อันที่จริงหล่อนยังไม่ได้เข้าไปที่ทำงานเพียงอย่างเดียวและจุดหมายปลายทางที่จะไปครั้งแรกคือบ้านของหล่อน จะไปพบแม่เสียหน่อยทักทายพูดคุยกับท่านก่อนจะไป เพื่อให้แม่รู้และรับทราบว่า วันนี้หล่อนจะเตรียมตัวไปทำงานเป็นที่ประจักษ์ และแม่คงจะชื่นชอบอีกคน ที่เปรียบได้ว่า มันคงจะดีกว่าหล่อนนั่งนอนอยู่แต่ในห้อง พิสูจน์ได้ว่า ชีวิตของรินรวีเริ่มโตขึ้นมากกว่าเดิม
ที่จริงชีวิตของหล่อนเติบโตมากกว่าเดิม ตั้งแต่โผออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ มาอยู่กับสามีทางนิตินัย
“แล้วตาปรัณย์ล่ะจ้ะ เขาตื่นแล้วยัง”
เลยทำให้คุณนิ่มนวลเอ่ยถามลูกสะใภ้ ก่อนที่หล่อนจะผละจากไป รินรวีเลยต้องหันมายิ้มตอบท่าน หล่อนตอบตามความจริง
“ยังหลับอุตุแบบสบายอยู่เลยค่ะ คงเพลียจัดมั้งคะ คุณแม่”
ที่รินรวีพูดหล่อนเหมือนไม่รู้ทุกข์ร้อนหนาวอะไร
อันที่จริงคุณนิ่มนวลรู้ทราบแก่ใจดีว่า เมื่อหลายวันมาก่อนและเมื่อคืนนี้ลูกชายตัวดีที่ทำตัวเป็นสามีไม่น่ารักเลย เขาเอาแต่เที่ยวและเหน็บเอาผู้หญิงอีกคนที่ชื่อแก้วกานต์ นางพอจะรับทราบ
แต่ก็ไม่รู้สึกชื่นชอบอะไรเลย กับการประพฤติตัวแสดงความสัมพันธ์กับลูกชาย ที่นางมองออกว่า เป็นแค่ของเล่นของลูกชาย ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คุณนิ่มนวลรู็สึกอดสงสารลูกสะใภ้ไม่ได้ ไม่ทราบว่าบาดาลใจลึกๆของหนูรินรวีเป็นอย่างไร
แต่ก็ชื่นชอบที่หนูรวีอดทนเข้มแข็งในเรื่องนี้ ส่วนตาปรัณย์ลูกชายของนางก็ยากที่จะกำราบเขาเอาไว้ได้
ปรัณย์คุ้นเคยกับนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเองแบบอะไรจะต้องได้ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาจึงไม่นึกถึงความสำคัญของคนอื่นแม้แต่จะเห็นใจ ด้วยในเรื่องนี้ นางคิดว่าหนูรวีมีมากกว่าบุตรชายจึงต้องการและปรารถนาให้ลูกสะใภ้ช่วยกล่อมเกลาจิตใจของลูกชายให้เป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้
หากพูดมากไปก็จะเป็นการกระทบจิตใจของลูกสะใภ้มาก ทั้งๆที่นางรู้อยู่และเห็นกับตา แต่ก็ตักเตือนห้ามปรามลูกชายคนเดียว เขาก็ไม่ฟังเอาเสียเลย
“เอ้อ รวีขอตัวก่อนนะคะ คุณแม่ พอดีจะแวะไปที่บ้านค่ะ”
“อ้าวเหรอ” คุณนิ่มนวลเพิ่งทราบ
“ดีเหมือนกันจ้ะ คุณทัศนาคงดีใจล่ะ”
“ค่ะ” หล่อนยิ้มอีกครั้งให้มารดาสามีก่อนจะกล่าว
“รวีไปก่อนนะคะ”
“แม่” เสียงทักนั้นทำให้คุณทัศนาวรรณที่เพิ่งจะลุกตื่นหันมามอง
“อ้าว รวี นี่หนุ จะไปทำงานแต่เช้าเลยหรือ แม่ดีใจที่หนูคิดจะทำงาน”
นางเพิ่งลุกเดินจากห้องเพื่อจะเข้าไปที่ครัว รินรวีรู้ว่ามารดาอีกคนที่เข้าใจในชีวิตของหล่อน และอีกอย่างมารดาก็รับรู้เข้าใจสภาพที่หล่อนเป็นอยู่ด้วย ไม่มีคำใดจากคุณทัศนาวรรณนอกจากให้กำลังใจและปลอบใจบุตรสาวคนเดียว ซึ่งจะว่าไปเช่นนี้นั้นลูกสาวตัดสินใจไปเอง อันที่จริงคุณทัศนาวรรณก็เคยคัดค้านในเรื่องน๊็ กับการแต่งงาน แต่รินรวีลูกศษซบอกต้องการทำเพื่อตอบแทนความกตัญญูที่ผู้ใหญ่ให้ความเมตตาและเอ็นดูเกื้อหนุน มาตั้งแต่รุ่นตารุ่นยาย
“ค่ะแม่ แม่คิดยังไงบ้างคะ” เมื่อถามมารดาแล้วในน้ำเสียงรินรวีพยายามทำน้ำเสียงที่ร่าเริงเพื่อให้ดูกระฉับกระเฉงขึ้น เพื่อซ่อนความขมขื่นเอาไว้ภายใน
“แม่เคยบอกให้รวีถอยแล้วนะ แต่รวีเชื่อที่จะทำตามใจตัวเอง ถ้าแบบนี้แม่ห้ามไม่ได้แล้ว ลูกต้องตัดสินใจเดินหน้าและต่อสู้ด้วยตัวเอง ไงล่ะ แล้วทีนี้คงรู้แล้วสินะว่ารสชาติของชีวิตการมีครอบครัวมันเป็นอย่างไร”
หล่อนรับรู้กับคำพูดของคุณทัศนาวรรณ มารดาของหล่อนไม่ได้ประชดหรือเหน็บใส่ลูกสาวหรอก
เพียงแต่รินรวีถืออวดดีมากเกินไป สิ่งที่มารดาเอ่ย หล่อนรับทราบและเข้าใจ และกำลังจะเดินทางทำในสิ่งที่ถูกต้อง และตัวเองควรทำ
“แม่ไม่อยากให้ความหวังอะไรมาก แต่นี่คือชีวิตของลูก มันเป็นสิ่งที่รวีเลือกแล้ว”
“ค่ะแม่ เพราะรวีเลือกแล้ว รวีจึงต้องทำให้มันอย่างเต็มที่”
หล่อนก็ตอบด้วยกำลังใจของตนเองที่เต็มเปี่ยมเช่นกัน จากนั้นสองแม่ลูกต่างยิ้มให้กัน เมื่อรินรวีเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงานเสียที หล่อนจากเข้ามาพบมารดาเพื่อทักทายธุระคุยกันในยามเช้า หล่อนเลือกเอารถเก๋งในบ้าน เป็นของหล่อนที่รินรวีไม่ค่อยจะขับออกไปไหนมาไหน แม้จะเป็นรถเก๋งเก่า ทีนี้ล่ะ คงจะต้องถูกนำมาใช้งานในทุกวัน
หากว่าคล้อยหลังจากที่รินรวีไปทำงานได้สักชั่วโมงหนึ่ง ร่างของปรัณย์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะเมื่อคืนนี้นั้นเขาเองก็เที่ยวหนักชักชวนไปกันกับแก้วกานต์ตามเคย แต่เขาไม่เลือกค้างที่โรงแรม แต่กลับมานอนที่บ้าน และเช่นเคยที่รู้ว่าประตูในห้องของภรรยาที่เขาแสนเมินนั้นหล่อนล็อกปิดสนิท ทำเอาเหมือนกันว่า เขาจะเข้าไปปล้ำข่มขืนเสียอย่างนั้น ต่างคนต่างนอนกันด้วย เขาถูกหล่อนไล่ให้ไปนอนที่โซฟา
ช่างเถอะที่ไหนเขาก็นอนได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากสุขสบายนอนอยู่ในห้องคนเดียว
แล้วนี่ไปไหน กุญแจห้องที่เขามองเห็นกับตา เมื่อเห็นแล้วว่าเจ้าของคงไม่ได้อยู่ในห้อง หลังจากที่งัวเงียตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ลุกเดินไปถามคนใช้
“รินรวีไปไหน”
“คุณรวีหนูเห็นลุกไปแต่เช้าออกไปทำงานแล้วค่ะ วันนี้เป็นวันทำงานครั้งแรกด้วยเธอสวยมากนะคะ”
สาวใช้ตอบเกินคำพอดีที่เขาต้องการ ปรัณย์เลยยกมือโบกห้าม
“พอแล้วแกจะไปไหนก็ไปเหอะ”
และแล้วนางนิ่มนวลเพิ่งจะเห็นว่าลูกชายคนเดียวเพิ่งจะตื่น ใบหน้ายังดูอิดโรยและสะโหลสะเหล
“อ้าวเพิ่งตื่นหรือยังไง ทำไมไม่ไปอาบน้ำอาบท่า ดูซิขี้ตาเกรอะกรังไปหมด” คุณนิ่มนวลตำหนิลูกชายสุดที่รักที่มีเพียงคนเดียว
“เที่ยวถามหาใครล่ะ” คุณนิ่มนวลถามทั้งๆที่รู้ความจริง
“ก็ยัยเด็กนั่น”
จนมีน้ำเสียงของคุณนิ่มนวลปรามและจุปากเบาบอกลูกชายถึงคำที่ไม่ควร
“จุ๊ ไม่เอา อย่าพูดถึงหนูรวีแบบนั้น หนูรวีเป็นลูกสะใภ้ของแม่ และเป็นเมียของแกนะตาปรัณย์”
““ทำไมกัน ที่กำลังเรียกและจะตามหนูรวีเพราะอะไรกัน”
“ก็มาทำหน้าที่ให้ผมไงครับ เมียก็เหมือนคนใช้ โดยเฉพาะคนใช้ที่ทำงานได้สารพัดอย่าง ทั้งอึดและถึก”
“นี่ตาปรัณย์ ไม่ดีนะที่ลูกจะพูดแบบนี้และทำแบบนี้เพื่อแกล้งน้อง”
คุณนิ่มนวลจึงปรามและดุเอากับลูกชายคนเดียว จนร่างสูงสุดหล่อยี่ห้อเพลบอยของลูกชายคนเดียวของท่าน จำต้องทำแบบคอหดลง เพราะมารดาเอาใจใส่คนอื่นมากกว่าเขานี่เอง
“หนูรวี ขยันขึ้นมามากกว่าแกเสียอีก โน่น ขับรถไปทำงานตั้งแต่เช้า ทั้งๆที่เป็นวันแรก”
เขาแค่รับฟังเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ไม่เหมือนแกหรอก ที่วันๆเอาแต่โฉบเฉี่ยว พากิิ๊กพากั๊ก เที่ยวสำมะเลแบบไม่รู้จักหน้าที่ ทำตัวไร้การรับผิดชอบ”
คุณนิ่มนวลต้องการพูดเพื่อแค่ดุ และอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างเขานั่้น รู้จักมีจิตสำนึกขึ้นมาบ้างก็เท่านั้นเอง