สมุทรมีเหตุผลที่เชื่อว่าตัวเองเป็นพ่อของแสนหวาน เพราะนอกเหนือจากแสนหวานจะมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาตอนเด็กอย่างกับแกะแล้ว เขายังเชื่อด้วยว่าผู้หญิงอย่างแสนรักคงจะไม่ไปมั่วกับใครที่ไหนระหว่างที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา ถึงหญิงสาวจะไม่ได้บอก แต่เขาก็ทึกทักเองอย่างนั้นด้วยความเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง
ทว่าสำหรับแสนรักแล้ว เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงหรอก มองว่าเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วก็หน้าด้าน
หน้าทนมากกว่า เพราะหลังจากวันนั้นที่เธอฝากลูกไว้ให้เขาดูแลแล้วไปพบลูกค้า เธอก็ไม่เคยพบกับความสงบสุขอีกเลยเพราะในทุกๆ วัน สมุทรจะมาทักทายเธอที่โต๊ะทำงานด้วยประโยคที่ว่า...
“ลูกรักเป็นลูกของผมใช่หรือเปล่า”
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ถูกถามอย่างนั้น สีหน้าของสมุทรจริงจังมากเลยทีเดียว แต่สีหน้าของแสนรักก็จริงจังไม่แพ้กันแม้ว่ามันจะมีร่องรอยของความเบื่อหน่ายเจือปนอยู่บ้างก็ตาม
“ไม่ใช่ค่ะ แสนหวานเป็นลูกของผู้ชายคนอื่น”
คำตอบที่ไม่เป็นไปตามความพึงประสงค์เรียกรอยยับย่นระหว่างคิ้วของสมุทรได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“ไม่ใช่ลูกผม แล้วเป็นลูกใคร”
นี่ก็เป็นอีกคำถามที่เขาถามไม่เว้นวัน แสนรักลอบระบาย
ลมหายใจยาวแล้วบ่ายเบี่ยง
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณสมุทรจะต้องรู้ค่ะ คุณมีประชุมในอีกสิบห้านาทีนะคะ มัวแต่มาคุยกับรักอย่างนี้ แล้วเมื่อไรรักจะได้เตรียมเอกสารให้”
พอเปลี่ยนมาเป็นเรื่องงาน สมุทรก็ขมวดคิ้วมุ่นมากกว่าเดิมอีก เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ช่างหัวประชุมมันเถอะ บอกมาว่าใครเป็นพ่อเด็ก!’ แต่ก็ทำไม่ได้ นอกจากการเหลือบมองไปยังแสนหวานที่นั่งอยู่บนตักผู้เป็นแม่ คว้าปากกาคว้ากระดาษมาถือเล่นตามประสาเท่านั้น
“หรือรักจะมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็มามีอะไรกับผม?”
ไม่หยุดไม่ว่า ยังจะถามคำถามใหม่ขึ้นมา แสนรักเหลือบมองหน้าหล่อนั่นแล้วพรูลมหายใจออกมาอีกระลอก
“คุณสมุทรคะ มีประชุมในอีกสิบห้านาทีนะคะ”
เธอย้ำ หวังว่าสมุทรจะหยุดก่อกวนแล้วให้เวลาเธอเตรียมแฟ้มเอกสารให้เขาเสียที กระนั้นสมุทรก็ไม่ยอมรามือง่ายๆ ในเมื่อไม่ตอบคำถามที่เขาถามไปเมื่อครู่ เขาก็มีคำถามใหม่มาให้ตอบอยู่ดี
“แล้วจะเอา ‘หนูหวาน’ ไปไว้ไหน”
‘หนูหวาน’ คือการเรียกแสนหวานแบบย่อๆ ของสมุทร แสนรักไม่รู้ว่าเขาไปสนิทกับลูกสาวตัวเองตั้งแต่ตอนไหนถึงได้เรียกกันประหนึ่งว่าสนิทสนมเสียเต็มประดาอย่างนี้ กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจะบอกเร็วๆ
“เดี๋ยวฝากแม่บ้านไว้ค่ะ”
“ฝากแม่บ้าน? แม่บ้านว่างงานหรือไง”
แสนรักเหล่มอง เห็นสายตาไม่พอใจส่งมาก็หลุบหนี
“ว่างค่ะ ช่วงสลับกะพอดี รักฝากไว้ไม่นาน แค่ช่วงประชุมเท่านั้น เดี๋ยวก็เอาหวานกลับมาดูเองค่ะ”
แสนรักว่าไปตามตรงตามประสาคุณแม่ลูกอ่อนที่ไม่มีใครช่วยเลี้ยง สมุทรเองก็เข้าใจเพราะไม่อย่างนั้นแสนรักคงไม่กลับมาทำงานหรอกถ้าหากเอาลูกมาด้วยไม่ได้ อันที่จริงก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้แสนรักใช้ชีวิตอยู่อย่างไรถ้าไม่มีใครช่วยเลี้ยงลูก
จะทำงานอย่างไร จะแบ่งเวลาไว้ดูลูกอย่างไร เป็นคำถามที่เขาอยากจะถามนัก
แต่ป่วยการจะถาม ขนาดคำถามที่เขาพรั่งพรูไปก่อนหน้า หญิงสาวยังไม่คิดที่จะตอบเลยแม้แต่คำถามเดียว มิหนำซ้ำตอนนี้ยังจะอุ้มแสนหวานขึ้นไว้ในอ้อมแขน ลุกขึ้นแล้วพูดเร็วๆ
“เดี๋ยวรักพาหวานไปฝากก่อนนะคะ แล้วจะมาตามคุณสมุทรไปเข้าประชุมค่ะ”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกจากโต๊ะทำงาน แต่สมุทรกลับยืนขวางไว้ไม่ให้ไป แสนรักมองหน้าอย่างสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายเปิดปาก
“ไม่ต้องเอาหนูหวานไปไว้ไหน พาไปอยู่ในห้องทำงานผมแล้วเรียกแม่บ้านมาดูแลที่นี่ ผมไม่ไว้ใจให้หนูหวานไปอยู่ที่อื่นกับคนอื่น อย่างน้อยในห้องทำงานผมก็มีกล้อง จะได้คอยดูหนูหวานได้”
ว่าราวกับเป็นพ่อของแสนหวานจริงๆ อย่างไรอย่างนั้นแหละ แสนรักทำท่าจะปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วก็ต้องสงบปากสงบคำเมื่อสมุทรสวนขึ้นมาเสียก่อน
“ได้เวลาที่ผมต้องเข้าประชุมแล้ว รักอย่ามัวโอ้เอ้ เข้า
ประชุมสาย ภาพลักษณ์ผมจะเสียหมด”
ภาพลักษณ์เป็นกรรมการบริหารขี้เก๊กน่ะหรือ?
แสนรักค่อนแคะในใจ ทว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าดีเหมือนกันที่จะฝากแสนหวานไว้กับแม่บ้านในห้องทำงานของสมุทร เหตุผลก็ตามที่สมุทรพูดนั่นแหละ เธอไม่อยากให้ลูกห่างสายตานักหรอก
แต่ในเมื่อจำเป็น เอาไว้ในที่ที่มีกล้องวงจรปิดคอยดูได้ว่าแสนหวานเป็นอย่างไรก็น่าจะดีกว่า
“งั้นรักฝากหวานหน่อยนะคะ รักจะไปตามแม่บ้านค่ะ”
พูดจบก็ทำท่าจะไปส่งแสนหวานที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานของเธอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ สมุทรก็ยื่นสองมือมาตรงหน้า
“ส่งมาสิ”
“คะ?”
“ผมบอกให้ส่งหนูหวานมา ผมจะอุ้มให้”
แสนรักชะงัก เมื่อครู่นี้ที่เธอบอกว่าฝาก ไม่ได้หมายความว่าจะให้เขาอุ้มลูกสาวตัวเองเข้าไปข้างในห้องทำงานของเขาเสียหน่อย เธอจะอุ้มไปส่งเอง แล้วฝากเขาดูให้ครู่หนึ่ง ส่วนตนจะไปตามแม่บ้านมา
แสนรักจึงไม่ส่งลูกน้อยให้ ทำให้สมุทรต้องขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม
“ยังจะโอ้เอ้อีก ส่งหนูหวานมาแล้วรีบไปตามแม่บ้านมาเร็ว ผมขี้เกียจรอแล้วนะ”
การเร่งเร้าของชายหนุ่มทำให้แสนรักจำใจส่งลูกสาวให้อย่างไร้ทางเลือก สมุทรรับไปอุ้ม แสนหวานก็ไม่มีท่าทีตื่นกลัวเลย เพียงแค่มองหน้าเขาด้วยความสงสัยเท่านั้นว่าเขาเป็นใคร ขณะที่สมุทรออกปากอีกครั้ง
“ไปได้แล้วรัก จะต้องให้ผมบอกอีกกี่ครั้งกัน”
“งั้นเดี๋ยวรักมานะคะ”
ต้องก้าวออกจากบริเวณนั้นจนได้ แสนรักร้อนรนมากทีเดียวในการไปตามแม่บ้าน ก่อนจะกลับมาพบว่าสมุทรยังอุ้มแสนหวานอยู่ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย ส่วนแสนหวานก็ยอมให้อุ้มราวกับว่าคุ้นเคยเป็นอย่างมากทั้งๆ ที่เพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่กี่วัน
ปกติแล้วแสนหวานเข้ากับคนแปลกหน้าไม่ได้ ถูกใครอุ้มเป็นต้องร้องกระจองอแงตลอด การให้แม่บ้านมาช่วยดูแลก็เตรียมใจรับเลยว่าเด็กน้อยจะต้องร้องโยเยไม่เลิกแน่ ยกเว้นสมุทรเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แสนหวานยินยอมให้อุ้มแต่โดยดี เพราะตอนที่ชายหนุ่มส่งเด็กน้อยให้แม่บ้านอุ้ม แสนหวานก็ร้องขึ้นมาจนแสนรักต้องโอ๋อยู่ยกใหญ่ ก่อนจะตัดใจปล่อยให้แม่บ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนดูแลต่อเพราะได้เวลาเข้าประชุมแล้ว
หญิงสาวกังวลเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยมีใครช่วยดูแลลูกให้ เธอจึงยังไม่ชินพอๆ กับที่แสนหวานไม่ชินกับคนแปลกหน้า โดยไม่รู้เลยว่าไม่ใช่แสนรักเท่านั้นที่กังวล ผู้ชายที่เดินนำหน้าเธอตรงไปยังห้องประชุมนั้นก็ไม่ชินเหมือนกัน จนเขาต้องเอาแท็บเล็ตมาเปิดดูกล้องวงจรปิดตลอดการประชุมเพื่อดูว่าแสนหวานเป็นอย่างไรบ้างเลยล่ะ
คนที่ห่วงลูกยิ่งกว่าใคร เห็นทีจะกลายเป็นสมุทรเสียแล้ว
แต่ๆๆ สมุทรก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นพ่อของแสนหวานนะ ต่อให้กังวลหรือเป็นห่วงเด็กน้อยแค่ไหน ทว่าคนเป็นแม่อย่างแสนรักก็ยืนกรานว่าเขาไม่ใช่พ่ออยู่ดี สมุทรคิดว่าเป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมากในการตอแยถามเธออย่างนั้น เพราะทุกคำถามที่หลุดออกจากริมฝีปากหยักสวยเคลือบด้วยลิปสติกสีนู้ดนั้นมักเป็นคำว่า ‘ไม่’
ไม่ใช่พ่อของแสนหวานนี่สำคัญที่สุด แต่แสนรักก็บอกว่า...
‘รักไม่ได้คบผู้ชายคนไหนระหว่างที่มีอะไรกับคุณค่ะ’
‘ไม่มีผู้ชายอื่น งั้นหนูหวานก็ต้องเป็นลูกผมน่ะสิ’
‘ไม่ใช่ลูกคุณสมุทรค่ะ’
‘แล้วเป็นลูกใครได้อีกถ้าไม่ใช่ลูกผม’
สมุทรไม่เคยได้คำตอบจากคำถามนี้เลย มีแต่ความเงียบงันจากหญิงสาวและการบ่ายเบี่ยงไปทำงานเท่านั้นเป็นคำตอบ
เขาอุตส่าห์จะยอมรับเป็นพ่อให้อยู่แล้ว หยิ่งขนาดนี้ก็ใช้ชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไปเถอะ!