7

1359 คำ
เธอบอกเสียงแผ่วเบา “ไม่ได้หน้าด้านค่ะ แต่ขาฉันเจ็บ ลุกขึ้นไม่ไหวจริงๆ ขอซบอีกนิดเดียวนะคะ” ดวงหน้าหวานแดงซ่านไปหมดที่ถูกเขาด่าว่าหน้าด้าน หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เกรงกลัวว่าไอ้พี่เลี้ยงวายร้ายจะมาพบเข้าแล้วฉุดกระชากลากถูพาเธอขึ้นรถไปด้วย ศศิกาญจน์เองก็ไม่เคยแนบชิดกับผู้ชายคนไหนเท่าผู้ชายตัวโตคนนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าเธอมีนิสัยชอบเอาหน้าไปซุกอกใครไปทั่ว แต่ครั้งนี้ มันจำเป็นจริงๆ อกแกร่งของเขา ‘กว้าง’ จนบดบังใบหน้าเธอได้อย่างมิดชิด หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เธอมีโอกาสเห็นเครื่องหน้าเขาเมื่อครู่ ‘แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าหล่อทะลุแว่นออกมา มิหนำซ้ำตัวก็ห้อมหอม อ้อมแขนก็อุ๊นอุ่น แต่ทำเป็นหวงตัวน่าดู ขอซบนานหน่อยก็ไม่ได้’ ขนาดถูกเขาด่า แม่คุณยังไม่ยอมยกหัวออกจากอกเขา หัวใจดวงโตสั่นไหว เกิดความรู้สึกแปลกๆ แบบที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนละ จอมทัพเคยแต่ถูกผู้หญิงนอนซบอกบนเตียง แต่เอาหน้ามาซุกอกกันกลางถนนแบบนี้เพิ่งจะมีสาวน้อยคนนี้เป็นรายแรก ดวงตาดุคมมองสาวสวยที่หลับตาพริ้มเห็นเพียงขนตางอนงามหนาเป็นแพ ซุกใบหน้ารูปไข่อยู่ในอ้อมอกเขา ปลายจมูกกลมมนได้สัดส่วนรับกับพวงแก้มดูนุ่มนิ่ม ขาวใสอมชมพูระเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ มุมปากชัดได้รูป จอมทัพเพ่งพินิจเครื่องหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างหลงใหลเจือความเสียดาย ‘ดูๆ ไปหน้าตาก็น่ารักดี น่าจะไปหาทำงานดีๆ หน้าตารูปร่างแบบนี้เป็นพริตตี้ได้สบาย ถ้าอยากใช้ความสวยหาเงินก็ไม่น่ามาหากินด้วยวิธีแบบนี้เลย แต่ไหนๆ เธอก็ดูพร้อมพลีกายเพื่องานนี้แล้วนี่ รถชนยังไม่กลัว งั้นฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ ปิดจ๊อบนี้ให้เอง เธอจะได้ไม่ต้องไปหลอกลวงใครอีก’ จอมทัพรวบร่างเล็กขึ้นมาหมายจะพาไปนั่งในรถสปอร์ตของเขา ขณะที่ศศิกาญจน์จะร้องโวยวายออกมาก็ไม่ได้ เพราะกรวิชญ์เพิ่งเดินผ่านหน้าไปหมาดๆ “ขาเจ็บใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาหมอ” ศศิกาญจน์นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาอุ้มเธอขึ้นรถ จอมทัพวางร่างเล็กที่เบาะผู้โดยสาร จากนั้นปิดประตู เป็นเวลาเดียวกับที่กรวิชญ์หันกลับมามอง ภาพที่เห็นคือผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อคมคาย มีเค้าว่าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่แน่ใจว่าสัญชาติไหนกำลังเดินอ้อมรถสปอร์ตคันหรู สวยจัด ที่เขาคงไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ จากนั้นก็ขับรถออกไป กรวิชญ์พ่นลมหายใจยาวพรืดอย่างผิดหวัง “หายไปไหน ไวนัก จับได้ละน่าดู ตามหาซะเหนื่อย เจอตัวคราวนี้จะปล้ำเป็นเมียให้เข็ด” เขาบอกตัวเองว่าจะไม่ทนอีกต่อไป ‘นี่เขาจะพาเราไปที่ไหนนะ ยัยซอเอ๊ย! หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่าเนี่ย เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าหากวันนี้จะต้องเสียตัวให้ไอ้พี่เลี้ยงบ้ากาม ยอมให้คนแปลกหน้าพาไปส่งโรงพยาบาลยังดีซะกว่า’ ภายในใจของเธอแอบหวั่นกลัวว่าเขาจะพาเธอไปทำมิดีมิร้ายถึงไหนต่อไหน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า สู้ยอมเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้ากับชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้จะดีกว่า เมื่อร่างกายที่อ่อนเพลียจากการนอนน้อย เพราะใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนว่า การหาทางออกจากบ้านเพื่อหลบภัยจากสองแม่ลูกปลิงดูดเลือดนั่นถูกต้องหรือเปล่า เพียงไม่กี่นาทีที่สัมผัสความเย็นฉ่ำจากแอร์รถยนต์ หญิงสาวก็ผล็อยหลับไปจริงๆ โดยไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าถูกจัดท่าทางการนอนให้สบายขึ้น และมีเสื้อสูทของคนที่อุ้มเธอมาคลุมร่างอยู่ ในขณะที่สายตาคู่คมกริบราวกับใบมีดโกนกำลังมองมาราวกับว่า ‘เขาอ่านเกมเธอออกแล้ว’ วาวโรจน์ขึ้น สลับมองถนนกับร่างเล็กที่เผลอไผล ผล็อยหลับไปสนิทเป็นระยะ หน้าตาผ่าน การแสดงใช้ได้ มิจฉาชีพสาวคนนี้สอบผ่าน...สำหรับงานที่เขากำลังมองหาคนมาทำ แต่ยังไม่เห็นใครเหมาะ จอมทัพขมวดคิ้วเข้มที่พาดเฉียงเหนือดวงตาอย่างใช้ความคิด หนึ่งชั่วโมงผ่านไป กระทั่งรถสปอร์ตคันหรูจอดสนิท หญิงสาวก็ยังไม่ขยับตัว เจ้าของรถยนต์และยังเป็นเจ้าของอาณาจักรกว้างใหญ่ท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้เปิดปากขึ้น แล้วไล่สายตาสำรวจเครื่องหน้าสวย สรีระเว้าโค้ง เขาอยากรู้นัก ทำไมหญิงสาวถึงเลือกเดินทางในอาชีพสุ่มเสี่ยงแบบนี้ “หลับสบายดีไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ศศิกาญจน์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งที่ยังรู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อย พอได้สติก็หันกลับไปมองเขาที่จ้องเขม็งมา “นี่ฉันเผลอหลับไปนานแล้วหรือคะ” เธอยกนาฬิกาข้อมือสายหนังสีน้ำตาลกลางเก่ากลางใหม่ขึ้นมามองหน้าปัด บิดาซื้อมันให้เมื่อหลายปีก่อน แต่ตัวเรือนยังขึ้นเงา บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของดูแลข้าวของเครื่องใช้เป็นอย่างดี “ก็ชั่วโมงเศษๆ ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา” เขาถามพร้อมกับสายตาจับผิด อดนึกไม่ได้ว่า ตอนกลางคืน สาวเจ้าไปทำงานอะไรมา หน้าตา รูปร่างแบบนี้ ถ้าเลือกทำงานแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ติดเบอร์ตอง “ช่วงนี้ฉันพักผ่อนน้อยค่ะ เพราะลูกค้าเพิ่มออเดอร์มาเยอะ” เธอพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั่นไง เขาว่าแล้ว กลางวันเล่นบทมิจฉาชีพ กลางคืนทำงานหนัก คงจะหลายรอบ ไม่ได้หลับได้นอน เหตุผลอะไรทำให้เธอต้องหาเงินมากมายขนาดนั้น จอมทัพยกยิ้มที่มุมปาก ขณะที่มองศศิกาญจน์อย่างคนทันเกม “ถ้าร้อนเงินขนาดนั้น สนใจงานเบาแต่จ่ายหนักบ้างไหม ผมสนใจอยากได้คุณมาทำงานด้วย เราลงไปคุยรายละเอียดในออฟฟิศของผมดีกว่าไหม” “อะไรนะคะ! คุณพูดว่าออฟฟิศเหรอ ก็คุณบอกว่าจะพาฉันไปหาหมอ” “ที่ไร่ของผมมีหมอและพยาบาลประจำอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง” เขามีคนงานที่ทำงานให้ไร่ทับตะวันอยู่หลายร้อยคนให้รับผิดชอบชีวิต ที่ท้ายไร่จึงมีห้องพยาบาล สะดวกสบาย สะอาด อุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน ส่วนหมอก็มีจริงๆ นอกจากไร่กาแฟ รีสอร์ต และสวนผักปลอดสารพิษแล้ว พื้นที่กว่าห้าสิบไร่ติดเชิงเขามีฟาร์มโคนมอีกด้วย ที่นั่นมีสัตว์แพทย์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง “ที่นี่มีหมอจริงๆ” จอมทัพผลิยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่เป็นหมอรักษาสัตว์ ถ้าไม่ใช่โรคอะไรร้ายแรง แค่ข้อเท้าเจ็บ เขาคงช่วยดูให้ได้” เธอหลอกว่าขาเจ็บ เขารู้ว่าเธอโกหก ส่วนเขาก็บอกจะมาพาเธอมาหาหมอ ก็พามาจริงๆ เพียงแต่ที่นี่มีแต่หมอรักษาสัตว์ ไม่ใช่รักษาคน เพราะฉะนั้น... ‘หลอกมา หลอกกลับไม่โกง’ ศศิกาญจน์เบ้หน้า รู้ว่าถูกชายหนุ่มเล่นงานเข้าแล้ว เขารู้ว่าเธอโกหก หญิงสาวมองออกไปนอกรถยนต์ แล้วพบว่าพื้นที่รอบๆ ตัวนั้นสวยงาม แวดล้อมด้วยภูเขาโอบกอด แต่ไม่ใช่โรงพยาบาลแบบที่คิดเอาไว้ ความกลัวพุ่งเข้าบีบรัดหัวใจดวงน้อยจนเผลอหวีดร้อง “คุณหลอกฉัน!” แล้วหันกลับมามองหน้าเขาที่จ้องเขม็งรออยู่แล้ว จอมทัพเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือดก็ชักไม่แน่ใจว่าเธอตกใจจริง หรือจะใช้มารยาเล่มเกวียนไหนอีก “เธอก็หลอกฉันเหมือนกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม