ชานส์นั่งคิดคำใบ้ที่รอยให้ไว้พร้อมทั้งหาสถานที่ที่รอยจับสองคนนั้นไว้ เขาคิดไปถึงวันที่มิสเตอร์อดัม ริมาฮาน ถูกจับตัวไว้ที่หลุมถ้ารอยไปถึงเขตเอชเป็นไปได้ว่าอาจไปเขตอื่นด้วยแต่ไม่น่าเกิดเขตจีเพราะเกินเขตจีจะเข้าตัวเมืองแล้ว
ประตูเลื่อนเปิดผู้กำกับดีนเดินเข้ามาเขานั่งฝั่งตรงข้ามจากที่ฟังรอยพูด ผู้กำกับดีนเป็นคนเดียวที่รับสถานการณ์ได้ดีเขาฟังอย่างตั้งใจทุกคำพูดของรอยดูชิวมาก ๆ
“ทำไมถึงไม่โทรหาผม”
“บอกแล้วช่วยอะไรได้” ชานส์ถอนหายใจ “บอกหรือไม่ก็อีหร่อมเดิม”
“อย่างน้อยผมยังช่วยคุณได้ โรจิน...ถึงเป็นผู้อำนวยการแต่เขาก็เกรงบารมีของผมอยู่ ผมช่วยให้เขาได้เป็นผู้อำนวยการ เขารู้ตัวว่าควรภักดีกับใคร”
ชานส์วางเอกสาร “ว้าว...โรจินผู้หยาบกระด้างเกรงกลัวคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าเขาเหรอ”
“ผมเคยถูกเสนอชื่อให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการแต่มันน่าเบื่อ ผมชอบเป็นผู้กำกับมากกว่าไม่ต้องคอยแถลงข่าวหรือรับผิดชอบส่วนที่มากเกินแก้ ผมเลยเสนอตำแหน่งนั้นให้โรจินในตอนนั้นเขามียศเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุด ครั้งนี้เขาทำเกินไปเขาฝ่าฝืนคำสั่งตามจับพี่ชายคุณ ทำให้เสียเจ้าหน้าที่มือดีไปสองนาย ตอนพี่ชายคุณมาที่เมืองอีกครั้ง”
ชานส์จำได้เดวิดโทรหาเขาอยากเตือนว่าฆาตกรล่องหนกลับมาที่เมืองอีกครั้ง
“พวกเขาต้องตายเพราะการกระทำโง่ ๆ ของคน ๆ หนึ่ง”
“เพราะเหตุนี้ผมเลยให้เดวิดเรียกคุณกลับมา...ไม่คิดว่าจะแย่แบบนี้”
“คุณรู้ดี” ชานส์ลูบหน้าอกตัวเองตรงแผลเป็นที่เริ่มจางหายแต่เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง “ถ้าให้ผมมาช่วย ผมยอมช่วยพี่ชายตัวเองดีกว่าช่วยพวกคุณ”
“แม้เขาจะทำคุณเจ็บ”
“เขาไม่มีทางเลือกผมเป็นคนต้อนเขาจนมุม เขาจำต้องทำร้ายผมเพื่อหนีออกจากที่นั้น” โกดังร้างตรงท่าเรือ “มันทำให้เขาเจ็บปวด”
ประตูเลื่อนเปิดครืด
“ผู้กำกับดีนมาดูนี่เร็วเถอะ” เดวิดพูดปนหอบ
เดวิดพาพวกเขามาที่ห้องปฏิบัติการ ห้องนี้เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อใช้ค้นหาสำหรับเขตเอเฉพาะ พวกเขาจ้องมองภาพหน้าจอที่ปรากฏรายชื่อหลายร้อยรายชื่อ
“นี่...นี่มันอะไรกัน” ผู้กำกับดีนเดินไปตรงหน้าจอใหญ่ตรงกลาง
“คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับพ่อผม”
ผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่อยู่ในห้องมองเขา
“คุณคือมิสเตอร์ชานส์ โฮวินสันต์ สินะ” ผู้บริหารคนหนึ่งถามเขา
ชานส์พยักหน้า
“เล่าให้ละเอียดหน่อย”
“ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินในบริษัทที่พวกเขาเหล่านี้ทำงาน พ่อของผมตอนที่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเขาจับพวกเขาได้แต่เพื่อผลประโยชน์ คนพวกนี้เลยทำสิ่งที่พ่อผมต้องการแลกกับการนอนในคุก”
“พระเจ้า...เยอะขนาดนี้จะจับยังไงไหว”
“พวกคุณได้มายังไง” ผู้กำกับดีนหันไปถามบ้าง
“มีอีเมล์ส่งมาจากบุคคลนิรนามมันเป็นไฟล์รายชื่อแต่ใส่รหัสผ่านไว้ พอเราเข้ารหัสได้อย่างที่เห็น”
“แบบนี้เท่ากับก่อการร้ายเลยนะ”
จู่ ๆ เครื่องฉายโฮโลแกรมประมวลผลอย่างรวดเร็วปรากฏรายชื่อของผู้ตายที่รอยฆ่าไป
“พวกเขาทำไม”
เครื่องฉายภาพเริ่มประมวลผลอีกครั้งเช่นเดิมไม่ถึงนาทีก็เสร็จสิ้น ทุกคนหยุดทำงานที่ตนกำลังทำจ้องจอภาพไม่กระพริบ ผู้กำกับดีนหลับตาสูดหายใจเข้า
“มิน่าพี่ชายคุณถึงฆ่าไม่เลือกแบบนี้” แฮร์รี่กระซิบข้างชานส์
“รอยแค่ฆ่าไปเรื่อยเพราะมีหลายคนที่ทำงานให้พ่อของผม เขาจะฆ่าใครก็ได้ที่อยาก”
“เท่ากับ” ผู้บริหารหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงพูดขึ้น “งมเข็มในมหาสมุทร เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าฆาตกรจะเลือกเหยื่อคนไหน”
“เราจะทำยังไงดีครับ” เดวิดถามผู้กำกับดีน
แต่ผู้กำกับดีนไม่ตอบโรจินพูดดักความคิดเขา
“คุณกำลังคิดใช่ไหมว่าสิ่งที่ฆาตกรนั้นทำมันถูกน่ะ”
“ถึงอยากแต่ยังไงก็ผิดกฎหมาย”
“ออกหมายจับเถอะอาจทำให้เราถึงตัวฆาตกรเร็วขึ้น” เจ้าหน้าที่ระดับสูงเสื้อของเธอปักชื่อ ‘วิเรีย’
ผู้กำกับดีนพูดโดยไม่หันไปมอง “ทำแบบนั้นผู้คนจะคิดว่าชานส์เป็นฆาตกรน่ะสิ หน้าเหมือนกันขนาดนี้” เขาเพ่งมองรายชื่อนับร้อย “เราต้องจับเขาแบบเงียบ ๆ”
“แล้วคำใบ้ล่ะคิดออกหรือยัง” โรจินเดินมาหยุดข้างผู้กำกับดีน
“ยังหวังแค่ว่าเขาจะไม่ลงมือตอนนี้”
ชานส์ออกมาจากห้องปฏิบัติการเขาเดินไปข้างนอก จากไฟล์รายชื่อพวกนั้นแสดงว่ารอยคงไปเข้าถึงฐานข้อมูลคนคนนั้นแต่ยังประชิดตัวไม่ได้ คิดใช้ให้พวกเจ้าหน้าที่จำกัดคนในรายชื่อให้พ้นทาง...ตัวเองจะเข้าถึงเขาคนนั้นได้ง่ายขึ้น มือของเดวิดจับไหล่เขา
“อยากขอโทษผมไม่...ควรบอกพวกเขาเรื่องคุณ”
ชานส์ส่ายหน้า “สักวันพวกเขาต้องรู้อยู่ดี แค่เมื่อไหร่ก็เท่านั้น”
“คุณจะกลับแล้วเหรอ”
“อยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหนิ”
“ผมขับไปส่ง”
“ไปส่งผมที่ร้านดีจี-เกรดผมจอดรถไว้ที่นั้น”
เสียงหยดน้ำค่อย ๆ หยดลงมา โคจิม่าหอบหายใจเขากระพริบภาพตรงหน้าเหมือนตึกร้างสักแห่ง เขาพยายามแกะเทปที่แขนไว้ แขนเขาถูกมัดไว้ข้างหลังเพราะนั่งท่านี้นานทำให้ตระคริวเริ่มกิน เขาปวดหนึบ ๆ ที่ไหล่...เรจีน่าเธออยู่ในสภาพเดียวกับเขาตรงที่พวกเขาอยู่มีแสงอาทิตย์รอดเข้ามาจากหน้าต่างที่แตกกระจัดกระจาย เขาขยับตัวอีกครั้งเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เขาหยุดมองเงาที่เดินเข้ามา
“ไงตื่นแล้วเหรอ” รอยยกเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเขาในมือมีเข็มฉีดยาพร้อมยาเต็มกระบอก โคจิม่ามองไม่กระพริบ เขาตื่นตัวเต็มที่พร้อมสู้กับฆาตกรตรงหน้า รอยยักคิ้วข้างหนึ่งมองเข็มฉีดยา
“อ้อ...ผมไม่ฉีดพร่ำเพื่อหรอก มันเปลืองน่ะ มอร์ฟีนใช่ว่าหาซื้อที่ไหนได้ ผมเสี่ยงไปซื้อกับพวกพี้ยาทั้งที่ตัวเองถูกตามล่าแบบนี้” รอยขยับเข้ามาใกล้ “ถ้าคุณทำตัวดีผมอาจใจดีปล่อยคุณกับน้องสาวคุณไป”
เสียงมือถือรอยดังขึ้น เขาอ่านข้อความที่ส่งมา โคจิม่าส่งเสียงอู้อี้เพราะเทปกาวแปะติดกับปากเขาอยู่
“คุณอยากพูดแต่ผมไม่อยาก” รอยลุกขึ้นยกเก้าอี้เก็บที่ “ผมต้องไปแล้วเดี๋ยวกลับมาใหม่” เขาเดินหายไปในมุมมืด
ชานส์มาถึงร้านแต่ผู้จัดการให้เขากลับบ้านไปก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พนักงานคนอื่นไม่สบายใจ เขาเข้าใจดีเลยไม่พูดอะไร เขาสตาร์ถรถก่อนขับกลับบ้านโดยที่มีใครบางคนตามดูเขาอยู่ขับไปได้พักใหญ่เขาสังเกตุเห็นรถสีดำคนหนึ่งขับตามเขามาเพราะเขาขับเลยบ้านตัวเองมาไกลมาก เขาคิดว่าจะทำยังไงดี
“เปิดรายชื่อ” แผงควบคุมหน้ารถปรากฎเบอร์โทรและชื่อ “โทรหาเดวิด”
สัญญาติดปลายสายรับ “ฮัลโหล”
“เดวิดมีคนตามผม”
“คุณเห็นเขาไหม”
“ไม่...เขาขับตามผมมาได้พักใหญ่แล้ว”
เดวิดสบถ “ขับไปที่ร้านกาแฟโลโรผมจะรีบไปเดี๋ยวเนี่ย”
ชานส์กดวางสายรีบเร่งเครื่องไปยังที่หมาย เขาพยายามมองรถด้านหลังเหมือนคนที่ตามจะรู้ว่าเขารู้แล้วรถสีดำเปลี่ยนเส้นทาง แต่ชานส์ไม่หยุดรถเขาขับไปยังร้านกาแฟ พอเขามาถึงเดวิดมารออยู่ก่อนแล้ว
“มันตามมาอยู่ไหม”
ชานส์ส่ายหน้า “มันเลี้ยวขวาเขาซอยหายไปเลย”
“บ้านคุณไม่ปลอดภัยไปที่สถานนีเถอะ”
ชานส์จำยอมทำตามถึงขี้เกียจจะอยู่ที่นั้นแต่ปลอดภัยไว้ก่อน
ยี่สิบนาทีต่อมาชานส์ตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่ศูนย์จอดรถเขานั่งไปกับเดวิด เดวิดโทรบอกผู้กำกับดีนว่าจะพาชานส์ไปที่สถานนีให้ชานส์พักที่ห้องรับรองในสำนักงานของผู้กำกับ
“ดีที่คุณไหวตัวทัน”
“ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว”
เดวิดมองชานส์แวบหนึ่งเขาไม่เคยได้สังเกตุชานส์ เพื่อนเขาผอมไปมากชานส์ดูอิดโรยเหนื่อยกับการหนีไหนจะจากพี่ชายตัวและตอนนี้ก็มาเจอคนตามเขาอีก
“ผมกับแฮร์รี่จะผลัดอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณควรได้รับการคุ้มกัน”
“อืม...” ชานส์นั่งตะแคงข้างยกขาขึ้นเกือบชันเข่า เจ้าตัวหลับสนิท
เดวิดนวดไหล่ชานส์ “หลับซะ”
เดวิดเลี้ยวขวาเข้าสู่สถานนีผู้กำกับดีนมารอรับ พอเดวิดจอดรถแล้วดับเครื่องเขาลงรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฟังชานส์
“เขาเป็นอะไร”
“หลับน่ะครับ” เดวิดอุ้มชานส์ออกมา ชานส์หลับสนิท
“เขาเหนื่อยมามากเข้าข้างในเถอะ” ผู้กำกับดีนเดินนำไปห้องรับรองในห้องทำงานของเขา โต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมงานโล่งโจ้ง
“ทุกคนไปไหนหมดครับ”
“โรจินสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปประจำตำแหน่งที่วางแผนไว้”
“คิดว่าได้ผลเหรอครับ”
“คงต้องรอดูกันไป” ผู้กำกับดีนเลื่อนเปิดประตูห้อง
เดวิดวางชานส์บนโซฟายาว ผู้กำกับดีนยื่นผ้าห่มให้
“ขอบตาคล้ำไปหมด” เดวิดรับมากางห่มให้ชานส์
“รอย...” ชานส์พึมพำออกมาเดวิดชะงักผู้กำกับดีนเดินมานั่งลงข้าง ๆ มือใหญ่หนาลูบผมชานส์เบามือ
“ปล่อยเขานอนเถอะเขาเจอมาเยอะทั้งวันแล้ว” ผู้กำกับดีนเรียกให้เดวิดตามเขาไป“ผมว่าพี่ชายเข้ากลับมาไม่ได้คิดจะกลับมาฆ่าหรอกแต่เพราะนึกถึงอดีตที่เจ็บปวด เขาเลยบ้าเลือดขึ้นมา เขาแค่อาจอยากกลับมาเอาของล้ำค่าคือก็เท่านั้น”
เดวิดเหล่มองชานส์ที่หลับในห้องก่อนเดินตามผู้กำกับดีนไป
ฉันส่องกล้องส่องทางใกล้ เจ้าผู้กำกับนั้นดูไม่เลวร้ายนักเจ้าหนุ่มนั้นเหมือนกัน สถานที่เน่าเฟะแบบนั้นอาจยังมีสิ่งดี ๆ อยู่แต่มันน้อยไป ฉันเห็นหนุ่มอีกคน...คนนี้ดูเหมือนผู้หญิงนิดหน่อยชื่อแฮร์รี่ล่ะมั้ง เด็กนั้นยกเก้าอี้มานั่งข้างโซฟาที่ชานส์นอนแล้วก็นั่งอยู่แบบนั้น ฉันมองภาพตรงหน้าในหัวโล่งไปหมดมีอีกหลายคนที่ฆ่าให้ได้ หลายวันมานี้ฉันฆ่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับไอแก่นั้นที่เหลือให้พวกเจ้าหน้าที่จัดการเอง รวมถึงการหาตัวเอฟบีไอสองคนนั้นอาจพอถ่วงเวลาได้หน่อย ถ้าคนพวกนั้นยังตายไม่หมดเรื่องอะไรฉันต้องโดนจับ แต่แค่เอฟบีไอคงไม่พอ...เอาใครอีกดี
รถสีดำคันหนึ่งฉันไม่เห็นยี่ห้อแต่เคยเห็น
“คนของประธานาธิบดีเหรอ” เขาได้ข่าวว่าแม้แต่ประธานาธิบดีออกคำสั่งให้ตามจับฉันด้วย...อื้ม...น่าสน รถนั้นจอดสนิทฝั่งเดียวกับสถานนี คงรอช่วงสถานนีปลอดคนแล้วเขาไปลักพาตัวชานส์
“คนเดียวที่มีสิทธิ์ได้ตัวชานส์มีแค่ฉันเท่านั้น” ฉันไม่ยอมสูญเสียอีกครั้งแน่ ฉันเก็บกล้องส่องทางใกล้หยิบกระเป๋าเก็บปืนไรเฟิลออกจากตึก
แฮร์รี่นั่งเฝ้าชานส์ไม่ห่างคอยมองว่าเขาจะตื่นเมื่อไหร่ แฮร์รี่กับชานส์กลายเป็นเพื่อนสนิทกันตอนพวกเขาได้รับมอบหมายภารกิจให้ตามจับผู้ก่อการร้ายที่ผันตัวเองไปเป็นสุดยอดนักฆ่า พวกเขาตามจับอยู่นานจนเจอแหล่งกบดาน แต่เป็นว่าผู้ก่อการร้ายพวกนั้นโดยพี่ชายชานส์ฆ่ายกแก๊ง คดีครั้งนั้นก่อนเกิดคดีฆาตกรล่องหนหลังจบงานพวกเขามักจะนัดไปเที่ยวกันพร้อมกับเดวิด ทั้งสามซี้ปึกขนาดขอเบื้องบนให้ทำงานหน่วยเดียวกัน...ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนหมดชานส์ลาออก เดวิดกลายเป็นคนเงียบขรึม ส่วนแฮร์รี่เอง...
“ถ้าเรื่องทุกอย่างจบพวกเราสามคนไปเที่ยวกันไหม ผมมีสถานที่แนะนำเยอะเลยไปค้างสักคือสองคืนคงสนุกน่าดู” เสียงเดวิดังอยู่ข้างนอก “เขามาแล้วผมไปก่อนนะ”
“แฮร์รี่ เขาตื่นยัง”
“ยังเลย” แฮร์รี่มองนาฬิกาข้อมือ “ผมออกเวรแล้วพรุ่งนี้จะรีบมาแต่เช้านะ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“อาฮะ” แฮร์รี่วิ่งเหยาะ ๆ ไปที่รถ ตรงที่เขาจอดเกือบมือสนิทมีรถเหลือไม่กี่คัน เขาแตะตัวปลดล็อคประตู มีมือปริศนาปิดปากเขาพร้อมรวบตัวเขาไปที่รถสีดำที่จอดตรอกข้างสถานนี แฮร์รี่พยายามดิ้นขัดขืนเห็นสัญลักษณ์ตึกใหญ่กับตัวอักษรแอลตัวพิมพ์ใหญ่ ‘แอล’ ย่อมาจากหลีดเดอร์ แฮร์รี่มองคนที่จับเขา คนของประธานาธิบดีตัวใหญ่กว่าเขาแค่มือเดียวก็จับแขนของแฮร์รี่ได้ทั้งสองข้าง
“ชานส์ โฮวินสันต์อยู่ไหน”
แฮร์รี่กัดเข้ามือที่จับตัวเขาไว้ มืออีกข้างของชายตรงหน้าตบเข้าที่หน้าของเขา แฮร์รี่นิ่งงันภาพตรงหน้าเบลอ เขาหยุดดิ้น
“ถามครั้งสุดท้ายชานส์ โฮวินสันต์อยู่ไหน” เมื่อแฮร์รี่ไม่ตอบชายตัวใหญ่มือข้างที่ว่างถอดเข็มขัดแฮร์รี่ “งั้นเรามาสนุกกันก่อนดีกว่า” มือใหญ่ป้วนเปี้ยนแถวกระดุมกางเกงแฮร์รี่
เงาดำเดินมาข้างหลังในมือมีมีดสั้นมันสะท้อนกับแสงดวงจันทร์เผยให้เห็นปลายอันคมกริบพร้อมสำหรับการฆ่า มีดนั้นปักเข้าจุดตายคนของประธานาธิบดีร่วงลงพื้นทันที แสงจันทร์สาดส่องใบหน้าคมเข้มของรอยไร้ความรู้สึก มองเลือดที่ไหลนองสลับกับแฮร์รี่ที่กำลังลุกขึ้นนั่ง
“เจ็บมากไหม” รอยเข้าดูแผลที่ปากแฮร์รี่ “แฮร์รี่ใช่ไหม”
แฮร์รี่เงยหน้ามองใบหน้าที่เหมือนเพื่อนอย่างกับแกะ
“ร...รอย”
“อืม...มองใกล้ ๆ น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ต้องกังวลฉันไม่ทำเรื่องอย่างว่าหรอก” รอยมองซ้ายมองขวา “มืดแล้วไปกับฉันละกัน”
รอยอุ้มแฮร์รี่ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะโดนตบไปที่รถสปอร์ตของตน เขาวางแฮร์รี่ที่เบาะหลังจัดท่านอนให้เขานอนสบายที่สุด เขาขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยมองที่สถานนีก่อนออกรถ