แม่ที่ไม่ได้หมายความว่าเมียสุดที่รักของท่านพ่อ
หยุนเมี่ยงโผเข้าไปหาเด็กชาย และต้องตกใจไม่ต่างจากฮึงซวน
“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ไปบอกให้คนข้างนอกเปิดประตู ข้าจะพาเด็กไปหาหมอ”
เสียงของหยุนเมี่ยงร้อนใจ และเต้าเหนิงสัมผัสได้ถึงความห่วงใย ทว่าเขาจะออกจากหอบรรพชนทางประตูหน้าไม่ได้ เซียวฮูหยินคงหาทางกักบริเวณ และส่งคนมาคุมเขาอีกในภายหน้า เขาจะไม่ได้พบบิดา และเล่นสนุกอีก คิดได้แล้วเด็กชายเลยฝืนสังขารและเอ่ยว่า
“เหนิงเหนิงไม่ออกประตูใหญ่ เซียวฮูหยินจะจับเหนิง
เหนิงไปต้มน้ำแกง!”
“เอ๊ะ ยายแก่นั่น เอ่อ เซียวฮูหยินหรือจะใจร้ายขนาดนั้น”
เต้าเหนิงได้ยินแล้วรีบหลับตาปี๋ ตัวเขาสั่น ท่าทางคงกลัวจิวเจียกยี้จริงๆ
“แต่เหนิงเหนิงตัวร้อน ที่นี่ไม่มียา และอากาศก็เย็น แม่เอ๊ย... พี่จะพาออกไปข้างนอกหาหมอยังไง” หยุนเมี่ยงถาม
“ไม่! ไม่ไปทางนั้น ให้ท่านพ่อมารับเถิด เหนิงเหนิงกลัว!”
หยุนเมี่ยงไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีตัวละครเต้าเหนิงในนิยาย ส่วนเจ้าของร่างคือนางร้ายเต็มพิกัดที่ไม่รักเด็ก และผู้ที่มาจากโลกอื่นนางเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ ถึงเคยเลี้ยงหลานลูกของน้องสาว แต่ฝ่ายนั้นอายุสิบขวบแล้ว
“เหนิงเกอเข้ามาข้างในนี้ได้ยังจ๊ะ”
หญิงสาวพยายามหลอกถาม
“เป็นหมาน้อย ต้องมาทางหมารอดซี... ท่านแม่!”
จู่ๆ เด็กชายก็เผลอเรียกหยุนเมี่ยงอย่างนั้น พลอยให้ฮึงซวนอมยิ้ม ก่อนหลุดเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่
“เสียมารยาท ข้าไม่ใช่มารดาของเด็กคนนี้สักหน่อย”
“คุณชายน้อย รู้ความนะเจ้าคะ ดูสิกอดคุณหนูแน่นเลย”
ยามนั้นหยุนเมี่ยงรู้สึกว่านางต้องเป็นที่พึ่งของเขา แม้ในใจจะหงุดหงิดอยู่สักหน่อยว่า เซียวเฮ่อป๋อไปแอบทิ้งไข่ให้สตรีนางใดคลอดเด็กชายแสนน่ารักคนนี้ออกมา
กระทั่งหยุนเมี่ยงให้ฮึงซวนไปดูด้านหลังป้ายวิญญาณบรรพชน จึงเห็นว่ามีทางหมารอดที่ให้ผ่านออกไปได้
“ประตูลับที่เหนิงเหนิงเข้ามาในนี้ มีไว้หลบเซียวฮูหยินเวลาโป้งกับท่านพ่อ” เด็กชายบอก และท่าทางเขาไม่สู้ดี ทั้งที่เมื่อครู่ยังต่อปากต่อคำกับนางได้
ราวๆ ชั่วเวลาชาพองตัว หยุนเมี่ยงจึงตัดสินใจว่าจะพาเด็กชายออกไปด้านนอก และกลับเรือนสุ่ยเซียน เพราะมียาแก้ไขทั้งแบบเม็ด และชนิดน้ำให้กินง่าย ทั้งหมดทะลุมิติมาพร้อมนางในรถม้า นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่นางเก็บซ่อนไว้ ยังไม่เผยให้ใครรู้
“คุณหนู หากพวกนั้นเข้ามา แล้วไม่พบคุณหนูล่ะเจ้าคะ”
“เชื่อข้าสิ พวกสาวใช้ คงไม่อยากมีเรื่องกับข้า อย่างไรย่อมเกรงอำนาจแม่ทัพเซียว แต่คนที่จุ้นจ้านน่าจะเป็นแม่นมของเซียวฮูหยิน ถึงอย่างนั้นเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าออกไปเพียงประเดี๋ยวเดียว ถ้ามีใครเข้ามาในเรือนบรรพชน ถามหาข้า ก็แค่เงียบ ชี้นก ชี้ไม้ และอย่าให้พวกมันเห็นหน้าก็เท่านั้นเอง”
หยุนเมี่ยงกล่าวจบ จึงให้เต้าเหนิงรออยู่ที่ทางหมารอด จากนั้นนางเดินไปยังมุมลับสายตา รีบถอดเครื่องประดับบนผมของตน ตามด้วยเสื้อตัวนอก
“ปลอมตัวเป็นข้า เรื่องง่ายๆ เช่นนี้ ทำได้ใช่ไหม”
“เอ จะดีหรือเจ้าคะ ถ้าหากถูกจับได้ บ่าวต้องทำอย่างไร”
“สลบ แกล้งสลบให้เหมือนตาย แล้วหากกลัวจนทำสิ่งใดไม่ได้ จงร้องให้ดัง ดังให้ไปถึงเรือนสุ่ยเซียน อย่างไรข้าคงกลับมาช่วยเจ้าทันแน่นอน”
หยุนเมี่ยงกล่าวจบ จึงรับเสื้อชุดนอกของสาวใช้มาสวม เพียงเท่านี้นางกับฮึงซวน ก็สลับบทบาทกันเรียบร้อย
เมื่อกลับมาหาเต้าเหนิง นางใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากเขา
“ตัวร้อนกว่าเดิม ตอนนี้ เดินไหวหรือไม่เหนิงเกอ...”
เด็กชายทำท่าแบ่งกล้ามให้ดู ก่อนไอติดๆ กันหลายหน
“เหนิงเหนิงหนาว... ง่วงด้วย”
“อืม แต่เจ้าอย่าเพิ่งหลับเชียว บอกทางข้าก่อน ไปถึงเรือนสุ่ยเซียน จะได้ป้อนยา และกล่อมเจ้านอนดีไหม”
เต้าเหนิงพยักหน้ารับช้าๆ และกอดนางแน่น
“ให้เหนิงเหนิงเรียกพี่สาวว่า ท่านแม่ ได้หรือไม่...” เขาอ้อน และทำตาปรือเสียด้วย
หยุนเมี่ยงทำท่านึกอยู่สักครู่ ก่อนต่อลองกับเด็กชาย
“ข้าเป็นแม่ให้เจ้าได้ แต่เป็นแม่ที่ไม่ได้แปลว่า ภรรยาคู่ทุกข์ คู่ยากของพ่อเจ้าหรอกนะ”
เด็กชายมองหน้าหยุนเมี่ยง มองและคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามนาง
“หมายความว่า พวกท่านไม่ได้รักกัน... เหนิงเหนิงรู้”
หญิงสาวอึ้งเลยทีเดียว นางควรกล่าวสิ่งใดต่อจากนี้หรือไม่ กระทั่งเห็นว่าเต้าเหนิงอ้าปากหาว นางเลยบอกเขาว่า
“เราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นหากไข้เจ้ากำเริบหนักกว่านี้ ข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว”
เด็กชายยิ้มให้นาง จากนั้นจึงเข้าไปในทางหมารอด เพื่อนำทางออกจากหอบรรพชน
จิวเจียกยี้ได้รับจดหมายจากพี่สาว ฝ่ายนั้นแจ้งข่าวว่า ยามนี้หลานสาวผ่านพิธีปักปิ่นเรียบร้อยแล้ว และอย่างที่เคยตกลงไว้ นางพร้อมเข้ามาเป็นสาวใช้รุ่นเล็กปรนนิบัติจิวเจียกยี้ แทนคนเก่าที่ป่วยตาย
ทว่าจิวเจียกยี้ ประเมินว่า ด้วยการศึกษาอีกฝ่าย ที่อ่านออกเขียนได้ ทั้งหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ สมควรให้นางได้มีวาสนามากกว่านั้น
ชิวหงเห็นเจ้านายอมยิ้มในสีหน้าหลังพับจดหมายลง นางพอเดาหลายสิ่งได้ เนื่องจากอยู่ด้วยกันมานาน
“มีเจ้าดูแลข้า ยามนี้ก็คล่องตัวไปเสียทุกอย่าง แต่ดูเหมือนลูกชายข้าทั้งสองคน คงต้องการอนุไว้อุ่นเตียง เพราะภรรยาของพวกเขา ยังไร้มารยาท อีกคนบ้านนอก อีกคนเป็นชนชั้นต่ำ เกิดจากพ่อแม้ค้าขายอาหารข้างถนน สมควรต้องได้รับการอบรบอย่างหนัก ไม่อย่างนั้น ยามพบปะผู้คนข้างนอกอาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสกุลเซียว”
ชิวหงฟังแล้วรู้สึกสนุกไปด้วย สำหรับนาง หยุนเมี่ยงและอิงเยี่ยหลิง ทั้งคู่ล้วนไม่เหมาะสมให้กำเนิดทายาทสกุลเซียว
“ฮูหยินหม้าย ตั้งใจส่งแม่นางฉูฉู่ ไปเรือนหลังใดเจ้าคะ”
และคำถามดังกล่าว สร้างรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของจิวเจียกยี้