สมุทรใช้ความพยายามที่จะไม่สนใจทั้งแสนรักและ
แสนหวาน แต่ก็อดไม่ได้ทุกครั้งที่จะมองหาแสนหวานและหยุดเล่นด้วยเมื่อเดินผ่านโต๊ะทำงานของเลขาฯ สาวหน้าห้องทำงานของตัวเอง ผ่านมาสองสามสัปดาห์แล้ว เขาก็ยังทำอย่างนั้นอยู่ แต่วันนี้กลับแปลกไปหน่อยเพราะเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของแสนหวาน
ไม่ใช่ความผิดปกติอะไรที่ร้ายแรงหรือเกี่ยวกับสุขภาพหรอก แต่เป็นกำไลข้อมือและกำไลข้อเท้าทองที่สวมใส่อยู่บนข้อมือและข้อเท้าของเด็กน้อยต่างหาก
ใครเป็นคนซื้อให้แสนหวาน?
สมุทรเชื่อว่าแสนรักไม่ได้เป็นคนซื้อเองหรอก แต่ครั้นจะถามคนเป็นแม่ก็คงจะไม่ได้คำตอบอีก ดังนั้นเขาจึงเรียกแม่บ้านที่คอยช่วยแสนรักดูแลลูกมาสอบถาม
“รู้ไหมว่าหนูหวานได้กำไลข้อมือข้อเท้ามาจากใคร รักได้บอกอะไรป้าบ้างหรือเปล่า”
“คือป้า...”
ป้าแม่บ้านเกือบจะตอบว่าไม่รู้แล้วเพราะแสนรักกำชับมาว่าอย่าบอกใคร แต่ทว่า...
“ผมให้พันนึง แล้วบอกผมมาตามตรงว่าป้ารู้อะไรมาบ้าง”
กลิ่นเงินมันหอมหวาน เงินเดือนแม่บ้านแค่หมื่นต้นๆ มันไม่ได้มากมายอะไร เจ้านายเสนอเงินมากับการแลกเปลี่ยนเรื่องง่ายๆ แค่นี้ บอกได้อยู่แล้ว
“ฟังแล้วคุณสมุทรอย่าไปบอกคุณรักนะคะว่าได้ยินมาจากป้า คืองี้ค่ะ หวานได้กำไลมาจาก...”
ซุบซิบๆๆๆ
ป้าแม่บ้านซุบซิบนานมาก เล่าแบบละเอียดยิบตามประสาคนปากมาก ความจริงสมุทรเป็นคนที่ทนการนินทาใครไม่ค่อยได้
แต่เรื่องนี้เขาดันอยากฟัง พอได้ความครบถ้วน เขาก็ล้วงธนบัตรสีเทาออกมาให้ป้าแม่บ้านตามข้อตกลง ก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วโทรออกหาใครบางคนในทันที
“พ่อเหรอครับ นี่มันเรื่องอะไร บอกผมให้หายโง่หน่อย”
คนที่สมุทรโทรหาคือบิดาของเขาเอง และใช่ จากคำบอกเล่าของป้าแม่บ้าน หล่อนบอกว่าบิดาของเขาเป็นคนซื้อกำไลทองพวกนี้ให้กับแสนหวาน ส่วนเหตุผลน่ะหรือ?
เขาก็กำลังถามอยู่นี่ไง
[เรื่องอะไรของแก]
“ก็เรื่องของหนูหวาน พ่อรู้อะไรมาใช่ไหม แต่ไม่ยอมบอกผม”
คำพูดนั้นคาดคั้นเอาคำตอบจากผู้เป็นพ่อกลายๆ หากแต่ก็ได้รับคำตอบที่เขาไม่ชอบใจสักเท่าไรกลับคืนมา
[รู้อะไร ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น]
“ถ้าพ่อไม่รู้อะไร แล้วพ่อซื้อกำไลข้อมือข้อเท้าให้หนูหวานทำไมครับ”
มีแต่ปู่ย่าตายายที่หลงหลานตัวเองเท่านั้นแหละที่จะซื้อของพวกนี้ให้ ทว่าสมุทรก็ต้องทำหน้ามุ่ยเมื่อคำตอบที่กลับคืนมาคลุมเครือเสียเหลือเกิน
[ฉันซื้อให้ก็เพราะเอ็นดูหนูหวาน]
“เอ็นดูเด็กที่ไม่ใช่เลือดเนื้อไขของตัวเองเหรอครับ ผมว่าไม่น่าใช่มั้ง”
[แล้วแกอยากให้ฉันตอบยังไง ฉันบอกความจริงไปแล้ว แกจะเอาอะไรอีก]
“ผมคิดว่าพ่อต้องมีเหตุผลมากกว่านี้”
[อย่างเช่น?]
“หนูหวานเป็นลูกผมอะไรแบบนั้น”
เสียงหัวเราะของบิดาดังตามสายตาให้สมุทรระคายหู ก่อนมันจะเงียบหายไป กลายเป็นน้ำเสียงเข้มแทน
[ฉันซื้อให้หนูหวานก็เพื่อไถ่โทษความชั่วที่แกทำกับแสนรักด้วย]
“ผมทำอะไร”
[ก็ล่อลวงแสนรักอย่างไรล่ะ แล้วก็ไปควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาให้แสนรักต้องเจ็บช้ำน้ำใจ อย่าคิดนะว่าแกทำอะไรลับหลังฉัน แล้วฉันจะไม่รู้]
ถึงตรงนี้ สมุทรก็พูดไม่ออกไปครู่เลยทีเดียว
“แสนรักเล่าให้พ่อฟังเหรอ”
[ไม่ต้องเล่า ฉันก็เดาได้ แสนรักทำงานกับแกมาเป็นปี จู่ๆ ก็ลาออกไม่มีเหตุผล แถมไม่แจ้งแกด้วย แต่มายื่นซองขาวกับฉันแทน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าแกทำชั่วกับแสนรักเอาไว้ ฉันเลยต้องช่วยเหลือเธอเป็นการไถ่โทษยังไงล่ะไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง]
แค่เขานอนกับเธออย่างสมัครใจน่ะหรือที่เรียกว่าชั่ว? ถ้าเขาทำเธอท้องแล้วไม่รับผิดชอบ จะเรียกว่าชั่ว เขาจะไม่เถียงเลยสักคำ แต่นี่นอกจากแสนรักจะไม่บอกว่าใครเป็นพ่อเด็กแล้ว ยังปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อด้วย แล้วแบบนี้เขาไปทำชั่วกับเธออย่างไรในเมื่อเขาพร้อมจะรับผิดชอบเต็มที่?
สมุทรไม่เข้าใจที่บิดาพูดเลย ถ้าแค่เรื่องที่เขานอนกับเธอมันจำเป็นต้องไถ่โทษขนาดนี้ เขาก็จะไม่เถียงแล้วกัน
พลันก็วางสายจากบิดาก่อนที่จะถูกด่าเกินกว่าคำว่าไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง ก่อนจะกลับไปยังห้องทำงานของตนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ถามใครก็ไม่มีใครบอก มีแต่มีลับลมคมในให้เขามั่นใจว่าแสนหวานเป็นลูกของเขาจากการกระทำของคนพวกนั้น และสมุทรก็มั่นใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสายตาเหลือบเห็นแสนหวานซึ่งนอนดูดขวดนมอยู่ในเปลขณะที่แสนรักเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อครู่นี้ เธอไม่ได้ฝากลูกไว้กับใครเพราะคิดว่าไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมา โดยไม่รู้เลยว่าเจ้านายของตนกำลังยืนยิ้มกริ่มอยู่เมื่อเห็นเด็กน้อยนอนเล่นเพลิดเพลิน
ก็ได้ ในเมื่อใครต่อใครเล่นแง่แบบนี้กับเขา เขาก็จะเล่นแง่กับเธอบ้าง
“หนูหวานขา มาหาพ่อขามา”
พลันก็ถลาเข้าไปที่เปลเด็ก ยื่นมือทั้งสองข้างไปตรงหน้า พูดจาจ๊ะจ๋าเสียงหวานกับเด็กน้อย แสนหวานเห็นก็แทนที่จะหวาดกลัว กลับชูมือชูไม้ให้คุณพ่อกำมะลอได้อุ้มไปอีก
“มานอนเล่นกับพ่อขานะคะ นอนห้องแอร์เย็นๆ ไม่ร้อนเหมือนอยู่ตรงนี้เนอะ”
สมุทรอุ้มลูกน้อยขึ้นบ่าแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ความจริงข้างนอกก็ไม่ได้ร้อนอะไรหรอก มีเครื่องปรับอากาศเหมือนกัน แต่เขาพูดเพื่อให้แสนหวานรู้ว่าข้างในห้องทำงานของเขามีดีกว่าโต๊ะทำงานของแม่เยอะ
ก็ลูกเขานี่นา เขาก็อยากจะมอบแต่สิ่งดีๆ ให้ลูกสิ
สมุทรทำตัวประหนึ่งคนว่างงานเลยทีเดียว ทั้งกอดทั้งอุ้ม โอ๋เอ๋แสนหวานจนหัวเราะคิกคักตามประสาเด็กอยู่พักใหญ่ ความจริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนว่างงานอะไรหรอก งานเยอะไม่ต่างจากแสนรักด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการเซ็นและตรวจตราความถูกต้องของเอกสารสำคัญต่างๆ ทว่าเขาก็ไม่ยี่หระ สบโอกาสตอนที่แสนรักไม่อยู่มาตีสนิทกับแสนหวาน พร้อมกับแผนการหนึ่งที่ผุดพรายขึ้นมาในหัว
เขาจะทำให้แสนหวานติดจนไม่อยากจากไปเลยล่ะ แล้วเมื่อนั้นแสนรักก็จะแยกเขาออกจากลูกไม่ได้ พอแยกลูกออกไม่ได้ ตัวแม่ก็ต้องตามมาด้วย
เป็นแผนตื้นๆ โง่ๆ ไม่สมกับปัญญาของกรรมการบริหารเลยสักนิด แต่สมุทรก็ดึงดันที่จะทำอย่างนั้น พลางตบก้นน้อยเบาๆ กระทั่งแสนหวานหลับคาอกเขาไป ตอนนั้นแหละเขาถึงได้เริ่มอ่านและเซ็นเอกสาร