บทที่4.แก้ปม......

1498 คำ
“เจนน่า!” คลิสเตียนเรียกเจนน่าเสียงเย็นๆ          “เจนขอตัวค่ะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระ...ไว้ว่างๆ เจนจะมาหาใหม่นะคะคลิส” เจนน่าร้อนตัว เธอทนนั่งอยู่ต่อหน้าคลิสเตียนไม่ไหว เกรงว่าตนเองจะเผลอเผยพิรุธให้ชายหนุ่มจับได้ แต่สิ่งที่เจนน่าทำ หล่อนแทบจะแบให้คลิสเตียนเห็นจนถึงไส้ถึงพุง แค่อาการที่หล่อนร้อนตัว ก็ทำให้คลิสเตียนเดาทางถูก          คลิสเตียนไม่ได้รั้งไว้ เขาปล่อยเจนน่ากลับไป...เพราะชายหนุ่มมีหนทางสืบได้แบบไม่อยาก          “ตามหาอัลเบโต้ให้เจอ ปิดปากมันซะ!” เสียงเหี้ยมเกรียมไร้ความปราณี เจนน่าสั่งคนของบิดาตามล่าอัลเบโต้ ก่อนที่คลิสเตียนจะหาไอ้หมอนั่นเจอ และสาวมาถึงเธอได้          “ครับ” การ์ดของเปาโลรับคำ การตามล่าอัลเบโต้เริ่มขึ้น พร้อมกับการเดินทางออกนอกประเทศของคลิสเตียน ชายหนุ่มเดินทางไปดูงาน โดยมีภารกิจสำคัญด้วย แต่ชายหนุ่มไม่ได้กระโตกกระตาก จึงไม่มีคนนอกรู้ ประเทศไทย...บ้านฉาง ระยอง...          พจน์จิบน้ำหวานสุดโปรด สลับกับอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ในมือ แกล้มด้วยการจิ้มพายสับปะรดใส่ปาก เป็นเมนูใหม่ที่พรรณนาคิดค้นทำขึ้นมาเพื่อช่วยเกษตรกรที่ปลูกสับปะรด ปีนี้ราคาตกจนแทบไม่เหลือกำไร นางจึงอุดหนุนคนปลูกนำมาทำขนมวางขายในร้าน เป็นการช่วยเหลือแบบที่ลงมือทำได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเยอะ เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเกินพอ กำลังซื้อมีน้อย ไม่เท่ากับโรงงานขนาดใหญ่ แต่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วมากเกือบ10 เท่า โรงงานแปรรูปเองก็สุดที่จะรับไหว จนทำให้สับปะรดจำนวนมาก เน่าเสียก่อนที่จะขายได้          หวันยิหวาถือโอกาสมานั่งคุยด้วย เธอเห็นนายแพทย์หนุ่มเป็นเพื่อนที่วางใจได้ และอีกอย่างเธอมีเรื่องอยากถาม          “ขอหวานั่งด้วยนะคะ” หญิงสาวกล่าวเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาต          “เชิญเลยครับ...” หมอหนุ่มยิ้มกว้าง ผายมือให้ลูกสาวเจ้าของร้านขนมได้นั่งตามสบาย          “วันนี้หมอไปทำงานสายนะคะ ป่านนี้ยังไปไม่ถึงโรงพยาบาลเลย”          หญิงสาวติง...เข็มสั้นชี้เลข10 เข็มยาวเลยเลข3 ไปนานแล้ว มันเกินเวลาทำงานเกือบจะครึ่งวัน          “วันนี้ผมหยุดน่ะครับ ไม่รู้จะไปไหน เลยมานั่งหายใจทิ้งที่นี่ดีกว่า อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ”          ผู้ชายโสด ไม่มีคนข้างกาย และกำลังมองหาคนรู้ใจ ที่ไหนจะดีเท่า เท่าที่ที่มีคนที่หมายปองอยู่ด้วย พจน์จึงเลือกที่นี่เป็นที่พักผ่อน แม้ไม่ได้เกี้ยวพา ขอส่งสายตาก็ยังดี          หวันยิหวาอมยิ้ม ถึงจะความจำเสื่อม แต่คำพูดแฝงความนัยตามประสาหนุ่มสาว ทำไมเธอจะไม่รู้ หญิงสาวแสร้งทำเป็นไขสือ บอกตามตรง... ผู้ชายตรงหน้าเป็นเพื่อนเหมาะกว่าจะเป็นคนพิเศษ เมื่อหัวใจของเธอเต้นเป็นปกติ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นยินดีอะไรเลยกับการพบเจอเขา...          “หมอมาก็ดีค่ะ หวามีเรื่องอยากถามพอดี”          หวันยิหวาเปลี่ยนเรื่องพูด เธอยังไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับนายแพทย์ผู้นี้เร็วเกินไป เวลาจะช่วยให้อีกฝ่ายรับรู้เอง          “อะไรเหรอครับ!!” พจน์ถาม พร้อมกับเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ชายหนุ่มพับหนังสือพิมพ์ในมือวางตรงหน้า หันมาจ้องหน้าหวันยิหวาแทน          “เห้อ!!” หญิงสาวถอนใจ เธอก้มลงมองมือตัวเอง สายตาเฉียดผ่านหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ และเห็นอะไรบางอย่างที่ตรึงสายตาเธอได้ชะงัด          มือสั่นๆ เอื้อมหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาใกล้ๆ เธอคลี่หน้ากระดาษที่ถูกพับไว้ หัวใจเต้นตึกตัก          “นี่ไงคะหมอ...ผู้ชายคนนี้หวาเคยเห็น...ในฝัน!!”          หวันยิหวากล่าวเสียงสั่น หางเสียงแผ่วหวิวและขาดห้วง เหมือนหัวใจทั้งดวงของเธอถูกบีบอัด ในห้วงฝันที่แสนทรมาน เธอเดินอยู่กลางความมืด กับเงาลางๆ ของผู้ชายตัวโต เขาก้าวผ่านเงามืดเข้ามา เธอจำได้ทั้งสีหน้าและแววตาที่ชายผู้นั้นจ้องมายังตนเอง แววตาของเขาแฝงความหมายหลายอย่าง ทั้งชิงชัง และห่วงหา จนหวันยิหวายังแปลกใจ ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน หวันยิหวาแน่ใจ... ชายผู้นี้เธอไม่รู้จัก แล้วทำไมล่ะ?!! ทำไมเขาถึงมองเธอแบบนั้น          พจน์มองหน้าหญิงสาว สลับกับการก้มมองภาพข่าว...          หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ เป็นโครงการใหญ่ของเจ้าสัวคนหนึ่งของประเทศไทย กับโครงการหมื่นล้าน ปลูกสร้างอาคารหลายสิบชั้น บนเนื้อที่ร้อยกว่าไร่กลางกรุง เป็นอาคารที่ครบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะสาธารณูปโภค ครบเครื่องทุกอย่าง การเดินทางสะดวก อยู่ติดแหล่งการค้า และเป็นเส้นทางธุรกิจ เหมาะสำหรับคนกระเป๋าหนักเท่านั้น 1ยูนิตราคาแพงพอๆ กับบ้านเดี่ยว เพียงแต่ที่นี่คือความทันสมัยของคนรุ่นใหม่          “คุณหวาคงเคยเห็นคน คนนี้ผ่านสื่อมั้งครับ”          พจน์ลองเดา ผู้ชายในข่าว เพิ่งเดินทางมาถึงเป็นข่าวคึกโครมเพราะเป็นคนดัง ทั้งหล่อและรวย จนผู้คนให้ความสนใจ วัย38ปี แต่ดูดีจนหนุ่มๆ อาย          “ไม่นะคะ หวาไม่ชอบดูข่าว...และหวาเห็นเขาในฝันหลายครั้งมาก” หญิงสาวย้ำ          มันเหมือนมีบางอย่างเกี่ยวพันกัน ในห้วงฝันหลายๆ วันมานี่ ล้วนแต่มีเงาของผู้ชายคนนี้ตลอด เธออยากรู้ แต่ไม่รู้จะถามใคร?          นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว เป็นไปไม่ได้ที่หวันยิหวาจะรู้จักกับคน คนนั้นเป็นการส่วนตัว เมื่อผู้ชายคนนั้นคือ คลิสเตียน รอสซี เขาผู้นั้นเพิ่งจะเหยียบย่างบนแผ่นดินไทยครั้งแรก...          “คุณหวากำลังจะบอกผมใช่มั้ยครับว่าเขาเป็นผู้ชายในฝัน”          พจน์พูดติดตลก เพื่อให้ความกังวลของหญิงสาวบรรเทาลง          หญิงสาวพยักใบหน้าหงึกหงัก เขาอยู่ในฝันของเธอจริงๆ หากครั้งสองครั้งเธอคงไม่ติดใจ แต่นี่... นับตั้งแต่ร่างกายหายเจ็บ เธอฝันถึงเขาถี่มาก จนเผลอมโนไม่ได้ หากผู้ชายคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ เธอจะมีปฏิกิริยายังไง          “โอ้ย!! ถ้าเปรียบคุณคนนี้เป็นเจ้าชายก็ได้นะครับ ประวัติของคุณแกไม่ธรรมดาจริงๆ” พจน์กล่าวต่อ ไม่มีทางที่หวันยิหวาจะได้เจอกับพ่อเจ้าประคุณคนนี้ได้เลย เมื่อเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง และคลิสเตียนมาเพื่อเซ็นสัญญา แล้วเขาก็คงเหินฟ้ากลับประเทศของเขา...เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นมีงานรัดตัว          “หมอรู้จักเขาเหรอคะ?”          หวันยิหวาถามกลับ ดวงตาเป็นประกาย เธออยากเจอเขา เผื่อความทรงจำที่หลบซ่อนอยู่จะยอมโผล่ออกมาทักทาย          “ไม่เลยครับ!!” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ เขายิ้มกว้าง หมอโนเนมอย่างเขาจะไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไง คลิสเตียนมีเงินในบัญชีเป็นหมื่นๆ ล้าน ในขณะที่เขามีเงินในบัญชีไม่เกินเจ็ดหลัก...          “ว้า...หวาจะทำยังไงถึงได้เจอเขาล่ะคะ?”          หญิงสาวบ่น อยากเจอเขาเพราะความกังขา เธอไม่เคยฝันอะไรซ้ำซากแบบนี้เลย หากไม่เคยเจอะเจอ แล้วทำไมถึงเจอกันในฝันได้          “คงไม่มีหวังมั้งครับ...” พจน์ตอบเสียงอ่อย ความเป็นไปได้เป็นศูนย์. ประเทศไทย...กรุงเทพฯ          บรรยากาศยามค่ำบนตึกสูง มองเห็นแสงไฟบนถนนคล้ายๆ เส้นเชือกที่พาดโยงไปมาน่าปวดหัว คลิสเตียนยืนนิ่ง สายตามองภาพนั้น แต่กลับคิดถึงใครบางคน ผู้หญิงคนหนึ่งสดใสเหมือนดอกไม้ป่า รอยยิ้มเต็มหน้า กับแววตามีชีวิตชีวา รอบตัวของเธอคือความสดชื่นที่คลิสเตียนไม่เคยเจอ สังคมของเขาทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนเย็นชา เมื่อมีแต่คนที่เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ สวมหน้ากากคนใจดี แต่ลับหลังคือหมาป่าผู้หิวโซ จ้องจะตะปบเหยื่อหากตนเองเพลี่ยงพล้ำ          ‘คลิส...ลองทานฝีมือของหวาหน่อยค่ะ หวาทดลองทำเองเลยน๊า’          กลิ่นขนมอบลอยตลบอบอวล เป็นกลิ่นที่เพิ่งเคยมีเป็นครั้งแรกในรั้วบ้านรอสซี          บ้านที่เหงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวาฟื้นคืนมาอีกครั้ง บ้านกลายเป็นบ้านตั้งแต่หวันยิหวาเหยียบย่างเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย          หล่อนเหมือนแมวน้อย ที่ขยันมาคลอเคลียเจ้าของ มือนุ่มนิ่มนั่น แตะต้องสัมผัสเขาด้วยความอบอุ่นจริงใจ รอยยิ้มของหล่อนก็เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับความสดชื่นยามรุ่งอรุณ หล่อนคือความสุขที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายปี นับตั้งแต่บิดา-มารดาลาลับไป          คลิสเตียนสะบัดใบหน้าแรงๆ ความทรงจำในหัวแตกกระจายและหายวับไปในอากาศ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม