แสงอาทิตย์สาดส่องยามเช้า ผู้คนออกมาทำกิจกรรมกัน ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตามทางบนฟุตบาท หล่อนจูงสุนัขมาด้วย พอหล่อนกำลังจะวิ่งผ่านสถานนี หมาของเจ้าตัววิ่งปรี่เข้าไป หล่อนพยายามดึงสายจูงแต่ไม่เป็นผลก่อนวิ่งตามไปเป็นมันกำลังดมใครก็ไม่รู้ที่นอนอยู่ พอเข้าไปดูหล่อนก็ร้องกรีดดังลั่น
เจ้าหน้าที่กั้นเขตด้วยเทปสีเหลืองเพื่อห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามาในที่เกิดเหตุ
“วุ่นวายแต่เลย” ผู้กำกับดีนนวดเปลือกตา ตรงที่เกิดเหตุมีเขากับเดวิและเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน เพราะพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงยังไม่มากันเขาเลยต้องรับกรรมไปก่อน
“ไม่น่าเชื่อว่าเขากล้าเข้ามาถึงนี่”
พวกเขามองร่างไร้วิญญาณของชายนิรนาม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งนั่งข้างศพค้นตามตัว เขาลุกขึ้นยื่นของสองสิ่งให้เดวิดกับผู้กำกับดีน
“ผมเจอนี่”
ผู้กำกับดีนหยิบบัตรประจำตัวส่วนกระเป๋าตังค์เขาส่งให้เดวิด
“แต่งตัวดูลึกลับจัง”
“ใช่ โรแรน มิดเวย์ คนของประธานาธิบดี”
เดวิดกระพริบตา เขาย่อตัวลงผลิกตัวศพ เห็นสัญลักษณ์ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ‘แอล’ เขามองศพชายร่างใหญ่สลับกับรถสีดำ ทำไมเขาไม่ฉุดคิดรถนั้นมีเพียงคนของประธานาธิบดีเท่านั้นที่ขับได้
“รถนั้น” ชานส์ที่มาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยืนดูศพตรงหน้าด้วยใบหน้าเย็นชา
“ที่ไหน”
“เมื่อวาน เขาเป็นคนที่สะกดรอยตามผม”
เจ้าหน้าที่คนเดิมวิ่งกระหนืดกระหอบมาหาพวกเขา ในมือมีโทรศัพท์มาด้วย
“ส่ายด่วนครับ”
ผู้กำกับดีนรับโทรศัพท์มา บทสนทนากินเวลาสั้น ๆ เขากดวางสายสีหน้าเครียดกว่าเดิม
“ท่านประธานาธิบดี ท่านต้องการให้เราหาตัวฆาตกรให้ได้โดยเร็ว เขาสั่งให้คนของเขามาพาตัวคุณไป เขาอยากคุยกับคุณเรื่องพี่ชายคุณ...บอกด้วยว่านี่เป็นความผิดคุณ”
“ถามจริง”
ผู้กำกับดีนยักไหล่
“เหตุผลบ้าบอคอแตก”
ชานส์ไม่สนเรื่องนั้น ที่เขาสน...เขามองรถอีกคันที่จอดหลบมุม
“เดวิด แฮร์รี่อยู่ไหน”
ผู้อำนวยการโรจินเขวี้ยงเอกสารลงบนโต๊ะ
“น่าอับอาย น่าอับอายที่สุด!” เขาลุดเดินไปมา “ฆาตกรเข้าถึงที่สถานนี ฆ่าคนของประธานาธิบดี และจับตัวคนของเราไปอีก”
ทั้งห้องประชุมเงียบฟังคำด่าว่าร้ายของชานส์ที่เป็นผู้นำแต่ทำอะไรไม่เป็นเลย ตอนนี้มีผู้บริหารระดับสูง กับเจ้าหน้าที่ระดับกลางไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาต ชานส์นั่งอยู่ด้วย เขาแค่ฟังสิ่งที่คนพวกนี้โต้เถียงกัน
‘เอาเวลาไปหาตัวพวกเขาดีกว่ามั้ง’
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ เรื่องเกิดขึ้นที่สถานนีของเราแต่ไม่มีใครเห็น เจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรกะดึกไปไหนหมด ต้องให้ผมสั่งก่อนหรือไง มีความรู้สึกกันหรือเปล่าคิดบ้างไหมว่าญาติของเหยื่อที่ตายไปเขารู้สึกยังไง”
ผู้กำกับดีนลุกขึ้นจ้องโรจินเขม่ง
“งั้นคุณลงมือทำเองสิ”
ทั้งห้องเงียบกว่าเดิม
“ว่าไงนะ”
“ในเมื่อพวกผมและเหล่าเจ้าหน้าที่...คนที่คอยทำงานให้คุณ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไร้ประโยชน์ ทำดีแค่ไหนก็ไม่อยู่ในสายตาคุณ เป็นอากาศธาตุให้คุณด่าระบายอารมณ์เล่น เชิญคุณทำงานนี้ไปคนเดียวเถอะ” เขาเดินออกจากห้อง “อ้อ...ผมขอเด็กสองคนนี้และถ้ามายุ่งกับพวกเขาอีก รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาหันไปเรียกเดวิดกับชานส์ที่นั่งอยู่นอกวง “ไปเถอะ”
ชานส์กับเดวิดเดินตามผู้กำกับดีนออกมา ทั้งเดินเงียบตลอดทางจนมาถึงห้องทำงานของผู้กำกับดีน
“ท่านครับ” เดวิดถามขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว
“ต่อไปนี้คุณสองคนรับคำสั่งจากผมเท่านั้น”
“เอ่อ...”
“ผมเหนื่อย...เหนื่อยมากด้วยแต่ก็ต้องทำ” ผู้กำกับดีนมองทั้งสอง “ผมทำงานนี้มาสามสิบหกปี หลายครั้งที่ผมช่วยชีวิตผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไว้ได้ บางครั้งก็ไม่...ผมทำทุกอย่างแม้มันจะเป็นคำสั่งที่สกปรกแต่ผมเป็นแค่เจ้าหน้าที่ การขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นโทษร้ายแรง ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่ทำ วันหนึ่งทีมผมได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจ ผมนำทีมออกตามหาเด็กสูญหาย แกอายุแค่สามขวบ เราตามหาตลอดอาทิตย์หนึ่ง พ่อแม่เด็กฝากความหวังไว้กับทีมผมว่าผมจะพาแกกลับไปหาพวกเขาได้ วันสุดท้ายของการค้นหาเราเจอแก นอนนิ่งอยู่ในพงหญ้า...ศพของเด็กน้อย...ตามเนื้อตัวแกมีแต่รอยฟกช้ำทั่วตัว เรานำศพกลับไปหาพ่อแม่แก พวกเขากอดศพลูกน้อยที่จากไปแล้ว ฉะนั้นทำผมจะไม่รู้ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ ความรู้สึกของคนที่บ้านที่รอคอยให้คนที่ทวินหากลับมาบ้าน เพราะผมก็เสียครอบครัวไปเหมือนกันเสียให้กับสิ่งที่มันพรากพวกเขาไป” เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ “พา...พาพวกเขากลับมาให้ได้”
ฉันเก็บขวดยาลงกล่องปฐมพยาบาล หนุ่มที่ชื่อแฮร์รี่ยังหลับอยู่แม้ตอนทำแผลก็ไม่ร้องสักแอะ ตอนทำแผลฉันคอยตรวจชีพจรเขาตลอดเวลา เอ้า...ช่วยเท่าที่ช่วยได้อ่ะนะ ฉันลุกขึ้นพอดีกับที่เอฟบีไอที่ชื่อโคจิม่าถามขึ้น
“เขาเป็นอะไร”
“คนของประธานาธิบดี”
“ทำไมคนของประธานาธิบดีเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”
ฉันหัวเราะในลำคอ “ทำไมจะยุ่งไม่ได้ เจ้าประธานาธิบดีนั้นก็มีส่วนได้ส่วนเสียคนพ่อผมอยู่
“ระวังคำพูดแกหน่อย ท่านไปใช่คนแบบนั้น”
“เฮอะดูพูดเข้า คุณก็แค่เห็นแต่ด้านดีของมัน เคยเห็นด้านชั่วมั้งไหมละ...เอาเหอะพวกคุณทำงานให้เขาโดยตรง เข้าข้างก็ไม่แปลก”
ฉันหยิบขวดน้ำวางไว้หน้าเจ้าเอฟบีไอ ตอนนี้มือของพวกเขาไม่ได้มัดไพ่หลังแล้ว ฉันรู้มันเสี่ยงที่พวกนี้จะหนี...แต่ถ้าหนีคงไปนานแล้ว
“จะจับพวกฉันไว้อีกนานไหนเนี่ย” เขาหยิบขวดน้ำที่ฉันวางให้ขึ้นดื่ม
“สักพักหนึ่ง พวกนายขว้างทางฉัน อย่างน้อยก็ต่อเวลาให้ฉันได้หน่อยจนกว่าฉันจะฆ่าอีกคนได้”
“ยังจะฆ่าอีกเหรอ”
“ฉันส่งไฟล์อันหนึ่งไปให้เจ้าหน้าที่ที่สถานนี ในนั้นมีรายชื่อที่เกี่ยวข้องกับพ่อฉันนับร้อย เป็นไปได้ฉันคงฆ่าพวกมันยกโหลไปแล้ว แต่จะให้ฆ่าทุกคนก็ใช่ที่สุมให้พวกนายจัดการดีกว่า ส่วนฉัน...” ฉันเองหลังพิงผนักเก้าอี้ “คอยจัดการตัวการใหญ่ก็เท่านั้น”
ลมหายใจของชานส์ขาดช่วง อยากจะพูดแต่หาเสียงตัวเองไม่เจอ เขากับเดวิดตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิด มันถ่ายติดแค่ตอนที่เจ้าคนร่างใหญ่ลากแฮร์รี่ไปที่รถสีดำที่มันจอดไว้...แล้วเงาตะคุ่มเดินมาข้างหลัง
“นั้นรอย” รอยเดินไปข้างหลังชายร่างใหญ่ เจ้านั้นร่วงลงพื้นแทงเข้าจุดตาย รอยเข้าไปในรถดำก่อนออกมาโดยอุ้มแฮร์รี่ออกมาด้วย แล้วเดินหายไปจากมุมกล้อง
เดวิดสบถ “เขาพาแฮร์รี่ไปไหน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“พวกคุณ...ทำอะไรกันอยู่” วิเรียหล่อนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ขึ้นมาอยู่ระดับนี้ได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าต้องทำยังไง... “หาเบาะแสของเจ้าหน้าที่แฮร์รี่เหรอ”
“อืม”
“เฮ้พวกเคารพกันหน่อย ถึงเราจะเข้ามาสถานนีพร้อมกันแต่ฉันยศสูงกว่านะ” หล่อนพูดขำ ๆ
แต่เดวิดไม่ขำด้วย เขาละสายตาจากหน้าจอ “ขอโทษด้วยที่เสียมารยาทคุณเจ้าหน้าที่ระดับสูงวิเรีย ออร่า” เดวิดทำความเคารพ “ที่นี่ไม่เหมาะให้คนอย่างคุณมาหรอกวิเรีย”
ชานส์ถอนหายใจเบา ๆ สองคนนี้ไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน “คุณมีธุระอะไร”
“จริงเรอะที่แฮร์รี่โดนจับตัวไป”
ชานส์พยักหน้า หล่อนจิจะ
“เขาฝีมืออันดับต้น ๆ ของสถานนีเลยนะ”
“จะมาชวนทะเลาะคุณกลับไปเถอะ”
“เฮ้ ฉันก็เป็นห่วงเพื่อนร่วมงานเหมือนกันนะ”
“คุณเหรอ” เดวิดลุกพรวดยืนประจันหน้าเธอ “คนอย่างคุณน่ะเหรอเป็นห่วงเขา”
ชานส์ห้ามทั้งคู่ ให้ตาย...เมื่อเช้าก็พึ่งเจอเรื่องปวดหัวมาตอนนี้ยังจะเจออีก
“จะบอกว่าคนอย่างฉันทำให้เพื่อนเจอเรื่องร้าย ๆ งั้นเหรอ”
“แล้วไม่ใช่หรือไง เพราะคุณทำให้แฮร์รี่เกือบเอาตายมาแล้ว อย่าบอกนะว่าลืม”
วิเรียหลบตาเดวิด ขบฟันแน่นก็เดินสะบัดออกไป
“อะไร...”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนคุณลาออกไปแล้ว หล่อนขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เพราะอะไร เพราะหล่อนนอนกับผู้อำนวยการโรจินน่ะสิ แฮร์รี่รู้เรื่องเข้าเขาเลยเอาเรื่องไปบอกผู้กำกับดีน ตอนนั้นแหละที่เป็นปัญหา ตอนที่สองคนอยู่ทีมเดียวกันพวกเขาตามจับคนร้ายคนหนึ่งอยู่ มีคนบาดเจ็บเพราะเจ้าคนร้ายมีปืนอยู่ในมือ มันกราดยิงไปทั่ว หล่อนบอกให้เขาช่วยคนบาดเจ็บส่วนหล่อนจะตามไปเอง หลังจากจับได้หล่อนรายงานเบื้องบนว่าแฮร์รี่บกพร่องต่อหน้าที่เห็นคนบาดเจ็บสำคัญกว่าการจับผู้ร้าย ผู้อำนวยการนั้นเข้าข้างหล่อนเต็มที่ เขาเลื่อนตำแหน่งให้หล่อนกลับกับมันด่าประจานแฮร์รี่เสีย ๆ หาย ๆ” เดวิดนั่งลง “แฮร์รี่เป็นเด็กที่ผู้กำกับดีนฝึกฝนกับมือ แถมเขาดูมีอำนาจมากกว่าผู้อำนวยการ ผู้กำกับดีนว่าเขาชุดใหญ่แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก จำใจต้องให้วิเรียขึ้นรับตำแหน่งส่วนแฮร์รี่เป็นไองั่งที่ทิ้งงานไปช่วยคนบาดเจ็บ”
ชานส์ฟังเรื่องที่เดวิดเล่าเขาสะดุ้งเพราะเล็บจิกเข้าเนื้อ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำหมัดแน่น
“ปล่อยเรื่องนั้นไปก่อน ที่สำคัญคือตอนนี้เราต้องหาตัวแฮร์รี่กับเอฟบีไอสองคนให้เจอ”
วิเรียก้าวยาวไปที่ห้องผู้อำนวยการโรจินที่อยู่ชั้นสองตรงมุมทางเดิน เธอผลักประตูเข้าไป
“คุณสั่งให้ไอสองคนนั้นหาแฮร์รี่เหรอ”
“ดีนน่ะ”
“คุณเป็นผู้อำนวยการนะ เขาเป็นแค่...”
“ผมรู้แต่เขาเป็นบุคคลที่ทางเบื้องบนให้ความเคารพมากที่สุด แม้แต่ผมยังไม่เคยได้รับความไว้วางใจแบบนั้นเลย”
วิเรียเข้าไปนั่งบนตักเขาเอาแขนคล้องคอเขา
“ไงซะคุณก็คงเป็นผู้อำนวยการ คุณรู้ว่าต้องทำยังไง”
โรจินอุ้มเธอวางบนโต๊ะ
“ผมจะดูว่ามีทางไหนบ้าง”
ริเวียดึงผมเขาลงมาจูบ ทั้งคู่บรรเลงเพลงรักในห้อง
ณ ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปนานมากแล้วแต่ยังไม่มีข่าวคราวของแฮร์รี่กับเอฟบีไอสองคนนั้น ชานส์เบื่อที่จะรอแล้วแต่ไม่ง่ายเลยที่จะหา เขารู้ดีว่ารอยจะดูแลพวกเขาจนกว่าสิ่งที่รอยต้องการจะสำเร็จ รอยไม่คิดฆ่าหรอกถ้าฆ่าป่านนี้ติดต่อมาอีกรอบแล้ว ตั้งใจดึงเวลาไว้ล่ะสิ เขาลุกเดินไปที่ประตูแต่ประตูเลื่อนเปิดพอดิบพอดี
“โดนคุณหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ท่านมีอะไรหรือครับ”
“เจอร่องรอยบ้างไหม” ผู้กำกับดีนเดินเข้า เลื่อนปิดประตู ถอดเสื้อคลุมก่อนไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ยังครับ”
“เฮ้อคุณทำงานวุ่น ผมก็เจอเรื่องวุ่นอีก”
“ห๊ะ”
“โรจินแก้เผ็ดผม เขาให้เบื้องบนออกคำสั่งยุติการค้นหา”
ชานส์ส่ายหน้านิด ๆ “ยุติ...ถ้าเขาสั่งให้ยุติการค้นหา เบื้องบนจะบอกสำนักงานเอฟบีไอยังไงที่คนของพวกเขาหายไป”
“รอดูไปว่าพวกเขาจะคิดได้ไหม แค่อย่าโยนขี้มาก็พอ” ผู้กำกับดีนนั่งเคลียร์งานบนโต๊ะ
ชานส์ยืนมองเขาเงียบ ๆ หนึ่งนาที สองนาที จน...ทนความกดดันไม่ไหว
“เอ้า” ผู้กำกับดีนลุกขึ้น “ไปที่ห้องทำงานใหญ่กัน” ไม่วายบ่นอุบอิบ “เหมือนเลี้ยงลูกเล้ย”
ชานส์ยิ้ม ‘ต้องให้เล่นมุกนี้เรื่อย’
ห้องทำงานใหญ่มีเหล่าผู้บริหารทำงานอยู่ ภายในห้องกว้างมีของตกแต่งเต็มไปหมด และตรงกลางห้องมีโซฟายาวสี่ตัววางอย่างสวยงาม ตอนนี้พวกเขาอยู่กันครบรวมถึงโรจินด้วย
“กำลังคุยกันอยู่แน่”
ผู้กำกับดีนผลักประตูเข้าไป
“ฮ่า ๆ ดูสิใครมา ท่านผู้กำกับเขาเรา” ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยทักทาย
“ไม่เจอกันนานนะครับ” เขาผายมือมาที่ชานส์ “นี่มิสเตอร์ ชานส์ โฮวินสันต์”
ทุกคนละจากงานตรงหน้า
“น้องชายของฆาตกรล่องหนเหรอ”
ชานส์โค้งทำความเคารพ
“ดูพวกคุณมีเรื่องให้เครียดนะ” ผู้กำกับดีนขมวดคิ้ว
ผู้บริหารผู้หญิงพูดใส่อารมณ์ “เครียดสิ” หล่อนลุกขึ้น “ใครก็ไม่รู้บอกในยุติการค้นหา”
โรจินพูดขึ้น “เรายังเจอเบาะแส ปล่อยให้ค้นหาไปเรื่อย เสียงบประมาณเสียคน...เปล่าประโยชน์”
“คุณบอกว่าเปล่าประโยชน์ ได้เราจะทำตามที่คุณต้องการ แต่หาคำพูดเหมาะ ๆ ไว้พูดกับคนจากสำนักงานเอฟบีไอด้วยล่ะ คนของพวกเขาหายไปคิดว่าพวกเขาจะอยู่เฉยเหรอ”
โรจินเงียบ...เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ลืมไปสนิทว่าเอฟบีไอพี่น้องนั้นถูกจับตัวไปด้วย
“ว่าไงโรจิน”
“ผมขอโทษด้วย ผมไม่ทันคิดเรื่องนี้” เขาลุกขึ้นขอโทษเหล่าผู้บริหารแล้วออกจากห้องไป
“อืม...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ผู้กำกับดีนกับชานส์ส่ายหน้าพวกเขากล่าวลา เดินออกมาจากห้อง บรรยากาศในห้องนั้นขนลุกชอบกล รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้าต้องเข้าไปในห้องนั้นอีก
ชานส์ลูบแขนกอดตัวเองแน่น
“กลัวอะไรขนาดนั้น” ผู้กำกับดีนพูดพลางหัวเราะ “นี่แหละการทำงานกับผู้บริหารระดับสูง แต่ละคนประสบการณ์โชกโชน ทำงานกับพวกเขาดีตรงที่คุณจะได้รู้ว่าของจริงมันเป็นยังไง กลับกันบางครั้งก็ต้องทำงานสกปรกเพื่อตอบแทนพวกเขา”
“ท่านไม่กลัวผู้อำนวยการโรจินเล่นงานคุณเหรอครับ”
“เขาไม่กล้าหรอก อย่างที่ผมบอกเขายังเกรงอำนาจของผม”