บทที่ 1 คุณหนูใหญ่สตรีมือเปื้อนเลือด
แคว้นจ้าวรัชศกปีที่หกสิบสาม ยามโฉ่วเวลายามวิกาลที่ผู้คนกำลังหลับใหล ภายในกระท่อมกลางป่าของเมืองหลินอันที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นไปหลายสิบลี้
กู้ฮุ่ยหนิงจ้องมองชายหนุ่มผู้เป็นสามีตนเองด้วยความเจ็บแค้นและอาฆาตร นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่นอนร่วมเตียงเคียงหมอนกันมานานเกือบสิบปี ชายผู้เป็นสามีที่นางรักและทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขาแม้แต่ยอมให้มือของตนเองต้องเปื้อนเลือดคนบริสุทธิ์มากกว่าสามร้อยชีวิตในคืนค่ำคืนเดียวกู้ฮุ่ยหนิงก็ยินยอมกระทำอย่างเต็มใจ
นางลงทุนวางแผนเพื่อเขาทุกอย่างยอมใช้คนในครอบครัวจากตระกูลเดิมของตนเองเป็นหอกเป็นดาบเป็นโล่ป้องกันภัยและทำงานให้กับสามีอย่างทุ่มเทเต็มที่ เพื่อจะส่งเสริมให้องค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินผู้เป็นสามีได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทตามที่ต้องการ สุดท้ายเมื่อได้ดังใจปรารถนาเขากลับหันคมหอกคมดาบกลับมาสังหารตระกูลกู้ของนางที่คอยส่งเสริมเขาอย่างนั้นหรือทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง
“ทำไม? จ้าวลู่เหวินข้ากับท่านกราบไหว้ฟ้าดินร่วมผูกผมเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี เราสองคนสัญญาว่าจะอยู่เคียงคู่กันจนเส้นผมเปลี่ยนสีแล้วทำไมท่านถึงต้องทำร้ายข้าและตระกูลกู้ด้วย?”
สายตาของกู้ฮุ่ยหนิงจ้องมองบุรุษที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง ในยามนี้นางอยากให้สิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
“ต้องโทษที่เจ้าโง่เขลาเองยอมเป็นหมากให้ข้าหยิบใช้”
ร่างสูงขององค์ชายสี่เจ้าลู่เหวินยืนมองดูหญิงสาวที่เคยนอนร่วมเตียงมานานหลายปีด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึกถึงแม้ว่ากู้ฮุ่ยหนิงกำลังจะตายเขากลับไม่มีแววตาเสียใจหรือแสดงความห่วงใยเลยสักนิด
“ทำไม?”
กู้ฮุ่ยหนิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันดังด้วยความโกรธแค้นและไม่เข้าใจ นางทำผิดอันใดกันถึงต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้เพียงเพราะนางยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักที่มีให้จ้าวลู่เหวินอย่างนั้นหรือ หรือเป็นเพราะบาปกรรมที่นางได้ลงมือสังหารผู้คนไปมากมายเพื่อจ้าวลู่เหวิน
“เจ้าไม่ต้องกังวลไปพรุ่งนี้เช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นบิดาและมารดาของเจ้าก็จะตามเจ้าไปอยู่ในปรภพอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน กู้ฮุ่ยหมิงเจ้าไม่ต้องกลัวจะเหงาอีกต่อไปเห็นไหมว่าข้าหวังดีต่อเจ้ามากแค่ไหนกลัวว่าเจ้าจะเป็นห่วงครอบครัวข้าเลยส่งพวกเขาตามไปอยู่กับเจ้าเสียเลย”
องค์ชายสี่จ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะพูดจาด้วยถ้อยคำที่ราบเรียบเหมือนดังเรื่องที่พูดออกไปไม่ใช่เรื่องของสตรีที่เคยเกี่ยวข้องกับต้นมานานเกือบสิบปี
“ไม่!! ไอ้สารเลวลู่เหวินแกจะทำอะไรครอบครัวของข้า”
หญิงสาวเส้นผมหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเก่า ๆ กรีดร้องด้วยเสียงอันดังด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยินอะไรคือส่งครอบครัวเดิมของเธอตามไปอยู่ด้วยกันที่ปรภพ
“ตระกูลกู้ของเจ้าสมคบคิดกับพวกต่างแคว้นสังหารครอบครัวขุนนางผู้ภักดีของราชสำนักหลายครอบครัว ตระกูลกู้ทำผิดร้ายแรงในข้อหากบฏฮ่องเต้จึงมีพระราชโองการประหารชีวิตคนในตระกูลกู้ของเจ้าทั้งหมดในยามอู่ของวันพรุ่งนี้แต่ข้าหวังดีจึงส่งเจ้าไปรอพวกเขาก่อน”
เสียงหัวเราะของชายที่เคยผูกผมร่วมกราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันดังเสียดแทงเข้าไปในหูของกู้ฮุ่ยหนิง เหมือนดังเสียงของปีศาจร้ายที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยในความโง่เขลาของนาง
“จะ...จ้าวลู่เหวิน ไอ้สารเลวเจ้า!! เจ้า....!!”
กู้ฮุ่ยหนิงยกมือที่อ่อนแรงของนางชี้ไปยังทิศทางที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มยืนอยู่ด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับกระอักเลือกออกมาอย่างฝืนห้ามไม่ไหวอีกต่อไป กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ภายในลำคอทำให้สติของกู้ฮุ่ยหมินที่กำลังรางเลือนกลับมาอีกครั้ง
ดวงตาของกู้ฮุ่ยหนิงจ้องมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่พร่ามัวตรงหน้า ใบหน้าเช่นนี้ ใบหน้าเช่นนี้ที่ทำให้นางหลงใหลเมื่อหลายสิบปีก่อน ใบหน้าที่หลอกลวงเช่นนี้ที่ทำให้นางต้องขอร้องและอ้อนวอนบิดาให้ยินยอมใช้ความดีความชอบในการชนะศึกกลับเมืองหลวงแลกกับสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้
สุดท้ายในวันนี้ วันที่ตนเองกำลังจะหมดลมหายใจจึงได้รู้ว่าเป็นนางเองที่ได้นำพาหายนะมาสู่ตระกูลกู้ สุดท้ายแล้วเป็นนางที่ทำให้ตระกูลกู้กว่าร้อยชีวิตต้องจบสิ้นลง แม้แต่ในเวลาที่ใกล้จะหมดลมหายใจกู้ฮุ่ยหนิงยังไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่แท้จริงที่สามีของนางต้องวางยาพิษสังหารนางอย่างโหดเหี้ยมคืออะไร และทำไมองค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินที่เพิ่งได้รับราชโองการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทได้ยังไม่ทันถึงเดือนกลับรีบร้อนหักหลังและทำร้ายครอบครัวของนางเช่นนี้ กู้ฮุ่ยหนิงคิดไตร่ตรองเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมาตลอดหลายปีที่ตนเองได้วางแผนแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทให้องค์ชายสี่จ้าวหลู่เหวินด้วยความสับสน
แม้แต่ยามที่ร่างกายกำลังทรมานและดิ้นรนเพื่อหลีกหนีจากความตายนางก็ยังไม่เข้าใจว่าตนเองได้ทำอะไรผิดพลาดที่ตรงไหนถึงทำให้ตนเองมีจุดจบเช่นนี้ได้กู้ฮุ่ยหนิงดิ้นรนหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวดนางไม่ต้องการความตายที่น่าสมเพชเช่นนี้ เพราะในเวลานี้นางยังไม่ได้รู้ถึงเหตุผลที่คนเคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอนอย่างจ้าวลู่เหวินต้องการสังหารนางเลยร่างบางดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดจากอาการของพิษกำเริบ
กู้ฮุ่ยหนิงจ้องมององค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินด้วยดวงตาแดงก่ำแววตาทอประกายความเสียใจและความโกรธแค้นต่อบุรุษที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่เคยงดงามกลายเป็นสีแดงของเลือดมองดูน่ากลัว มุมปากของนางกระอักเลือดออกมาไม่หยุดทำให้เลือดสีแดงไหลออกมาย้อมสีเสื้อผ้าที่ใส่อยู่กลายเป็นสีแดงเข้ม กลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดมนุษย์ทำให้องครักษ์ที่ยืนอยู่แอบเบือนหน้าหนีเพราะความเวทนาและรังเกียจ
ภายในร่างกายอวัยวะภายในของกู้ฮุ่ยหนิงรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสเหมือนดังมีคนเอามีดมาตัดลำไส้ ความเจ็บปวดนี้ทำให้ร่างบางของหญิงสาวดิ้นรนกระเสือกกระสนบนเตียงไม้เก่า ๆ เหมือนดังงูที่ถูกทุบหัวพร้อมกับร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา
สวรรค์ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ขอจองเวรอาฆาตจ้าวลู่เหวินด้วยความโกรธแค้นและซิงซัง ข้ากู้ฮุ่ยหนิงแม้ตายก็จะขอกลายเป็นวิญญาณร้ายเฝ้าอาฆาตรรอวันแก้แค้นจ้าวลู่เหวิน ข้าจะไม่ยินยอมที่จะจากไปและจะไม่ยอมเดินข้ามผ่านสะพานไน่เหอเพื่อดื่มน้ำแกงย้ายเมิ่งอย่างแน่นอนภายในใจของกู้ฮุ่ยหนิงที่กำลังจะหมดลมหายใจร่ำร้องภายในจิตใจอย่างไม่ยินยอมและยอมรับให้กับความตายในครั้งนี้
ข้าไม่ยินยอมกับความตายที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้
ภายในจิตใจที่เจ็บปวดแสนสาหัสของกู้ฮุ่ยหนิงกล่าวอาฆาตด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างมากก่อนที่จะหมดลมหายใจไป
“องค์รัชทายาทนางตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เข้าไปตรวจดูชีพจรของร่างที่นอนลืมตาเบิกกว้างอยู่บนเตียงไม้อย่างละเอียดเพื่อความแน่ใจ ก่อนที่จะรายงานเจ้านายของตนเสียงเบา
"เอาไปทิ้งที่สุสานไร้ญาติ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวลู่เหวินสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากบ้านร้างกลางป่าทันทีด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เหมือนดังว่าหญิงสาวที่เพิ่งตายไปนั้นไม่ใช่ภรรยาเอกของตนที่เคยใช้เกี้ยวแปดคนหามเพื่อเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินผูกผมร่วมชะตาและอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่มานานหลายปี