“หล่อนแพศยาขนาดนั้น แกทำไมไม่จำล่ะไอ้คลิส!!” เสียงลอดไรฟันดังผ่านปากสีเข้ม เป็นคำพูดที่มีไว้เตือนตัวเอง เพราะสิ่งที่หล่อนทิ้งไว้ หลังความหวานชื่น นั้นคือความอับอายและเจ็บช้ำ
คลิสเตียนต้องขายขี้หน้ากับบรรดาลูกสมุน เมื่อคนข้างกายหนีหายไปกับคนที่ไว้ใจ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มถูกหยาม เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ผู้หญิงข้างกายเห็นคนต่ำกว่าสำคัญกว่าตนเอง เขาอยากเจอทั้งหวันยิหวาและอัลเบโต้ อยากควักหัวใจคนทั้งคู่ออกมาขยี้เล่น อยากรู้ว่าทำไมทั้งสองคนทำเช่นนั้นกับเขา หักหลังเขาแบบเลือดเย็น รู้ถึงไหนก็อายถึงที่นั่น เมื่อคนหนึ่งคือผู้หญิงของตนเอง ส่วนอีกคนหนึ่งคือลูกน้องที่ไว้ใจ
เวลาตอนกลางคืนมันแสนทรมานสำหรับคลิสเตียน นับตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้... ผ่านมาเกือบปี คลิสเตียนหลับไม่เต็มตาสักคืน กลางดึกเขาจะผวาตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย ฝันที่ไม่อาจบอกใครได้ว่าผู้ชายคนหนึ่งคร่ำครวญหาคนที่จากไป มันเหมือนน้ำท่วมปาก หวามอมขมกลืน ระบายให้ใครฟังก็ไม่ได้ แม้แต่เซเก้ คนสนิทที่สุด...
อาย...คลิสเตียนอายที่ต้องยอมรับว่าหวันยิหวาสำคัญเกินผู้หญิงคนอื่น หล่อนก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตของชายหนุ่ม เข้ามาครอบครองพื้นที่ในส่วนที่หวงห้ามจนเต็มพื้นที่
ดังนั้น คลิสเตียนจึงช็อค!! เขาไม่อยากเชื่อว่าหวันยิหวาจะหันหลังให้ และตีจากเขาไปได้ง่ายๆ
ที่มอบให้ไม่เพียงพอหรอกหรือ ยามที่อยู่ร่วมกัน หล่อนไม่มีความสุขหรืออย่างไร?
หากเป็นเช่นนั้น หล่อนก็เล่นละครได้อย่างเนียบเนียนจนเขาเองยังดูไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา...ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหก!!
“เจ้านายจะลงไปที่บาร์ไหมครับ?”
เสียงเซเก้ทำลายภวังค์ของเขาจนแตกกระจาย คลิสเตียนกระพริบเปลือกตาปริบๆ ปรับความรู้สึกเจ็บปวด กลับมาเป็นคนเดิมที่เฉยชา ชายหนุ่มหันกลับมาช้าๆ “ไม่ล่ะ ฉันอยากคิดอะไรเงียบๆ มากกว่า...สั่งเครื่องดื่มเบาๆ ขึ้นมาให้ด้วยแล้วกัน ฉันจะอาบน้ำรอ”
เซเก้อ้าปากถามไม่ทัน เจ้านายก็เดินหายไปหลังบานประตูเสียแล้ว
“ไวชะมัด... ช่างเถอะ น่าจะสนใจหรอก กลางคืนนอนเหงาคนเดียวคงไม่แฮบปี้เท่าไหร่”
การ์ดหนุ่มบ่นพึมพำ...มองตามหลังเจ้านายไป ก่อนจะตัดสินใจเอาเอง...
ดังนั้นเมื่อคลิสเตียนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เขาเดินออกมาพร้อมกับยกมือขยี้ผมไปด้วย ชายหนุ่มจึงได้เจอเซอร์ไพรส์จากลูกน้องคนสนิท เมื่อภายในห้องนอนของเขา มีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งจิบไวน์อยู่บนโซฟา หล่อนส่งยิ้มยั่วเย้า ทันทีที่เขาโผล่หน้าออกมาให้เห็น
คลิสเตียนจิปาก!! นึกอยากอัดลูกน้องคนสนิทครั้งแรก
มันทะลึ่งอวดรู้...แม้จะเป็นสิ่งที่เซเก้มักจะนำมาเสนอทุกครั้งที่ไปเยือนประเทศอื่นๆ เป็นการคลายเครียดหลังทำงานหนัก เพียงแต่...เขารู้สึกเบื่อ ร่างกายไม่ฮึกเหิมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ว่าเพราะตนเองหมดไฟ แต่ความกระหายในเพศรส มันเหือดแห้งไปเอง...เมื่อเผลอเปรียบเทียบผู้หญิงคนอื่น กับหวันยิหวา...
สิ่งที่เคยชื่นชมในสมัยก่อน คลิสเตียนชอบผู้หญิงเป็นงานและตามทัน เรื่องบนเตียงต้องโลดโผน เป็นผู้หญิงจัดจ้านที่ตามทันในทุกรูปแบบ...หลังจากพบเจอกับผู้หญิงนาม หวันยิหวา ความร้อนแรงเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เขาอิ่มเอมเท่า ความอ่อนหวานระหว่างมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เสียงกระซิบแผ่วๆ เสียงครางหวานๆ นั่น รัดรึงใจเขามากกว่า บทรักที่ร้อนแรงปรอทแตก!!
“สวัสดีค่ะ ให้นกน้อยคอยรับใช้คุณนะคะ” เจ้าหล่อนรีบแนะนำตัว สำเนียงภาษาอังกฤษใช้ได้ทีเดียว
คลิสเตียนถอนใจ...เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งห่างๆ และเจ้าหล่อนทำท่าจะถลาเข้าใส่จนเขาต้องรีบยกมือห้าม
“นั่งตรงนั้นแหละ คุยกันก่อน...หากเธอขยับเข้ามาใกล้ฉัน...ฉันจะโยนเธอออกไปข้างนอก” เสียงเข้มๆ นั่น ไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายล้อเล่น เจ้าหล่อนถึงได้ยอมทิ้งตัวนั่งที่เดิม พร้อมกับยิ้มแหยๆ ให้
“นกน้อยทำให้คุณไม่พอใจเหรอคะ ต้องการแบบไหน บอกได้เลยค่ะ นกน้อยยอมทุกอย่าง”
หนุ่มหล่อกระเป๋าหนัก หน้าตาขั้นเทพบุตร หญิงสาวรำพันในใจ ให้บริการแบบถวายหัวยังได้ เพราะหากเขาติดใจขึ้นมา คงเหมือนขึ้นสวรรค์ เมื่อชื่อเสียงของคลิสเตียน ไม่ได้มีคนรู้จักแค่อิตาลี ชื่อเสียงของเขาดังกระฉ่อนไปทั่วโลก หนุ่มหล่อ ร่ำรวยเว่อร์!! แถมยังโสด...จับพลัดจับผลู...ถูกอกถูกใจมหาเศรษฐีหนุ่มอย่างเขาเข้า...คงได้สบายจนตาย...
“เปล่า...ฉันต้องการเพื่อนคุย...ไม่ต้องการเพื่อนนอน”
ชายหนุ่มกล่าวแบบไม่อ้อม หล่อนจะได้ไม่หวังมาก อารมณ์สุนทรีของเขา มันหดหายตั้งแต่ได้กลิ่นน้ำหอมที่ฉีดพรมมามากเกินจำเป็น จนความหอมกลายเป็นฉุน
“ค่ะ...” หญิงสาวยอมรับแบบแสนเสียดาย ค่าตัวที่ได้ มากโขกว่าทนรับใช้นักการเมือง หรือคนใหญ่คนโตในประเทศเสียอีก ดังนั้นหากเขาต้องการอะไรเธอยอมได้ทุกอย่าง และหากต้องการเพื่อนคุย เธอก็จะเป็นให้
คลิสเตียนเลยทำตัวสบายขึ้น เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ตวัดปลายเท้าขึ้นมาไขว่ทบกัน ละเลียดชิมไวน์รสชาติดีเพลินๆ เกือบจะลืมหล่อนไปด้วยซ้ำ หากเจ้าหล่อนไม่ส่งเสียงถามออกมาก
“ไม่เห็นคุณคุยอะไรเลยค่ะ”
ชายหนุ่มหันมายิ้ม “อ้าว!! ยังอยู่เหรอ?”
เจ้าหล่อนถึงกับเหวอ!! กระพรือขนตาปลอมถี่ๆ จน คลิสเตียนขำ เขาหัวเราะดังลั่น!! “ฮ่าๆ”
มองหญิงสาวพรางมโนถึงตุ๊กตาบลายธ์ที่ครั้งหนึ่งหวันยิหวาอยากได้ หล่อนเป็นคนออกปากเองด้วยซ้ำ ตุ๊กตาขยับเปลือกตาได้ ขนตาหนาเป็นแพที่คลิสเตียนหัวเราะทุกครั้งที่เห็น ช่างไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงตรงหน้าเลย
“นกน้อยต้องอยู่กับคุณจนถึงเช้าค่ะ”
ตอนที่รับงานมา นายหน้าบอกเช่นนั้น
“เหรอ...ตามสบาย เธอจะอยู่หรือจะกลับก่อนก็ได้...ฉันไม่ว่า”
คลิสเตียนออกปาก การอยู่หรือไปของหล่อนไม่มีผลกับเขา
“แต่ว่า...” เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ แก้มป่องๆ ตาโตๆ เงยหน้ามองสลับกับก้มหน้าหลบ
“ฉันไม่เอาเงินคืนหรอกน่า...อยากอยู่ก็อยู่ อยากกลับก็กลับ...แต่อย่าทำให้ฉันรำคาญล่ะ ฉันจะดื่มเงียบๆ”
ชายหนุ่มโบกมือแบบไม่ใคร่ใส่ใจ เมื่อเวลานี้ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ คลิสเตียนอยากดื่มและใช้ความคิดเงียบๆ แค่นั้น
ผีเสื้อแสนสวยที่หวังรวยทางลัดเลยตัดสินใจกลับ เพราะไม่ว่าจะหว่านเสน่ห์แบบไหน เจ้าของห้องก็ไม่ได้สนใจ เขาดื่มด่ำกับไวน์และบรรยากาศยามค่ำของกรุงเทพฯ มากกว่า การแสวงหาความสุขบนเรือนกายของตนเอง แถมเงินค่าจ้างก็ได้รับเต็มที่ เธอรีบกลับไปนอนตีพุงให้สบายที่ห้องดีกว่า เพราะหากเผลอขัดใจชายหนุ่มขึ้นมา เขาหาเรื่องยึดสตางค์คืน เธอเสียมากกว่าได้
เซเก้ผุดลุกขึ้นยืน เมื่อประตูหน้าห้องนอนของเจ้านายถูกดันเปิดออกมา
ผู้หญิงสาวสวยหยดย้อยที่เขาเพิ่งส่งเข้าไปในห้อง เดินเชิดหน้าออกมา พร้อมกับท่าทางลุกลี้ลุกลน
“เอ่อ...”
“เจ้านายคุณอนุญาตให้ฉันกลับได้ค่ะ...ห้ามลิบเงินคืนด้วยนะคะ ฉันตกลงกับเจ้านายของคุณแล้ว ฉันไปล่ะ” เจ้าหล่อนชี้หน้าเขา พูดรัวเร็ว... ก่อนจะวิ่งฉิวจากไป ไม่รอให้เขาได้ซักไซ้อะไรเลย
“อะไรวะ!!”
การ์ดหนุ่มยกมือเกาท้ายทอยแกร๊กๆ มองประตูหน้าห้องเจ้านายแบบงงๆ
รถยนต์ยี่ห้อหรูคันหนึ่งกำลังขับเคลื่อนอยู่บนถนนมอเตอร์เวน์ จุดหมายปลายทางคือจังหวัดระยอง สถานที่พักผ่อนชายทะเลสำหรับคนมีเวลาว่าง และอยากสูดไอเค็มที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศ...ความเร็วของรถยนต์ตามกฎหมายกำหนด แต่ดูเหมือนจะขัดใจคนโดยสาร เมื่อสีหน้าของเขาดูดุดัน แม้จะนั่งเฉยๆ ก็ตาม...
สารถีคนขับรู้สึกเย็นหลังวาบๆ เขาเอื้อมมือสะกิดคนข้างๆ พยักพะเยิดให้เซเก้หันไปมอง
“ลูกพี่...รู้สึกเหมือนผมไหมครับ?”
การ์ดหนาหยกยิ้มแหยๆ ให้ เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันมาซักพักใหญ่ๆ เจ้านายที่นั่งตีหน้านิ่งๆ เริ่มขยับตัว สีหน้าดุดันเพิ่มขึ้นทุกนาที
“ฉันนั่งอยู่บนรถใช่มั้ยวะ ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนหลังลาเลยล่ะวะ!!”
น่าน!! เสียงแข็งๆ บ่นพึมพำ จนสารถีคนขับต้องรีบเพิ่มความเร็วในการขับเคลื่อนขึ้นแบบอัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่ทันใจผู้โดยสารอยู่ดี
“รู้อย่างนี้ ฉันให้แกเหมาเครื่องบินเจ็ทมายังดีเสียกว่า”
คลิสเตียนบ่นขรม นั่งจนก้นชา ยังเดินทางมาไม่ถึงครึ่งทาง