บทที่4.แก้ปม....

1517 คำ
ชายหนุ่มนอนอมยิ้ม นอนฟังเสียงวิ่งตึงตังของซีรีนแบบขำๆ          ขนาดอยู่ในช่วงเวลาตึงเครียดแท้ๆ ความเป็น ความตายรออยู่ด้านหน้า แต่เขาก็ยังยิ้มได้เพราะมีซีรีน          “ฉันไปทำงานนะ ไปจริงๆ” หญิงสาวกลับออกมาจากห้อง หลังสงบใจลงได้ เธอลืมของจนต้องย้อนกลับมาเอา และได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเต็มตา สาวน้อยวัยกำดัดหัวใจเต้นสั่นแบบรุนแรง...ทั้งอาย ทั้งโกรธ แต่ไม่สามารถต่อว่าชายหนุ่มได้ เมื่อตนเองดันทะเล่อทะล่าเข้ามาเอง                    คลิสเตียนนั่งอ่านเอกสารในมือ เขาเคลียร์งานจนว่าง เมื่อธุระสำคัญอยู่ในที่แสนไกล          “คือ...” เซเก้ยืนก้มหน้า มือกุมที่เป้ากางเกง พูดเสียงอ้อมแอ้มในคอ เมื่อสิ่งที่เจ้านายสั่ง เขาจัดการได้ไม่ดีพอ          “พูดมา ฉันรอฟังอยู่” ชายหนุ่มเปรย สายตาไม่ได้ละไปจากเอกสารในมือ เขาแน่ใจว่าเซเก้ต้องการสื่อสารเรื่องอะไร          “มีตั๋วจากโรมไปไทย แต่ที่นั่งเป็นแบบชั้นประหยัดครับ ถ้าเจ้านายจะไปพรุ่งนี้”          คลิสเตียนเหลือบมอง “เรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้ ฝีมือนายตกไปนะเซเก้ หรือจะต้องให้ฉันซื้อทั้งสนามบินมาเสียเลย”          เซเก้กลืนน้ำลายฝืดๆ คำประชดประชันของเจ้านายเล่นเอาเขาเหงื่อตก          “ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ” การ์ดหนุ่มรับคำเสียงหนักแน่น คงไม่ต้องถึงขั้นซื้อสนามบิน แต่คงต้องรีบก่อนที่เจ้านายจะระเบิดตูม          “ดี”          เซเก้ถอยหลังกลับ เขาคงต้องไปกว้านหาซื้อตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่เจ้านายจะพิโรธ...ชายหนุ่มยกมือปาดเหงื่อ...ทุกวันแทบจะร้างราผู้โดยสาร ทำไมต้องจำเพราะเจาะจงเป็นวันที่คลิสเตียนต้องการเดินทาง ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสเต็มทุกที่นั่ง...และนั่นคือสาเหตุให้เขาวิ่งวุ่นอยู่ตอนนี้...          หลังลูกน้องคู่ใจหายลับไป คลิสเตียนหยิบแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาค้นหาอะไรบางอย่าง          ข่าววันเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เป็นข่าวครึกโครมอยู่เกือบเดือน... แต่กลับเงียบหายไปดื้อๆ เหมือนมีใครบางคนปกปิดข่าวนี้ไว้...          ภาพรถยนต์คันหรู หนึ่งในรถยนต์หลายๆ คันที่คลิสเตียนสะสมไว้Lexus LS350 Luxuryสีดำสนิท เหมือนม้าพยศแสนดื้อ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร 268 แรงม้า รูปทรงโฉบเฉี่ยว ราคาปานกลาง...แต่ถูกใจคลิสเตียนไม่น้อย มันถูกจอดอยู่ในโรงสะสมรถยนต์ของเขา ถูกนำมาใช้เป็นบางครั้งบางคราว แต่จากภาพ สภาพรถพังยับ เพราะถูกอัดก็อปปี้จากรถบันทุกคันโต 1ใน2 ผู้โดยสารรถยนต์คันนั้น คือคนที่ทำให้เขาโมโหจนหนวดกระตุก นกน้อยในกรงทองที่คลิสเตียนถนอมเป็นอย่างดี หล่อนบินถลาออกจากกรง โดยมีการ์ดคนสนิทของเขาเป็นคนอาสาพาไป...          มันเป็นความคลุมเครือที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เมื่อคนที่เขาไว้ใจ หายตัวไปแบบลึกลับเหมือนกัน...จนบัดนี้ ผ่านไปเกือบครบปี ยังไร้ร่องรอยของอัลเบโต้!! เป็นไปได้หรือไม่ว่าลูกน้องคนโปรดของเขา จบชีวิตลงแล้ว...          ส่วนหวันยิหวาถูกพากลับประเทศของหล่อนตั้งแต่วันแรกๆ เขาไม่สามารถรั้งไว้ได้ เมื่อตนเองนั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะห้ามทัน          สิ่งที่คลิสเตียนทำตอนนี้คือการควานหาอัลเบโต้ แต่ก็เหมือนเดิม...ไอ้นกรู้นั่น ยังเก็บตัวเงียบ          ส่วนหวันยิหวา...เธอรักษาตัวอยู่ มีบิดา-มารดาคอยประคบประหงม...และศักดิ์ศรีของรอสซีค้ำคอ...ชายหนุ่มจึงฝืนตัวเอง ไม่ไปตามทวง ทั้งที่ห่วงหล่อนจับใจ!!          คลิสเตียนสะดุดบางอย่างจากภาพข่าวนั่น...หลังเพ่งมองอยู่นาน...นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มสนใจแบบจริงจัง รถบรรทุกที่จอดอยู่ใกล้ๆ มีอะไรบางอย่างสะดุดตา จนไม่อาจมองข้ามได้ ชายหนุ่มกดปลายนิ้ว ขยายรูปจนใหญ่ขึ้น เขาเพ่งมองหน้ารถบรรทุกจนแน่ใจ สัญญาลักษณ์ที่เห็น เกี่ยวพันกับ เซมิโอเน่แน่นอน...          ชายหนุ่มเหวี่ยงแล็ปท็อปจนกระเด็น ใช้สันมือทุบโต๊ะทำงานดังปัง!!          เบื้องหลังการหลบหนีของหวันยิหวา เจนน่ามีเอี่ยวแน่นอน...          “ว่างเหรอคะวันนี้” เสียงหวานฉ่ำที่เจ้าตัวพยายามปรุงแต่งให้ถูกใจคลิสเตียน หล่อนเสแสร้งจนชายหนุ่มระอา แต่เพราะความสัมพันธ์กันในเชิงธุรกิจ และมารยาททางสังคม ทำให้     คลิสเตียนพูดไม่ออก แต่เขาแน่ใจ... งานวิวาห์ที่คนในเซมิโอเน่หวัง... ไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน ข้อผูกมัดเพียงลมปากของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ สืบต่อมาถึงคนรุ่นลูก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นจริง หากเขาไม่ยินยอม          คลิสเตียนตวัดปลายขาขึ้นไขว่ทบกัน วางมือที่หัวเข่า ทอดสายตานิ่งๆ มองคนที่เดินเข้ามา เจนน่ายังสวยสะดุดตาเหมือนทุกครั้งที่เจอ หล่อนสวยคมเฉียว มาดมั่นสมกับเป็นทายาทของเซมิโอเน่...แต่เพราะอะไรไม่รู้...คลิสเตียนไม่สนิทใจที่จะคบหาหล่อน ถึงหล่อนจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่ทาบทามไว้ให้ก็ตาม          เจนน่าน่ากลัวมากกว่าอยากเข้าใกล้ หล่อนสวยแปลกๆ อยู่ด้วยแล้วอึดอัด เหมือนถูกจ้องจับผิดตลอดเวลา          หญิงสาวจิ๊ปาก!! ขัดใจชายหนุ่มจนอยากจะกรีดร้อง...เธอกำลังจะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนตักของเขา แต่ดูเหมือนคลิสเตียนจะรู้ทัน เขาเตรียมป้องกันไว้ จนไม่สามารถทิ้งตัวนั่งบนตักเขาอย่างที่ตั้งใจได้          เจนน่าจึงเปลี่ยนใจ เดินไปอิงสะโพกกับขอบโต๊ะแทน หล่อนปรือตา เผยอปาก ทำท่าทางเซ็กซี่ หวังให้ชายหนุ่มชื่นชอบ          คลิสเตียนหลุบเปลือกตาลง เขาขำเจนน่าจนเกือบหลุดหัวเราะ หล่อนทำท่าทางเหมือนสาวบริการ ที่คอยอ่อยลูกค้ากระเป๋าหนัก เสียแรงที่หล่อนเป็นลูกสาวมาฟียใหญ่ แต่กลับไม่มีมาดเอาเสียเลย          “ไม่ได้ว่างหรอก คุณก็รู้นี่ผมงานยุ่ง” คลิสเตียนตอบเสียงเนือยๆ ควานมือกดอินเตอร์คอม เรียกคนด้านนอกให้เข้ามาด้านใน “ใครอยู่ข้างนอกบ้าง... อย่าเสียมารยาท ไม่เห็นเหรอว่าคุณเจนน่ามา น้ำท่าเอามาเสิร์ฟด้วย” คำพูดของคลิสเตียนเหมือนหวังดี แต่เจนน่ารู้ มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งหากเธออยู่กับเขาในห้องส่วนตัวไม่มีเซเก้การ์ดคู่ใจเขา ชายหนุ่มจะเรียกการ์ดคนอื่นมาคอยกันท่า เขาไม่เคยมีเวลาส่วนตัวให้เธอเลย          หญิงสาวไหวไหล่ เดินเลี่ยงไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟากลางห้อง ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เดินตามมานั่งห่างๆ          “มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า ว่ามาได้เลย” ชายหนุ่มแสร้งยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเวลา ทำเหมือนเป็นการไล่แบบอ้อมๆ          “เปล่าค่ะ... เจนว่าง เลยแวะมาหา เจนเพิ่งกลับมาจากปารีสค่ะ...และไม่คิดว่าคุณจะอยู่”          คลิสเตียนพยักหน้ารับรู้ พอดีกับการ์ดอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นสด เขาย่อตัวเสิร์ฟน้ำให้กับแขกเจ้านาย และถอยหลังไปยืนด้านหลัง แต่ไม่คิดจะออกไปด้านนอก          เจนน่าชำเรืองมองการ์ดหน้าดุของชายหนุ่มด้วยหางตา มุมปากสีแดงสดมีรอยยิ้มรู้ทัน          “หือ...” คลิสเตียนคราง การเดินทางของเขาถูกปิดเป็นความลับ ข่าวของเขาแพร่งพรายเข้าหูคนนอกอย่างเจนน่าได้อย่างไร หล่อนถึงรู้ว่าเขาจะไปไหนมาไหนได้อย่างแม่นยำ...          “อย่าทำหน้าแบบนั้นซิคะ เจนแค่เห็นข่าวคุณจากสื่อดังฝั่งยุโรป” หญิงสาวแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน          “อ๋อ...” ชายหนุ่มลากเสียงยานคาง เขายกมือกอดอก มองเจนน่านิ่งๆ “อยากบอกอะไรผมมั้ยเจนน่า” นานๆ ครั้ง      คลิสเตียนจะเรียกชื่อของเธอซักที แต่การเรียกครั้งนี้มันแฝงความน่ากลัวไว้ด้วย          เจนน่าอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มหวานเจี๊ยบส่งให้ ส่ายหน้าปฏิเสธทั้งกริยาและคำพูด “ไม่มีนี่คะ...เจนต้องบอกอะไรคุณเหรอคลิส?” สีหน้าเหลอหลาที่เจนน่าแสดงออกเนียบเนียน แต่คนฉลาดแบบคลิสเตียนรู้ทัน เขาไม่หลงกลหล่อนง่ายๆ เมื่อสิ่งที่คาใจ คือเรื่องที่ปล่อยผ่านไม่ได้          “ผมกำลังดูข่าวอยู่” แล็ปท็อปที่ชายหนุ่มเหวี่ยงทิ้ง หล่นอยู่ไม่ไกล คลิสเตียนเปรยเบาๆ เขาลุกไปหยิบแล็ปท็อปนั่นขึ้นมาจากพื้น และมันยังค้างอยู่หน้าเดิม          สาวสวยอึ้งไปเล็กน้อย กว่าจะปรับความรู้สึกให้นิ่งได้  คลิสเตียนก็จับได้เสียแล้ว          “ผมว่า ไอ้รถบรรทุกคันนั้นน่ะ ของเซมิโอเน่ไม่ใช่เหรอ ผมคุ้นๆ ตราสัญญาลักษณ์ที่ติดอยู่หน้ารถนะ”          “ไม่รู้ซิคะ เจนไม่ค่อยสนใจกิจการของพ่อ...คุณอยากรู้ต้องถามพ่อเองค่ะ” หญิงสาวแสร้งไขสือ แต่การบอกปัดเร็วไปซักนิด เธอไม่แม้แต่จะขอดูรูปเพื่อหาข้อแก้ต่างเลย เจนน่ารีบปฏิเสธทันที เหมือนรูปข่าวนั้น เธอเคยเห็นมาก่อน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม