอาทิตย์ก็อ่านทุกเล่มทุกหน้าจบหมด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตามุมานะเอาจริงเอาจัง             ก๊อก ก๊อก             “ให้ลูกลุยงาน ตัวเองยืนซ้อมวงสวิง ชิลล์ไปนะป๊า!!”             เอื้อมพัฒน์ถลกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยสักที่ทอดยาวจากศอกถึงข้อมือบนแขนข้างซ้าย รอยสักที่ สักเป็นชื่อจริงของลูกชายและลูกสาว  เขาจัดท่าทางจับไม้กอล์ฟยาวราคาเรือนแสนแล้วเหวี่ยงกลางอากาศ  พลพยัคฆ์ปลดกระดุมเสื้อสูท คลายเนคไทแล้วทิ้งร่างบิดขี้เกียจบนโซฟา              “ก็แค่ให้สัมภาษณ์บทความในหนังสือ เก็กหล่อถ่ายรูปนิดหน่อย ทำมาบ่นไปได้”             “ยิ้มจนเมื่อยแก้มเลยป๊า”               “จริงสิ! แล้วเขาถามเรื่องหนูเบลล์ด้วยหรือเปล่าล่ะ”   บิดาเงยหน้าขึ้นมาถาม             “เอ่อ...!! ถามครับอเล็กซ์ก็ตอบว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกันครับ”             "ตั้งแต่กลับมาแวะไปหาเขาหรือยัง”             “เย็นนี้ครับ จะแวะไปทานมื้อเย็นที่บ้านเบลล์ครับ...”              คฤหาสน์หลังใหญ่สไตส์ยุโรปตั้งอยู่บนอาณาบริเวณกว้างขวาง สนามหญ้าเขียวชอุ่ม สวนสวยเต็มไปด้วยไม้พุ่มไม้ยืนต้นสูงใหญ่ถูกจัดวางอย่างลงตัว รอบตัวบ้านล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐสูง ระบบการรักษาความปลอดภัยครบครันทั้งกล้องวงจรปิดและป้อม รปภ. หน้าประตูรั้ว แสนจะเข้มงวดกับแขกผู้มาเยือนอย่างกับศูนย์บัญชาการทหาร             “คุณอเล็กซ์เองหรอครับ...สวัสดีครับ...คุณผู้ชายคุณผู้หญิงคุณหนูรออยู่ครับ”               รั้วลวดลายสวยงามอ่อนช้อยสูงใหญ่ค่อย ๆ ถูกเปิดด้วยระบบไฟฟ้า             คฤหาสน์หลังนี้อ้าแขนต้อนรับการมาเยือนของพลพยัคฆ์เสมอ  เมื่อรถยนต์หรูแล่นช้า ๆ จนจอดข้างคฤหาสน์ หญิงสาวคนหนึ่งสาวเท้าก้าวฉับ ๆ จากห้องนอนเมื่อทราบว่าคนที่เธอรอคอยมาถึงแล้ว               “สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า”   พลพยัคฆ์ยกมือไหว้สองสามีภรรยาอาวุโสครอบครัวเลิศวิริยะ เจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศ             “โห! จำแทบไม่ได้ นั่นแขนหรอ เล่นกล้ามซะล่ำ ไว้โชว์สาวหรือไง ฮ่าๆ”             “อเล็กซ์! เบลล์ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปรับ”  สุ้มเสียงเล็ก ๆ จากสาวร่างเล็กผอมบาง ผิวขาวเกือบซีด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายวาว ผมยาวสลวยรวบเป็นหางม้าด้านหลัง             “หวัดดีเบลล์ เป็นไงบ้างล่ะ”              “สบายดี นอนก็หลับ กินไม่หยุด ฮ่าๆ”  ทั้งคู่สวมกอดทักทายกัน              มื้อค่ำเริ่มขึ้นด้วยอาหารหลากหลายเมนูที่ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันและเข้มงวดในเรื่องส่วนผสมต่าง ๆ พลพยัคฆ์ถูกซักไซ้ไล่เรียงถึงภารกิจทายาทผู้บริหารจากเจ้าของบ้าน  การพูดคุยอย่างเป็นกันเองตามประสาคนคุ้นเคยมาช้านาน  หญิงสาวนั่งตรงข้ามกับพลพยัคฆ์ไม่ค่อยสนใจอาหารจานพิเศษตรงหนาเสียเท่าไหร่ เธอแอบมองแววตาทะเล้นกับรอยยิ้มกว้างที่เป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่ม             เขาเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายเพียงคนเดียวที่เธอมีด้วยซ้ำ             ทอปัด เลิศวิริยะ กับคำนิยามนกน้อยในกรงทอง เป็นหนึ่งในสิบอันดับทายาทนักธุรกิจแห่งปีเช่นกัน ภายใต้ข่าวลือหนาหู   ว่าทั้งสองเป็นมากกว่าเพื่อนสนิท  ทว่า...ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อผู้หญิงคนนี้ ความกังวลใจและความรู้สึกผิดจะปรากฏบนใบหน้าของพลพยัคฆ์ทุกครั้ง แม้เรื่องราวจะเกิดจากการความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซึ่งก่อให้เกิดความผิดพลาดบานปลาย ทายาทหนุ่มเฝ้าคิดแต่เพียงว่า เขามีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและครอบครัว              ‘ไอ้อเล็กซ์! ตัวเท่าลูกหมาจะรับผิดชอบลูกสาวยังไง...ไปกราบเท้าขมาพ่อแม่เขาซะ!!!’               เอื้อมพัฒน์ได้กล่าวไว้ในอดีต               ลักษณ์นาราในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กระโปรงเอวสูง รองเท้าส้นสูงสีดำ เก็บผมมัดเป็นทรงหางม้า แต่งหน้าโทนสุภาพเตรียมพร้อมเข้าพบผู้บริหารระดับสูงเครือโรงแรม Grand Avenue โรงแรมหรูที่มีสาขามากมายทั่วประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เจ้านายใหม่ของเธอเดินทางติดต่อธุรกิจด้วยเครื่องบินส่วนตัวเป็นประจำ จึงจำเป็นต้องมีพนักงานต้อนรับคอยดูแลอยู่ด้วย             ศลีนา  เฉลิมวานิชย์  ผู้บริหารสาวหล่ออาวุโสคนเก่งวิสัยทัศน์กว้างไกล ดูดีมีสง่าราศีในชุดสูทกางเกง  ผมซอยสั้นดูไม่เหมือนคนอายุจวนเจียนแซยิด  เธอยิ้มกว้าง ยกมือรับไหว้เมื่อลักษณ์นาราเคารพอย่างนอบน้อมและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใหม่ชวนให้เธอคิดถึงหลานชายตนเองที่อายุใกล้เคียงกัน              “แล้วน้ำหวานมีแฟนหรือยังจ้ะ ไม่ได้จีบนะ ถามเฉย ๆ เรื่องทั่วไป คือถ้ามีตารางเดินทางบ่อย ๆ แฟนจะเข้าใจหรือเปล่า”              “อ๋อ! น้ำหวานไม่มีแฟนค่ะ คุณลีน่า ทำงานก่อนดีกว่า ฮ่าๆ”              “หน้าตาดีอย่างนี้ ระวังจะได้แฟนเพราะงานนะจ๊ะ”  อดีตสาวหล่อสุดฮ็อตหยอดมุขแซ็วตามนิสัย ลักษณ์นาราหัวเราะและไม่ทันรู้ตัวว่าได้พูดอะไรออกมา             “สมพรปากสาธุค่ะคุณลีน่า”             “โอเคจ๊ะ เดี๋ยวให้หน้าห้องพาไปรู้จักทีมงานฝ่ายการบิน ประเดิมไฟท์แรกอาทิตย์สิ้นเดือนนี้พร้อมนะ”             “พร้อมเสมอค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ให้โอกาส สวัสดีค่ะ”  หญิงสาวอำลาและผลักประตูออกไป             โบราณว่าไว้อย่าคะนองปากพูดสาบานให้ฟ้าผ่าตายหรือกล่าวคำว่าสาธุอะไรเรื่อยเปื่อย ระวังจะสมพรปากเพราะไฟท์แรกประเดิมงานใหม่ของแอร์ฯ สาวหน้าสวยประกอบไปด้วยผู้โดยสารสามคนรวมเจ้านายของเธอ             และหนึ่งในนั้นคือทายาทอันดับหนึ่งของประเทศไทยจากตระกูลประทานชัยนั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม