ตอนที่ 11

2282 คำ
ฉันใช้กล้องส่องดูห้องชั้นบนสุดของสถานนี ชานส์อยู่ในกลุ่มด้วย อารมณ์ชักฉุน ฉันรู้ดีว่าเจ้าน้องชายไม่อยากร่วมวงด้วย ดูเหมือนคนพวกนั้นจงใจดึงเข้าไปร่วมด้วยคงเพราะอยากล่อให้ฉันออกไป แต่ไหนแต่ไรเขามักจะทำตามที่ฉันพูดเสมอ บางครั้งไม่ต้องขอด้วยซ้ำเขาชอบที่จะช่วยเหลือคนอื่นเสมอ นึกถึงฉันอดอมยิ้มไม่ได้...ฉันส่องกล้องอีกครั้ง ชานส์กับผู้กำกับนั้นออกไปจากห้องแล้ว ฉันส่องไปตามห้องต่าง ๆ ก็เจอ ‘แม่เจ้า...จริงดิ’ ห้องของเจ้าผู้อำนวยการคนเก่งมีผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย พวกเขาเหมือนทะเลาะกันอยู่...เรื่องอะไร “อืม...น่าสนใจ” ฉันซูมกล้องอ่านป้ายชื่อหล่อน “วิเรีย” ฉันเลียปาก “ไม่เลว” ชานส์ดื่มกาแฟ เขานวดเปลือกตาสุดท้ายก็หาอะไรไม่พบ นึกไม่ออกว่ารอยพาสามคนนั้นไปไว้ที่ไหน นั่งคิดจนเวียนหัวหมดแล้ว “อยู่ที่ไหนกันแน่” คำถามที่ไม่มีคำตอบ นาฬิกาส่งเสียงเตือนว่าตอนนี้เวลาหกโมงเย็นแล้ว เขาเอนตัวลงนอนบนโซฟา พยายามนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิดีโอประติดประต่อเรื่องราว “เฮ้อ...ปวดหัว” เขาลุกขึ้นไปข้างนอก นอกสถานนีผู้คนเริ่มเดินชุกชุม ข้าวของตามร้านต่าง ๆ เริ่มวางขาย เขาเดินซื้อของกินกลับต้องสะดุ้ง เขาสัมผัสถึงสายตาอำมหิต เขาเลิกลั่กมองหาที่มาของสายตานั้น เสียงมือถือดังขึ้น “หันมาทางซ้าย ในตรอก” ชานส์หันไปตรอกนั้นมืดเหลือเกิน เขากลัวแต่ก็ต้องเดินเข้าไป เข้าไปลึกพอควร รอยเดินออกมาจากมุมมืด “รอย” รอยไม่พูดเพียงแค่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นให้เขา “อีกสองวันไปรับตัวพวกเขา” พูดจบรอยเดินตรงไปทางออกอีกทาง “รอย” รอยหยุด “ฉันหาวิธีได้แล้วนายอยู่เฉย ๆ ก็พอ บอกพวกมันให้ยุ่งเรื่องของพวกมันไปอย่ามาวุ่นวายกับฉันหรือนายอีก” เขาจากไป ชานส์มองกระดาษในมือมันเป็นแผนที่และตรงที่กากบาทไว้คือจุดที่รอยจับตัวพวกเขาไว้ อีกสองวันเหรอนานเกินไป แต่เขาไม่กล้าขัดใจ รอยคิดวิธีที่จะเข้าถึงเหยื่อคนสุดท้ายได้แล้ว สองวันคงหมายถึงเวลาที่จะไปหาเหยื่อคนนั้น 'ก็คงต้องทำตามไปก่อน’ ชานส์กลับเข้ามาสถานนีได้ไม่เท่าไหร่ พวกเจ้าหน้าที่ยืนออกันหันหน้าไปทางหน้าห้องสืบสวนแต่ละคนเหนื่อยหน่ายกับเรื่องนี้มากขึ้นทุกที ผู้อำนวยการโรจินเดินมาหยุดหน้าห้องเขามองเจ้าหน้าที่ทุกคนก่อนพูดขึ้น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมทราบดีว่าทุกคนเหนื่อยแต่ยังไงเราก็ต้องหาเจ้าหน้าที่เอฟบีไอกับเจ้าหน้าที่แฮร์รี่ให้พบ เพื่อการสูญเสียน้อยลง เรารู้กันดีว่าฆาตกรคนนี้คือใครแต่พวกคุณบางคนก็ไม่กระตือรือร้นกันเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง” เขามองชานส์เมื่อผู้ถึงฆาตกร “ที่สำคัญอย่าให้มีเรื่องอีกว่ามีเจ้าหน้าที่ของเราโดนจับตัวไปอีก แค่นี้พวกคุณน่าจะทำกันได้ แยกย้ายกันไปทำงานต่อ” ชานส์ยืนฟังกำหมัดแน่น สำหรับชานส์มันเป็นการพูดประชดประชัน เขาเองก็กลัวเพราะเขาไม่ใช่คนที่สู้คนแต่จะให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียวก็ใช่ที่ “ดีแต่ออกคำสั่งแต่ไม่มีปัญญทำ” “ว่าคนอื่นแต่ตัวเองได้ประโยชน์คือไรวะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซุบซิบกันอีกคน เดวิดเดินมายืนข้าง ๆ “เขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ” เดวิดมองชานส์ “ได้ยินคุณด่าเป็นครั้งแรกนะเนี่ย” “พูดว่าคนอื่น นินทาคนอื่น ให้ร้ายคนอื่นแต่ตัวเองได้ประโยชน์โคตรเป็นผู้อำนวยการที่ระยำสิ้นดี” เดวิดมองชานส์ตะลึงงัน ไม่ได้หูฟาดใช่ไหม...เขาได้ยินเสียงชานส์สั่นด้วยโทสะที่กำลังครุกกรุ่น “แปลกนะที่คุณพูดแบบนี้” ชานส์ยักไหล่ “คุณมีอะไรหรือเปล่า” เดวิดชูถุงข้าว “กินข้าวกัน อย่าไปสนใจเลย” “ก็ไม่อยากสน แต่ถ้าไม่พูดเดี๋ยวได้มีปัญหาอีกแน่” “เอาน่า...ปะกินข้าวกัน” “สรุปแล้วฉันกลับบ้านได้แล้วเหรอ” พวกเขานั่งอยู่ในโรงอาหารของสถานนี เดวิดกัดแซนวิชคำโต “ตอนนี้พี่ชายคุณยังเงียบอยู่ ผู้กำกับดีนไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาอนุญาตให้คุณกลับไปก่อน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือตามหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งสามคน” “อืมแล้ว เรื่องที่คุณกับวิเรียทะเลาะถึงหูผู้กำกับหรือเปล่า” เดวิดส่ายหน้า “เงียบไว้ก่อนดีกว่า ได้ยินว่าผู้อำนวยการขอให้พวกผู้บริหารหยุดการค้นหาเหรอ เขาคิดอะไรอยู่” เขากระซิบถาม ชานส์มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่มีใครที่อยู่ใกล้ เขากระซิบตอบ “จริง ผมไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไรแต่น่าจะเกี่ยวกับแฮร์รี่” “มีเหตุผลไหม” “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าวิเรียกับแฮร์รี่มีปัญหากันอยู่ ผมว่าอาจจะเป็นเรื่องนี้ก็ได้” “นั้นสิ จะเหลืออะไรล่ะ” เดวิดเห็นด้วย “วันนี้เขาก็พูดเกินไป ว่าเราอย่างกับอะไรดีแต่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ออกคำสั่งเท่านั้น แถมยังบอกอีกว่าพวกเราไม่เอาไหน แล้วก็ประชดถึงคุณด้วย” “ฮึเดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า” ชานส์เริ่มรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดตอนจากนี้ “คุณอยู่คนเดียวได้นะ วันนี้ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม” เดวิดขับรถมาจอดอยู่หน้าบ้านชานส์ “ไม่เป็นไร คุณต้องเข้าเวรอีกนะ” “แต่พวกเขาจะไม่มาจับคุณอีกเหรอ” พวกเขาที่เดวิดพูดถึงคือคนของประธานาธิบดี ชานส์ไม่รู้ว่าชายคนนั้นจะส่งใครมาอีกหรือเปล่า แต่เขาไม่อยากซ่อนอีกต่อไปแล้ว เหนื่อยกับการหนีเต็มที “ปล่อยไปท่านพึ่งเสียคนของท่านไป คงไม่มาในเร็ววันหรอก” “นั้นก็จริง มีอะไรก็โทรมานะ สุดท้ายก็ไม่ได้เอารถกลับมาสินะ” “คงต้องที่ไว้ที่นั้นก่อนแหละ” ชานส์ลงรถ “พรุ่งนี้เจอกัน” ชานส์ข่มตาหลับไม่ลง นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น รอยมักคิดรอบคอบเสมอก่อนทำอะไรยิ่งเรื่องที่เขาสนใจยิ่งเพ่งเล็งมากหลายเท่าตัวไม่ปล่อยให้สถานการณ์ต้องบีบบังคับให้จนมุม ใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์เสมอ จึงไม่น่าแปลกใจทำไมรอยถึงหนีรอดทุกครั้ง เมื่อแปดปีก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีที่ติด้วยในตอนนั้นใคร ๆ ต่างนึกว่าฆาตกรล่องหนผู้เลื่องชื่อจะจบชื่อลงที่โกดังร้างกลายเป็นว่าเขาหนีหายไปในระหว่างที่ตามล่า รอยมักคิดแผนการเผื่อไว้ฉุกเฉินเสมอเหตุนี้จึงได้ฉายยาว่าฆาตกรล่องหน ฆ่าคนไม่ลังเล ฆ่าอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรให้ตามหา เมื่อคิดถึงทั้งหมดนี้ยิ่งอดห่วงไม่ได้ ครั้งรอยแข็งข้อหนักกว่าเดิมครั้งนี้เขากลับมาเพื่อฆ่า เขาตั้งใจที่จะกลับมาทวงทุกอย่างคืน กลัวแค่ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย... “ทำไมนายไม่หยุดสักที” ชานส์ลุกนั่งหยิบกรอบรูปหนึ่งมาดู มันเป็นรูปตอนเด็กของเขากับรอย “จะมีวันนั้นสำหรับเราหรือเปล่า วันที่จะได้กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง” ชานส์ตื่นแต่เช้า ทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุม เขาไม่ได้กลับบ้านกี่วันแล้วนะบ้านของเขาเริ่มมีฝุ่นเกาะแล้ว ไหน ๆ ก็กลับมาแล้วเขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการทำความสะอาดบ้าน เขาเช็ดโต๊ะตัวหนึ่งที่ติดกับผนังมองดูกรอบรูปที่วางเรียงรายบนโต๊ะ รูปส่วนใหญ่เป็นรูปตอนเด็กที่ชานส์กับพ่อและแม่ของเขาไปเที่ยวด้วยกัน รูปตอนที่เขาเข้างานครั้งแรก รูปตอนที่ทำภารกิจเสร็จครั้งแรก รูปพวกนั้นความทรงจำเก่า ๆ ชวนให้นึกถึง ถัดมาอีกสองสามรูปมีสองกรอบรูปที่สวยและดูจะสะอาดกว่าใครเพื่อน เขามองรูปทั้งสองนั้น รูปแรกเป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กชายที่หน้าเหมือนกับชานส์ไม่ต้องบอกก็รู้ ตอนเด็กเขากับรอยมีหน้าตาที่เหมือนกันอย่างกับแกะและอีกรูปที่อยู่ใกล้กัน เป็นรูปของคุณนายวิกตอเรียในตอนนั้นเธอสวยมาก ใจดีมากด้วยเธอไม่รังเกียจเขาเลยแม้เขาจะเป็นลูกของชายที่หล่อนรัก ลูกของเมียอีกคน เขาไล้นิ้วมือตามแนวกรอบรูปรวดลายของมัน รวดรายมันดูสวยที่สุดในบรรดา เขาทุ่มเงินมหาศาลเพื่อกรอบรูปสองอันนี้ มันจะต้องสะอาดเสมอ “คุณได้เจอกับพ่อหรือเปล่าครับ คุณนาย” เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นพร้อมเครื่องตอบรับทำงาน “นี่ผมเองนะ เดี๋ยวเข้าไปหา” ‘เดวิด’ แค่ห้านาทีเดวิดก็มาถึงแล้ว ซิ่งมาล่ะมั้ง “ทำความสะอาดบ้านอยู่เหรอ” “อืมไม่ได้กลับเลย ฝุ่นเริ่มเกาะแล้วเลยทำสักหน่อย” เดวิดเบนสายตามองกรอบรูป “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณมีรูปถ่ายด้วย” เจ้าตัวเดินดูแต่ละรูป “อืมหึ...” “สองอันนี้ดูแปลกกว่าชาวบ้านเลยนะ” “กรอบรูปสองอันนี้ผมสั่งทำแบบพิเศษ ถึงมันจะแพงมากผมยอมจ่ายเพื่อให้ได้มันมาผมคิดรวดลายเองให้ที่ร้านทำกรอบรูปออกมาให้สวยที่สุด” ชานส์ยิ้ม “ก่อนนอนทุกคืนผมจะทำความสะอาดทุกครั้งมันทำให้ผมนอนหลับ” เดวิดมองรูปหนึ่งใกล้ ๆ “ผู้หญิงคนนี้...” “แม่ของรอย” เขาไล้นิ้วตามกรอบรูป “คุณนายวิกตอเรีย มาวิลล่า เธอสวยมาก” “โอโห้...สวยจริงอ่ะแหละ เหมือนนางแบบเลย เธอป่วยเหรอ” “ใช่” เขาหันหลังพิงโต๊ะวางของ “หลังจากที่เธอตายรอยเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย” เดวิดเม้มปาก “คุณคิดถึงเขามากล่ะสิ” เขาหัวเราะในลำคอ “มันฟังดูบ้าแต่ใช่ผมคิดถึงเขา” น้ำตาเริ่มคลอเบ้า “อยากเจอสุด ๆ และอยากให้เขาเลิกทำแบบนี้ด้วย” ทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบชานส์เงยหน้ามองนาฬิกา “กรรม...วันนี้ผมต้องไปเข้าเวรแล้ว” “เดี๋ยวผมไปส่ง ที่ร้านใช่ไหม” ฉันใกล้ถึงที่หมายแล้วอีกไม่ช้าการแก้แค้นนี้จะสิ้นสุดลง แล้วฉันจะได้ทุกอย่างกลับคืน “ติดต่อชานส์ โฮวินสันต์” ระบบเข้าหน้าการติดต่อ ค้นหาชื่อ เมื่อเจอที่ต้องการเริ่มการโทรออก “ชานส์ โฮวินสันต์ครับ” “ฉันเอง” ปลายสายเงียบไป “ไง” “สองวันพอดี พรุ่งนี้ส่งแผนที่นั้นให้พวกเขาบอกไปว่าวันนี้ฉันส่งจดหมายให้นาย ถ้าพวกเขาถามนายว่าฉันอยู่ไหนนายรู้ดีว่าต้องตอบอะไร...ใช่ไหม” เขากลืนน้ำลาย “เขาใจแล้ว” “เดี๋ยวฉันติดต่อกลับไป” ฉันกดปิดการโทร ฉันหรี่ตาสูงแสงแดด เห็นแล้ว...เงาราง ๆ ของบ้านพักอันใหญ่โตของประธานาธิบดี “เจอแล้ว” หลังจากคุยโทรศัพท์ชานส์ดูเงียบผิดปกติ “เมื่อกี้ใครโทรมา” เดวิดเอารถเข้าจอดตรงลานจอดรถของร้านอาหาร “เพื่อนที่ทำงานน่ะ ผมต้องเวรแทนเขา เขาโทรมาน่ะว่าวันนี้ผมจะมาไหม คนที่ร้านกำลังขาดพอดี” “ตอนเย็นให้มารับไหม” “เดี๋ยวผมโทรบอก” เดวิดพยักหน้า เขากลับไปที่สถานนี ชานส์รอจนแน่ใจก่อนเดินเข้าหลังร้าน “ไงพวกมาได้แล้วเหรอ” “โทษทีหายไปนานเลย” “ชั่งเถอะ หน้านานดูซีดอยู่เลย นี่หายดีแล้วใช่ไหม” “อืมดีขึ้นแล้วขอบใจ” ชานส์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูนิฟรอมของร้าน เขากำลังจะออกจากห้อง “มิกซ์ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” เดวิดมารับเขาตอนหกโมงเย็นแต่ไม่ได้ไปส่งบ้าน “คุณจะไปที่สถานนีทำไม” “มีข่าวจากรอยน่ะ” “เขาว่าอะไร” “แค่ส่งจดหมายมา ผมไม่อยากให้พวกเจ้าหน้าที่คิดว่าผมทำงานให้เขา คิดว่าเอาไปให้ดูเลยจะดีกว่า” “คุณบอกว่าเขาส่งมาเหรอ” ผู้กำกับดีนผลิกดูจดหมาย จ่าหน้าซองถึงบ้านของชานส์แต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง “คุณรู้ได้ไง” “ใกล้เย็นมากแล้ว เขาโทรมาหาผมบอกว่าส่งจดหมายมา” “แต่คุณอยู่ที่ทำงานหนิ” เดวิดขมวดคิ้ว “ผมให้เพื่อนที่ทำงานไปที่บ้านผมเอาจดหมายมาให้น่ะ ผมไม่ได้อนุญาตให้ใช้รถ เลยไปเอาไม่ได้ ทุกทีตอนเช้าผมจะดูตู้จดหมายทุกครั้งพอดีวันนี้ผมรีบออกจากบ้าน เลยลืมไปสนิท” ผู้กำกับดีนส่งจดหมายให้ผู้อำนวยการโรจิน ผู้อำนวยการโรจินเปิดดู เขาสบถ “แผนที่ตรงจุดกากบาทคือจุดที่มันซ่อนพวกเขาไว้ใช่ไหม” ชานส์พยักหน้า “ถ่ายเอกสารแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคน รีบออกไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม