ส่วนทางด้านแสนรักที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำก็แตกตื่นตกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆ ลูกก็หายไป คราแรกนึกว่าเป็นแม่บ้านที่อุ้มไปช่วยดูแล แสนรักจึงไปตามที่ห้องพักของแม่บ้าน แต่พอไม่เห็นแสนหวานก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หาจนแน่ใจแล้วว่าไม่เห็นแสนหวานแน่ๆ ก็ไปตามตัวที่แผนกใกล้ๆ แล้วก็ได้รับคำยืนยันว่าไม่มีใครพาตัวแสนหวานมาแถวนี้เลย
ร้อนถึงแผนกรักษาความปลอดภัยที่ต้องช่วยเปิดกล้องวงจรปิดตรวจสอบให้ แล้วก็พบ ‘ผู้ร้าย’ ในท้ายที่สุด
“คุณสมุทร!”
แสนรักอุทานเสียงดัง ความร้อนรุ่มใจมลายหายไปแทบสิ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มในชุดสูทหรูเป็นคนอุ้มแสนหวานออกจากเปลแล้วหายเข้าไปในห้องทำงาน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่จู่ๆ ก็สบายใจขึ้นมา แต่แสนรักก็ไม่ได้สบายใจอย่างปลิดทิ้ง รีบขอบคุณคนที่ช่วยเหลือแล้วตรงไปเคาะประตูห้องทำงานของสมุทรอย่างเอาเป็นเอาตาย
ปังๆๆ!
“คุณสมุทรคะ! คุณสมุทร!”
ไม่รอให้สมุทรอนุญาตให้เข้าห้องก่อนด้วย หญิงสาวเปิดพรวดเข้าไปเลย แล้วก็พบว่าแสนหวานกำลังซบหน้าอกอุ่นๆ ของผู้บริหารหนุ่มหลับปุ๋ยไม่รู้ประสาอยู่ ขณะที่สมุทรละสายตาจากเอกสารตรงหน้า ส่งเสียงดุมายังเธอ
“อะไรของรักน่ะ เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวหนูหวานก็ตื่นหรอก”
ยังมีหน้ามาพูดดีอีก ไอ้โจรขโมยลูก! อยากจะกระโดดถีบสองขารวดนัก!
แสนรักชักสีหน้าทันที ก้าวอาดๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วว่าเสียงแข็ง
“รักมาเอาลูกคืนค่ะ ส่งลูกคืนให้รักด้วย”
แต่แทนที่สมุทรจะรู้ตัวว่าทำให้คนเป็นแม่หายใจหายคอไม่ทั่วท้องขนาดไหน เขากลับส่งเสียงดังจุ๊ๆๆ ออกมา
“เสียงดังทำไม หนูหวานเพิ่งหลับเมื่อกี้ เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก”
ว่าพลางโยกตัวกับเก้าอี้เบาะหนังเล็กน้อยเพื่อกล่อมให้
เด็กน้อยนอนต่อ แสนรักสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรง สะกดกลั้นความโมโหอย่างถึงที่สุด ก่อนจะเปล่งเสียงอีกครั้ง
“คุณสมุทรคะ รักขอลูกคืนด้วยค่ะ”
สมุทรหยุดโยกเก้าอี้ มองดวงหน้าสวยของอีกฝ่ายแล้วเปิดปากขึ้นบ้าง
“งั้นรักตอบคำถามผมมาสักสองสามข้อ”
“ถ้าเป็นคำถามเดิมๆ รักขอยืนยันคำตอบเดิมนะคะ แล้วก็ไม่อยากให้ถามแล้วด้วย รักเบื่อ”
แสนรักบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรง คิดว่าคนตรงหน้าคงจะถามเรื่องเขาเป็นพ่อของแสนหวานหรือเปล่า เธอคบหากับใครระหว่างที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาหรือเปล่า อะไรประมาณนั้น แต่ทว่ากลับผิดคาดเมื่อคำถามหยุดออกจากริมฝีปากเขา
“รักไปได้กำไลข้อมือข้อเท้าพวกนี้มาจากไหน”
รู้ว่าแสนรักไม่กล้าบอกหรอกว่าได้มาจากบิดาเขา แต่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เขาแค่อยากจะรู้ว่าแสนรักจะตอบว่าอย่างไร
“มีญาติผู้ใหญ่ใจดีซื้อให้ค่ะ”
แล้วหญิงสาวก็โกหกออกไปจริงๆ ด้วย สมุทรถอนหายใจ
ไม่เข้าใจว่าเธอจะปิดบังอะไรเขานักหนา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกสักนิด เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจกัน
“ผมถามคุณจริงๆ นะรัก”
“คะ?”
“โกรธผมเรื่องอะไร”
คำถามที่จู่ๆ ก็ถามออกไปนั้นทำให้แสนรักไม่ทันตั้งตัว
“โกรธเหรอคะ”
“ใช่ รักถึงได้ปฏิเสธผมอย่างนี้ไงล่ะ เดี๋ยวไม่ใช่พ่อของ
หนูหวานบ้างล่ะ เรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมบ้างล่ะ รักคงลืมไปแล้วมั้งว่าผมกับรักเคยเอากันอยู่ช่วงหนึ่ง”
คำพูดของสมุทรแทบทำให้แสนรักอยากจะตบปากเขาให้ฉีก
กล้าพูดมาได้อย่างไร ไอ้คำตรงๆ โต้งๆ อย่างนี้น่ะ!
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอเคยทำอย่างนั้นกับเขาจริงๆ ทำได้แต่เพียงถลึงตาแล้วว่าเร็วๆ
“อย่าพูดอย่างนี้ต่อหน้าหวานนะคะ ถึงหวานจะยังไม่รู้เรื่อง แต่รักก็ไม่ชอบให้พูดอย่างนี้ต่อหน้าลูกของรัก”
สมุทรยักไหล่เบาๆ เขาก็รู้แหละว่ามันไม่สมควร ไม่ผิดที่
หญิงสาวจะไม่พอใจ
ก็ให้ทำอย่างไรล่ะ เธอเอาแต่ปฏิเสธเขานี่นา
“งั้นบอกผมเรื่องนี้ก็ได้ ผมสงสัยอยู่เหมือนกัน”
ยังจะหน้าด้านถามนั่นถามนี่ ไม่เห็นหรือว่าแสนรักหน้าตึงไปหมดแล้ว
“รีบถามมาค่ะ ถ้าตอบได้ รักจะตอบ”
“ในเมื่อหนูหวานไม่ใช่ทั้งลูกผมและลูกผู้ชายคนอื่น แล้วตอนแจ้งเกิด รักใช้ชื่อใครเป็นชื่อพ่อของหนูหวาน”
แสนรักนิ่งไปครู่ ครุ่นคิดว่าจะบอกเรื่องนี้ได้หรือไม่
“ว่าไง รักใช้ชื่อใคร”
แล้วก็ไม่ทันจะได้คิดอย่างถี่ถ้วนเพราะถูกเร่งเร้ามา แสนรักจึงต้องบอกความจริง
“รักใช้ชื่อพ่อของรักค่ะ คุณตาของหวาน”
สมุทรพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ ขณะที่แสนรักยื่นมือไปตรงหน้า
“รักตอบแล้วก็ช่วยส่งลูกของรักคืนด้วยค่ะ แบบนี้รักไม่ชอบนะ”
ไม่ชอบแล้วทำไม จะตบเขาให้หน้าหันหรือ?
สมุทรอยากจะแกล้งลองยื่นหน้าให้หญิงสาวตบเหมือนกัน แต่กลัวว่าแสนรักจะถอดส้นสูงแล้วเอามาตบเขาแทนฝ่ามือ ก็เลยยอมส่งแสนหวานคืนให้กับคนเป็นแม่แต่โดยดี
แสนหวานหลับปุ๋ยแม้กระทั่งถูกส่งต่อสู่อ้อมอกแม่ แสนรักสอดส่ายสายตาสำรวจเนื้อตัวลูกสาวตามสัญชาตญาณว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายตรงไหนบ้างหรือเปล่า พอแน่ใจแล้วว่าไม่มี เธอก็ถอนหายใจออกมา
“ผมไม่ทำอะไรลูกหรอกน่า แค่เอาลูกมากล่อมนอนก็เท่านั้น”
สมุทรว่าเสียงเขียวเมื่อเห็นท่าทางไม่ไว้วางใจจากแสนรัก ขณะที่เธออ้าปากเถียง
“รักเป็นแม่ จู่ๆ ลูกหายไป รักก็ต้องระแวงสิคะ”
“ถ้าระแวงขนาดนั้น ทีหลังก็อย่าทิ้งลูกเอาไว้คนเดียว ถึงจะแค่แป๊บเดียว แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เข้าใจไหม คนเราจะสูญเสียได้ง่ายๆ เพราะคิดว่าแป๊บเดียว ไม่เป็นไรนั่นแหละ อย่าเป็นแม่ที่มักง่ายแบบนี้”
แล้วก็กลายเป็นว่าเธอถูกดุแทนเสียอย่างนั้น แสนรักเม้มริมฝีปากแน่น ถูกต้องอย่างที่สมุทรพูด มันจี้ใจดำเธอเหลือเกินจนพูดไม่ออก ส่วนสมุทรเห็นท่าทางอึดอัดนั้นก็หยุดสั่งสอนด้วยไม่อยากให้แสนรักตีตัวออกห่างเขามากไปกว่านี้
“ทีหลังจะไปเข้าห้องน้ำหรือไปไหน ก็เอาหนูหวานมาฝากไว้กับผม ผมจะดูให้เอง”
พูดอย่างนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าแสนรักไม่ยอมหรอก แต่ก็บอกไป
แสนรักจะได้ไม่ต้องไปคอยเรียกแม่บ้านมาให้ช่วยดู
แม่บ้านเป็นคนอื่น เขาเป็นพ่อ เขาไว้ใจได้มากกว่า สมควรเป็นเขาที่ต้องดูแลยามเธอไม่ว่างน่ะถูกต้องแล้ว
กระนั้นแสนรักก็ยังจะทำให้เขาอารมณ์ขุ่น
“รับทราบค่ะ แต่ไม่เป็นไร รักจัดการเองได้”
จัดการเองได้บ้าบอคอแตกอะไรล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์วูแมนที่ทำได้ทุกอย่างหรือไง ‘ผัว’ ก็อยู่ตรงนี้ ก็เรียกให้ผัวช่วยสิ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองจะทำได้โดยไม่ต้องมีใครช่วยอย่างนั้น
อยากจะพูดนัก แต่สมุทรก็ระงับไว้เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืดให้แสนรักได้เถียง แล้วแสนหวานที่กำลังหลับอุตุอย่างมีความสุขจะตื่นขึ้นมา
เพื่อการนอนอันสงบสุขของลูกสาวเลยนะ เขาถึงได้ยอมเนี่ย ไม่งั้นได้เถียงกับแม่คนหัวดื้อไปแล้ว
“ก็ตามใจ มีอะไรก็ไปทำได้แล้ว อย่ามัวมายืนอยู่ตรงนี้”
แสนรักทำหน้าง้ำ ไม่ต้องไล่หรอก อย่างไรเธอก็ไปอยู่แล้ว
หากทว่าเมื่อหญิงสาวหมุนตัวจะก้าวออกไปนอกห้อง สมุทรก็ร้องเรียกขึ้น
“แสนรัก”
“คะ?”
“แล้วก็อย่าทำหนูหวานตื่นล่ะ ผมเป็นคนกล่อมหลับ คนที่จะทำให้ตื่นได้มีแต่ผมเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องให้หนูหวานตื่นเอง”
จู่ๆ ก็สั่งกำกับมาเสียอย่างนั้น คล้ายกับจะบอกให้รู้ว่าการกล่อมให้แสนหวานหลับได้นั้นเป็นเรื่องยากเย็นเสียเหลือเกิน
แสนรักเกือบจะเกทับไปอยู่แล้วว่าเธอกล่อมลูกได้ดีกว่าที่เขาทำอีก ทว่าก็รู้เหมือนกันว่าถ้าพูดออกไป สมุทรต้องสวนกลับแล้วไม่ยอมจบบทสนทนาง่ายๆ แถมจะทำให้เธอต้องเสียเวลาจัดการงานด้วย ดังนั้นจึงได้แต่ขานรับเท่านั้น
“รับทราบค่ะ รักขอตัวนะคะ”
แสนรักและแสนหวานหายออกไปจากห้องทำงานแล้ว สมุทรยังคงจ้องมองไปยังจุดเดิม ครุ่นคิดไม่ตกเลยว่าจะทำอย่างไร แสนรักถึงจะหายจากอาการหัวดื้อได้
ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่อุ้มลูกมานอนในเปลดังเดิมก็
ขมุบขมิบปาก
“หัวดื้อที่สุด”
คิดไม่ต่างอะไรจากสมุทรเลย
คนหัวดื้อสองคนมาเจอกัน...ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ