“ตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ยจี” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำขึ้นอีกครั้งหลังจากฟังสิ่งที่จีรณาพูดจบไปเมื่อครู่เพื่อความแน่ใจ ว่าหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดแววตาฉายความกังวลเเละเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัดนั้นตัดสินใจตามที่ตัวเองพูดมาก่อนหน้านี้ดีแล้วจริงๆ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเรื่องสนุกที่พอไม่อยากทำแล้วจะเปลี่ยนใจก็ได้เหมือนเล่นขายของสมัยเด็ก
เเต่นี่มันหมายถึงการทำธุรกิจเพราะในแวดวงของธุรกิจเมื่อมีการเจรจาและตกลงเกิดขึ้นต้องไม่มีคำว่ายกเลิกเพราะจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะธุรกิจสีเทาที่ไม่มีคำว่าล้อเล่น
จีรณามองหน้าชายหนุ่มเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังที่เธอคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดีเพราะมารับจ๊อบเป็นเด็กล้างจานที่นี่ตั้งแต่ยังอายุสิบห้าพออายุสิบแปดก็ได้เลื่อนขั้นไปเป็นเด็กเสิร์ฟและด้วยความอยากรู้อยากลองชอบหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอเข้าไปตีสนิทกับบาร์เทนเดอร์ประจำร้านเพื่อศึกษาหาความรู้ในการชงเหล้าหรือจะเรียกง่ายๆ ว่าครูพักลักจำวิธีการต่างๆ จนตอนนี้เธอได้เลื่อนขั้นมาเป็นบาร์เทนเดอร์ประจำร้านอีกคน
“ค่ะพี่อาทิตย์ มันคือทางออกเดียวที่จะทำให้แม่อยู่กับจี”
“แต่มันคือสิ่งที่จีแอนตี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ หาหนทางอื่นมั้ยจี เผื่อมันจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ พี่รักจีเหมือนน้องสาวนะ ชอบในความขยันและความกตัญญูของเรา พี่ไม่อยากให้เราทำแบบนี้เลย” จีรณานั่งน้ำตาคลอมองอาทิตย์ด้วยความซาบซึ้งแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อทางเลือกของคนจนกับคนรวยมันต่างกัน ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้แม่เธอก็ต้องตายซึ่งเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน
ทางเลือกของเธอตอนนี้มันมีไม่มากนักหรอกกับค่าใช้จ่ายที่เธอต้องนำไปจ่ายให้กับทางโรงพยาบาลเอกชนที่แม่เธอถูกส่งตัวไปรักษาอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบครันและทันสมัย นั่นก็หมายความว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาย่อมสูงเป็นเท่าทวีคูณโดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง ยอดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ที่เธอได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่การเงินของโรงพยาบาลในช่วงเช้าของวันนี้ทำให้เธอหน้าซีดเผือด ตัวเย็นจัดแทบจะเป็นลมเสียให้ได้ แม้เธอจะพอมีเงินเก็บที่เธอกับแม่เฝ้าเก็บหอมรอมริบมาจะสามารถนำมาจ่ายในยอดชำระครั้งแรกได้ แต่ครั้งต่อๆ ไปเธอก็หมืดแปดด้านไม่รู้จะไปหามาจากไหน จำนวนเงินตั้งมากมายจะไปหยิบยืมใครเขาจะให้ จนต้องหันหน้ามาขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์
“จีมองไม่เห็นทางออกไหนเลยค่ะ เงินที่จีกับแม่เก็บไว้ก็กดออกมาจ่ายโรงพยาบาลจนหมด ตอนนี้มีติดตัวอยู่แค่ไม่ถึงพันด้วยซ้ำ อีกสามวันก็ต้องไปจ่ายอีกเกือบครึ่งแสนจากยอดเต็มเกือบครึ่งล้านซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน จีกลัวค่ะ จีกลัวแม่จะทิ้งจีไปเหมือนพ่ออีกคน” จีรณาปล่อยโฮออกมาอีกครั้งด้วยความกลัวที่ไม่มีวันหายออกไปจากหัวใจ สภาพจิตใจของเธอตอนนี้บอบช้ำอย่างหนักหน่วงจนแทบจะเสียสติไปให้ได้ แต่คำว่าแม่ดึงสติของเธอให้กลับมาในทุกๆ ครั้ง
“ใจเย็นๆ นะจี ถ้าจีตัดสินใจดีแล้วพี่ก็เคารพในการตัดสินใจของจี แต่ข้อเสนอที่จีให้มามันค่อนข้างสูงพี่ไม่รู้ว่าจะมีใคร...”
“จีรู้ค่ะ และจีก็รู้ว่าพี่อาทิตย์จะสามารถหะ...” ยังไม่ทันที่จีรณาจะพูดจบเสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีทองบางเฉียบที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของอาทิตย์ก็ดังขัดจังหวะขึ้น
“พี่ขอรับโทรศัพท์สักครู่นะ” จีรณาเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น อาทิตย์จึงลุกเดินออกจากโต๊ะทำงานมายังอีกมุมหนึ่งของห้องทำงาน
“สวัสดีครับ...เฮ้ย!! ไอ้เสือ นี่แกมาถึงเมืองไทยแล้วเหรอวะ... อยู่ร้าน... แล้วแกพักที่ไหนอ่ะ อ๋อ! เออๆ เดี๋ยวไปหา แล้วเจอกันโว้ย” พูดจบก็ตัดสายทิ้งไป เดินกลับมาหาจีรณา
“จี เดี๋ยวพี่ต้องไปหาเพื่อนก่อน ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวพี่จัดการให้ พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกรายละเอียดอีกที”
“ค่ะพี่อาทิตย์ งั้นจีขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ แล้วก็ขอบคุณพี่อาทิตย์ด้วยนะคะที่ยอมช่วยจี”
“ครับ ขอให้แม่หายไวๆ นะจี”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อจีรณาเดินออกจากห้องไปอาทิตย์ก็ยิ้มกริ่มออกมาพร้อมกับความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นอยู่ในหัว เขารู้แล้วว่าจะช่วยจีรณาอย่างไรและใครที่จะเหมาะสมกับจีรณาที่สุด
เมื่อออกมาจากร้านจีรณาก็เดินใจลอยตามทางเท้าอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางใดๆ เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่เจ้าตัวไม่คิดจะเช็ดมันทิ้งเสียสักนิด ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมาแม้ใจจะเจ็บปวดสักเพียงไหนก็ตาม ขออ่อนแออยู่ตรงนี้ตรงที่ไม่มีใครรู้จักเธอสักพัก
ร่างบางนั่งลงตรงป้ายรถเมล์ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนที่นั่งรอรถอยู่บริเวณนั้นที่มองมาด้วยความอยากรู้และสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย
เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่ใช้ได้เฉพาะรับสายกับโทรออกดังขึ้นเรียกสติของจีรณาให้กลับมาอยู่ที่เดิม หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าทิ้งไปรีบควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมากดรับด้วยหัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา
“สวัสดีค่ะ..ใช่ค่ะฉันเป็นลูกสาวค่ะ อะไรนะคะ!! ได้ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” หัวใจของจีรณาร่วงลงไปอยู่ที่พื้นใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษก็ไม่ปานเมื่อได้ยินสิ่งที่ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งน้ำตาที่เหือดแห้งไปไหลออกมาอีกครั้ง ความตายและการสูญเสียอยู่รอบตัวเธอทุกวินาที
คนไข้หัวใจหยุดเต้น....
จีรณาอยู่ในชุดปลอดเชื้อของทางโรงพยาบาลยืนมองผมารดาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ผ่านกระจกใสในห้องไอซียู ศีรษะเต็มไปด้วยผ้าพันแผล มือที่เคยลูบศีรษะ มือที่คอยหยิบนั่นหยิบนี่ให้เธอกินตอนนี้เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือและสายเลือด ใบหน้าที่เคยสดใสเต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้จะเหนื่อยสักแค่ไหนตอนนี้บวมเป่งจากการผ่าตัดสมอง ปากที่เคยพูดคุยกับเธอทุกวันนี้ยิ้มให้เธอตั้งแต่เด็กจนโตตอนนี้มีท่อช่วยหายใจสวมใส่อยู่ เส้นกราฟที่แสดงอยู่บนหน้าจอเป็นเส้นขึ้นลงๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแม่ของเธอยังอยู่กับเธอไม่ไปไหน ขอบคุณสวรรค์ที่ยังสงสารและเห็นใจเธอ ขอบคุณที่ยังเมตตาให้แม่ได้อยู่กับเธอต่อ