“ช่างเขาเถอะค่ะ” รินรวีตอบมารดาไปแบบนั้น ทั้งๆที่ใจของหล่อนก็กวัดแกว่งเหมือนกัน แต่เพราะนิสัยของปรัณย์ก็พอจะรู้ว่า เขาต้องการเอาชนะคะคานตัวหล่อน
“นี่ คิดแบบนี้ได้ยังไง อย่าลืมนะว่าเราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว”
คุณทัศนาวรรณอดดุใส่ลูกสาวไม่ได้
“พอเถอะค่ะ แม่ รบกวนเวลาปฏิบัติธรรมของหนู กลับไปหนูจะสะสางเอง”
รินรวีตอบมารดาเท่านั้น แล้วก็ปิดเครื่อง
แก้วกานต์สามารถทำทุกอย่างที่หล่อนพึงพอใจ เช่นการควงแขนกับปรัณย์ไปไหนต่อไหนเย้ยสายตาของผู้ใหญ่ ซึ่งหล่อนคิดว่า หล่อนสามารถคุมปรัณย์เอาไว้ได้ แล้วยิ่งจะทราบจากปากของเขาด้วยว่า รินรวีเดินทางไปต่างจังหวัดและหล่อนไปปฏิบัติธรรม
“ต๊าย ไปปฏิบัติธรรม กลายเป็นคนธรรมะธัมโมเมื่อไหร่กันคะ”
และหล่อนพบสายตาที่ไม่ปรารถนาตัวหล่อนของคุณนิ่มนวลมารดาของเขา วันนี้ปรัณย์พาหล่อนมาในที่ทำงานของเขา บริษัท ที่มีคุณ ประทักษ์ลุงของเขาเป็นคนดูแลกิจการ
ปรัณย์แนะนำกับหล่อน
“น้ำหวานจ้ะ นี่ลุงประทักษ์”
ชายหนุ่มใหญ่ตรงหน้าแม้วัยเขาจะมากโข แต่การดูแลรักษาหุ่นและสุขภาพดี ทำให้ยังดูดีในสายตาของแก้วกานต์ หล่อนพบสายตาบางอย่างของนายประทักษ์มีความท้าทาย เพราะเขาแค่มองหล่อนเท่านั้น
หล่อนยิ้มหวานให้และยกมือพนมไหว้ ปรัณย์บอกหล่อนว่าเขาไม่เคยพาแม่เมียแต่งของเขามาที่นี่หรอก มีแต่หล่อนคนแรกที่เขาเต็มใจพามาและด้วยความยินดี
“สวัสดีค่ะ น้ำหวานต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ คือ เพิ่งมาเป็นครั้งแรกกับคุณปรัณย์”
และสายตาของคุณประทักษ์เข้าใจว่า ปรัณย์แต่งงานไปแล้ว และเขายังได้ไปร่วมงานด้วย ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนน่ารักและมีกิริยาวาจาดีพอสมควร เรียกว่างามมารยาทแบบสาวไทย นิ่มนวลอ่อนหวานสมกับแม่บ้านแม่เรือน ซึ่งคุณนิ่มนวลก็เอ่ยให้ฟัง เขาไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้น กลับกลายเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือน หล่อนแสดงความรู้สึกหลายอย่างที่ ที่มีทั้งไฟปรารถนาและทะเยอทะยานอยู่ในดวงตา
“เหรอ ทำไม ไม่มาทำงานล่ะ” ดูเหมือนคุณประทักษ์เมื่อรับไหว้แล้วก็ชักชวนเสียเลย
ทำเอาแก้วกานต์ตาโต แม้หล่อนไม่เคยทำงาน การศึกษาของหล่อนก็พอไปได้ จบชั้นพาณิชย์ แต่หลายปีแล้ว หล่อนแทบไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ
“ที่นี่รับสมัครพนักงานเพิ่มหรือเปล่าคะ”
“ถ้าหนูอยากจะมาทำงาน ก็รับเลยล่ะ นายปรัณย์รู้ดีนี่ ใช้ระบบเส้นสาย”
คุณประทักษ์ดูเหมือนจะพูดตรงๆ แต่สายตาของปรัณย์นิ่ง เขาอยากให้แก้วกานต์สุขสบายโดยที่ไม่ต้องทำงานมากกว่า ในเมื่อหล่อนเป็นคนที่เขารัก แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเลยจากแววตาของแก้วกานต์
ทำให้รู้ว่าหล่อนต้องการทำงานที่นี่ ซึ่งเขาออกจะไม่พอใจ
พาหล่อนมาเที่ยวเฉยๆ แนะนำให้รู้ว่านี่คือบริษัทของเขาครึ่งหนึ่ง
“หนูรวีล่ะ” นายประทักษ์พอจะรู้จักและเห็นหน้ารินรวีมาสองสามครั้ง
“เห็นแม่ของแก บอกลุงว่า จะให้หนูรวีมาเรียนรู้งานที่นี่ด้วย ลุงนึกว่าแกจะพามาเสียอีก”
กลายเป็นว่า ปรัณย์ตกใจจนตาค้าง เขาไม่นึกถึงใบหน้าของรินรวีเลย แม้หล่อนจะเป็นเมียแต่ง แต่เขาไม่ปลื้มเสียเลย ทั้งรั้นกระด้างหัวแข็งในสายตาของเขา ผิดไปจากความอ่อนหวานของน้ำหวาน
พลอยทำให้แก้วกานต์หน้าตึงด้วยอาการชักหน้าเสีย ที่ชายหนุ่มใหญ่ผู้นี้ดึงเอาชื่อศัตรูหัวใจของหล่อนมาด้วย
“พามาทำไมครับ ยายนั่นนะตะลอนไปโน่นนี่ ผมก็ให้เขาทำตามใจและอิสระ”
คุณประทักษ์ขมวดคิ้ว
“แกให้หนูรวีไปทำอะไรล่ะ”
“ก็เรื่องของเขา” ปรัณย์ตอบสะบัดแบบไม่พอใจ
มันดูอึมครึมแล้วล่ะบรรยากาศการมีครอบครัวของหลานชาย แม้จะรับทราบมาก่อนหน้านี้ คุณประทักษ์ก็ไม่ถามอะไรมาก
ฝ่ายรินรวีหล่อนอิ่มเอมด้วยความสุขและกองบุญ ทำให้ลืมความเครียดของครอบครัวไปแล้ว ผู้ชายหัวใจหุ่นยนต์หัวใจดิบอย่างสามี เขาไม่มาสนใจหล่อนหรอก เช่นเดียวกับที่หล่อนไม่สนใจเขาเช่นกัน อิสระเหลือเกินที่หล่อนชอบ ชีวิตให้มันได้อย่างนี้สิ หล่อนจะไม่กังวลเลย มีคำพูดและคำเปรยๆจากคุณแม่นิ่มนวล นางต้องการให้รินรวีไปทำความรู้จักกิจการงานของตระกูลที่บริษัท ซึ่งปรัณย์ไปทำงานบ้างแล้ว
หล่อนคงจะสลัดความขี้เกียจทำตามคำของคุณนิ่มนวลคราวนี้ล่ะ
กับปรัณย์หรือ หล่อนจะคิดว่าเขาอยู่ซีกโลกคนละโลกกับหล่อน แม้จะต้องพบเจอกันในบริษัท เพราะกิจการงานหรือการพบพานก็ตาม
ร่างที่ทรุดนั่งอยู่บนเบาะนวมแชร์แสนจะนุ่มมาตั้งแต่เช้าตรู่เขาหมุนแก้วในมือเล่น รินรวีเดินผ่านหน้าเขาทำสายตาแบบไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งไม่ใส่ใจ เมื่อคืนนี้เธอหลับสบายเป็นที่สุด พักผ่อนจนร่างกายนั้นเต็มที่ในการใส่ใจทำงาน
“ไม่เห็นจะต้องรีบไปเลย” เขาเอ่ยขึ้นมา รินรวีเข้าใจแต่เธอไม่เห็นด้วยกับเขา
“ต้องรีบสิคะ เดี๋ยวสาย ขอโทษและขอตัวก่อน” รินรวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ในชุดที่เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานซึ่งลวดลายสดใส แลดูน่ารัก จนว่าปรัณย์อดชำเลืองมองไปตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่ให้สายตาของหญิงสาวพบเห็นว่าเขาจ้องมองอยู่
“เดี๋ยวสิ” เขากลับลุกมาจากที่นั่งแล้วยืนขวางประกายตานั้นเหมือนคนชอบกลั่นแกล้งและเหลี่ยมจัด รินรวียอมหยุดชะงัก แล้วหล่อนก็เดินไปต่อ แล้วเขาก็หัวเสียนักที่หล่อนไม่ยินยอมอ่อนข้อให้เขา ปรัณย์ต้องไปทำงานเหมือนกัน ก็คงได้พบเจอกันที่สำนักงานนั่นล่ะ เถอะเขาจะแกล้งให้เข็ดเลย ยัยรินรวี
“หนูรวีน่ารัก แม่ว่าแต่งชุดแบบนี้เข้าพอดีกับตัวหนูมากกว่า”
ก็เพราะว่าใช่ที่สุด ที่ในตลอดเวลาที่ผ่านมา ยามอยู่ในบ้านรินรวีจะชอบแต่งกายแบบตามสบายของตัวเอง คือเรียบๆจืดๆ ไม่เด่นพอที่จะออกไปโชว์ใคร และหล่อนไม่มีความจำเป็นที่จะแต่งกายเพื่อโชว์ใครด้วย
สีหน้าของคุณนิ่มนวลยังคงปลื้มอยู่เช่นเดิม แต่ท่านก็แปลกใจที่ลูกสะใภ้คนนี้ไม่เอ่ยถามถึงสามีผู้เป็นลูกชายของท่าน เหมือนรินรวีเตรียมพร้อมไปหมดทั้งการแต่งกายรวมทั้งสะพายกระเป๋า นี่หล่อนก็คว้ากุญแจติดมือ
“ค่ะ รวีอยากให้เป็นความตั้งใจมากๆค่ะคุณแม่ ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่รวีจะได้ลองทำงานที่บริษัท”
“จ้ะ แม่ก็หวังอย่างนั้น และแม่มั่นใจในตัวของหนูรวี”
คุณนิ่มนวลชื่นชมหญิงสาวที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่อ้อน
ถ้าคำแบบนี้ได้เอ่ยชื่นชมจากฝ่ายที่เป็นลูกชายของท่าน สามีของหล่อน มันคงจะดีไม่น้อยเลยนะ รินรวีแอบนำไปคิดจนได้ แต่คงไม่หรอก เขาเป็นคนเย็นชาและหยาบกระด้างเช่นนั้น คิดไปให้มันเสียเปล่า