แรงตบของฝ่ามือเด็กน้อยทำให้คนเจ็บที่พอจะมีสติอยู่บ้างเพียงแต่ไร้เรี่ยวแรงต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บทำให้กลืนยาที่ถูกใส่เข้าไปในปากทันทีอย่างไม่อาจขัดขืน เด็กน้อยคนนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนักนางถือโอกาสตอนที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แก้แค้นเป็นการส่วนตัว
กู้ฮุ่ยหมิงลงจากเตียงอีกครั้งก่อนที่จะรินน้ำมาป้อนให้คนเจ็บ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ประคองร่างของผู้ชายตัวโตลงนอนบนเตียงอีกครั้ง กู้ฮุ่ยหมินจับชีพจรตรวจดูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างกายของอีกฝ่ายเริ่มดีขึ้นก็พยักหน้าอย่างพอใจ
ดวงตากลมโตของเด็กอายุสิบขวบจ้องมองพิจารณาดูใบหน้าของคนป่วยอีกครั้งอย่างละเอียด เมื่อครู่นางต้องใช้แรงกายเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือเขาดังนั้นนางย่อมมีสิทธิ์มองดูใบหน้าของชินอ๋องอย่างละเอียด ใบหน้าด้านซ้ายมีหน้ากากที่ทำจากแผ่นเงินลักษณะบางปิดอยู่ทำให้ไม่เห็นใบหน้าฝั่งนั้นแต่ใบหน้าด้านขวาที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดกลับแลดูหล่อเหลาหน้ามองยิ่งนัก
ถ้าชินอ๋องไปเกิดในยุคอนาคตเหมือนดังที่กู้ฮุ่ยหนิงเคยไปเกิดมาก่อนใบหน้าเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นใบหน้าของไอดอลนักร้องหรือไม่ก็ดาราที่สามารถทำให้สาว ๆ พากันคลั่งไคล้และหลงใหล พวกสาว ๆ เหล่านั้นจะยอมจ่ายเงินเปย์หลักพันหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเพื่อดาราที่พวกเขาชื่นชอบและใบหน้าของชินอ๋องคงจะทำให้แฟนคลับคลั่งใคร่เป็นอย่างมากแน่นอน
“เมื่อท่านหายดีแล้วท่านต้องเป็นเหมือนนกกระเรียนแทนคุณเข้าใจไหม ต้องรู้จักมาตอบแทนบุญคุณที่ข้าได้ช่วยเหลือชีวิตท่านไว้”
มือของกู้ฮุ่ยหมิงจับใบหน้าของคนที่สลบอยู่บนเตียงพลิกไปพลิกมาอย่างพิจารณาเหมือนกับกำลังดูสินค้าในตลาด ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไปเด็กหญิงตัวน้อยกลับรู้สึกเจ็บที่บริเวณลำคอของตนเอง
กู้ฮุ่ยหมิงยกมือแตะตรงที่รู้สึกเจ็บและแสบจึงนึกขึ้นได้ว่าเป็นแผลที่ถูกคมมีดของคนที่นอนสลบอยู่บาดเอาตอนนั้น กู้ฮุ่ยหมินใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดออกจากแผลที่ลำคอ แผลไม่ลึกมีเลือดออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นผ่านมาครู่ใหญ่แล้วเลือดจึงแห้งติดอยู่ตรงบาดแผล เมื่อครู่มัวแต่ยุ่งวุ่นวายป้อนยาถอนพิษให้กับชินอ๋องจึงไม่รู้สึกเจ็บแต่ในเวลานี้กู้ฮุ่ยหมิงกลับรู้สึกว่าแผลที่ลำคอของนางเริ่มที่จะเจ็บเสียแล้ว
ถึงแม้แผลไม่ลึกแต่กู้ฮุ่ยหมิงได้นำยาสมุนไพรห้ามเลือดที่เตรียมมาด้วยทาตรงบริเวณแผล ถึงจะไม่มีกระจกให้ส่องดูแต่เมื่อชาติก่อนที่เกิดเป็นนักฆ่ากู้ฮุ่ยหมิงเคยทำแผลให้ตัวเองบ่อย ๆ จึงไม่ได้มีปัญหากับการทายาและบาดแผลเล็กน้อยแค่นี้นางไม่เก็บมาใส่ใจ
“ดูสิท่านทำผิวข้าเป็นแผลเสียแล้วไม่รู้ว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ถ้าเป็นรอยแผลเป็นต่อไปในอนาคตเมื่อข้าโตขึ้นคงจะหาสามีลำบากแน่เลย ดังนั้นท่านต้องรับผิดชอบเมื่อข้าโตขึ้นท่านต้องส่งแม่สื่อมาสู่ขอข้าไปเป็นภรรยาของท่านเข้าใจหรือไม่”
กู้ฮุ่ยหนิงบ่นพึมพำเบา ๆ อย่างไม่จริงจังนักเพราะนางคิดว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในตอนนี้คงจะสลบไม่ได้สติเช่นนั้นไม่ว่านางจะพูดจะบ่นอะไรอีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้ยิน
ร่างเล็กของกู้ฮุ่ยหนิงขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอนตัวลงนอนข้าง ๆ คนเจ็บ ถึงแม้วิญญาณของกู้ฮุ่ยหนิ่งจะเติบโตเป็นหญิงสาวแต่ร่างนี้นางของเพิ่งจะอายุแค่สิบขวบนางจึงไม่ถือสาที่เด็กน้อยเช่นนางจะนอนร่วมเตียงกับชายหนุ่มตัวโตที่กำลังบาดเจ็บ
เมื่อรู้สึกถึงหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงที่กู้ฮุ่ยหนิงคิดว่าสลบไปเพราะอาการบาดเจ็บ ลืมตาขึ้นมองดูคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้าง ๆ ตนเองด้วยแววตาครุ่นคิดดวงตาคมกริบมองฝ่าความมืดไปที่ร่างของเด็กน้อยอย่างพิจารณา
คิดไม่ถึงว่าเมืองชายแดนที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงหลายพันลี้จะมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่ อายุของเด็กคนนี้ไม่น่าจะเกิดสิบขวบแต่กลับมีความสามารถด้านการแพทย์เป็นอย่างมาก เพียงแค่จับชีพจรของเขาก็สามารถบอกได้ว่าเขาถูกวางยาพิษรักรัญจวนในขณะที่หมอที่มีความสามารถที่อยู่ในค่ายทหารของท่านตาต้องใช้เวลาตรวจนานถึงหนึ่งปีถึงได้ตรวจพบพิษชนิดนี้ เมืองเสียนหยางช่างเป็นเมืองเสือหมอบมังกรซ่อนจริง ๆ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเด็กน้อยวัยสิบขวบคนนี้ที่พูดจาเกินวัยมุมปากของชินอ๋องกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ อะไรคือหาสามีไม่ได้อายุยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำกลับคิดมองหาผู้ชายมาแต่งงานด้วยเสียแล้ว หากเด็กน้อยคนนี้เป็นน้องสาวของตนเองชินอ๋องก็อยากจะลงโทษให้เข็ดหลาบจะได้ไม่ไปพูดจาเช่นนี้กับผู้ชายที่ไหนอีก แต่ครั้งนี้จนใจที่ไม่สามารถสั่งสอนเด็กน้อยได้เพราะนางถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนเองไว้
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้กู้ฮุ่ยหนิงที่เผลอหลับไปถูกแรงเขย่าที่ไหล่ปลุกให้รู้สึกตัวตื่น
“อืมเช้าแล้วหรือ?”
“เพิ่งยามอิ๋นแต่ข้าต้องออกเดินทางแล้วจึงอยากปลุกเจ้าเพื่อบอกลาและกล่าวขอบคุณก่อนที่จะไป”
“ท่านหายดีแล้วหรือ?”
“ร่างกายของข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วต้องขอบใจเจ้ามากแม่นางน้อยที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
กู้ฮุ่ยหนิงที่ในยามนี้ถูกปลุกให้ตื่นยังคงมีอาการงัวเงียไม่หายหยิบขวดยาที่ทำจากหยกชั้นดีที่วางเอาไว้ใต้หมอนออกมาก่อนจะยื่นให้กับคนตรงหน้า
“นี้เป็นยาถอนพิษที่อยู่ภายในร่างกายของท่านต้องกินยานี้ติดต่อกันเจ็ดวัน พิษรักรัญจวนในกายของท่านจึงจะถูกขับออกจนหมดแต่ถึงแม้พิษจะถูกขับออกจนหมดสิ้นแล้วก็ห้ามไปมีอะไรกับหญิงสาวจนกว่าจะครบหนึ่งปี เพราะร่างกายของท่านถูกวางยาพิษรักรัญจวนมานานหลายปีดังนั้นหลังจากที่พิษถูกขับออกจนหมดสิ้นต้องรอให้ร่างกายของท่านพักฟื้นเสียก่อน หลังจากหนึ่งปีผ่านไปท่านต้องการจะแต่งภรรยากี่คนก็ย่อมได้”
กู้ฮุ่ยหนิงพูดรวดเดียวจบไม่เว้นช่องให้อีกคนได้ซักถาม เมื่อพูดจบยัดขวดยาใส่มือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
จ้าวเฟยฉีมองดูเด็กน้อยที่ทิ้งตัวลงนอนเมื่อพูดจบอย่างไม่สนใจตนเอง ก็ได้แต่มองด้วยแววตาที่หลากหลายความรู้สึกอย่างจนด้วยคำพูดอะไรคือแต่งเมียได้หลายคนตามต้องการ คำพูดเช่นนี้ออกจากปากเด็กสาวอายุไม่เกินสิบขวบช่างทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก แถมเด็กคนนี้ไม่ระวังตัวเองเลยว่าคนที่ได้ช่วยชีวิตไว้จะเป็นคนดีหรือคนเลวช่างเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงเสียจริงถ้านางเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะถูกคนไม่ดีฆ่าปิดปากสักวัน
“ข้าต้องไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นอนหลับอยู่จ้าวเฟยฉีจึงได้วางหยกแขวนของตนไว้ที่ข้างหมอนของเด็กสาวแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อแน่ใจว่าคนที่ตนเองช่วยชีวิตไว้ได้จากไปแล้วกู้ฮุ่ยหมิงจึงได้ขยับตัวลุกขึ้นนั่งทันทีดวงตากลมโตไร้เดียงสาของเด็กวัยสิบขวบจ้องมองไปยังหน้าต่างที่จ้าวเฟยฉีเพิ่งจากไป การเดิมพันของนางในครั้งนี้นับว่าเสี่ยงอันตรายมากแต่ก็ดูเหมือนว่าผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาจะคุ้มค่ากับความเสี่ยงในครั้งนี้
นิ้วมือเรียวเล็กลูบไล้หยกที่อยู่ในมือไปมาอย่างแผ่วเบาหยกนี้เมื่อปลายนิ้วสัมผัสให้ความรู้สึกเย็น แต่เมื่อลูบไล้กลับให้ความรู้สึกเรียบเป็นหยกที่ดี หยกเหมันต์ที่หาอยากแม้มีเงินมากมายก็ไม่อาจจะหาซื้อมาครอบครองได้ ชินอ๋องจ้าวเฟยฉีช่างหน้าใหญ่จริง ๆ ที่กล้ามอบหยกนี้ให้นาง