กลางคืนเลี้ยงหมาบ้า กลางวันโอ๋หมาน้อย
“ข้ายังเป็นสตรีที่ไม่มีสิ่งใดด่างพร้อย ป๋อเกอ...คงทราบเรื่องนี้แล้ว และ ทะ ท่าน...ยังต้องการให้ข้าเป็นเหล่าผอ (ภรรยา) อีกหรือไม่”
คำถามดังกล่าวกระจ่างชัด แจ้งถึงความต้องการของอิงเยี่ยหลิง ทว่าเหตุการณ์เบื้องหน้า กลับถูกรบกวน จากเสียงในโสตประสาท ราวกับสมองเขา และจิตใจหมกหมุ่นอยู่กับสตรีอีกคน
ภาพหยุนเมี่ยงปรากฏขึ้น พร้อมน้ำเสียงที่ร่ำร้องท้าทายเขา ให้กระทำเรื่องเหลวไหลไม่หยุดหย่อน
เซียวเฮ่อป๋อ รู้สึกประหลาดใจ อาการดังกล่าวนี้ หรือเป็นเพราะพิษราคะยังไม่อาจสลายจากร่างกาย
“โถ ท่านมีน้ำยาอุ่นๆ สาดใส่ร่างกายข้าเพียงเท่านี้หรอกหรือ”
หยุนเมี่ยงถามเขา มันช่างน่าละอายนัก สตรีนางนี้ ร่านราคะ ทั้งยังไม่รู้จักพอ
ซึ่งชายหนุ่มจะตอบอย่างไรดี เขาพยายามแล้ว ละเข้าใจว่าการมีแรงอึดให้มากพอ ทั้งไม่ยอมหลั่งง่ายๆ คงเป็นที่ถูกใจสตรี ดังนั้นเมื่อเขาปลดปล่อยน้ำวิสุทธิ์ เข้าสู่กลีบงามๆ ของนาง แทนที่หยุมเมี่ยงจะพบความสุขสุดยอด นางกับทำคิ้วขมวด สีหน้างอง้ำ
“เพียงเท่านี้จริงๆ หรือ ไม่สมราคาคุยสักนิด!”
นางถามอย่างคนใจกล้า สตรีเช่นนาง ไปกินดีหมี สมองลิง หัวใจเสือมาหรืออย่างไร ถึงหาญกล้าบังอาจท้าทายเขาถึงเพียงนี้
“พิษราคะ ทำให้ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง และเอ่อ... ปลดปล่อยได้น้อยกว่าปกติ”
แน่นอน เซียวเฮ่อป๋อแก้ตัว พร้อมกันนั้นก็เตรียมปลุกขาที่สามให้กลับมาแข็งขันอีกหน ทว่าใจเขาอยากมีความสุขกับนาง แต่...น้องชายนั้นคอพักคออ่อน เหมือนไม่อยากสู้ศึก
“แม่ทัพเซียว เข้าหอด้วยกันแล้ว และท่านก็ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเรียบร้อย แต่ท่านจะไม่เอาเปรียบข้าไปหน่อยหรือไร ที่ปล่อยให้สตรี...ค้างเติ่งอยู่เช่นนี้”
“หมายความว่า...”
เขาฉงนต่อสิ่งที่นางกล่าว และนางมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์
และนางคือปีศาจจิ้งจอก นุ่งห่มหนังของมนุษย์หรืออย่างไร ถึงปากกล้า ใจถึง ทั้งยังท้าทายบุรุษผู้ที่ผีเห็นยังหวั่นเช่นนี้
“เมื่อท่านแตกแล้ว เอ๊ย... ท่านหลั่งสมใจปรารถนา สตรีเช่นข้า ก็มีความต้องการสัมผัสความซาบซ่าน ด้วยการหลั่งน้ำหวานไม่ต่างจากแม่ทัพเซียว”
ให้ตายเถิด ชายหนุ่มขนลุกซู่ซ่า หยุนเมี่ยงกระโดดขึ้นเตียงเขา คงไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญ แต่คงเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้เช่นนี้ ให้นางมารตนหนึ่ง พานพบบุรุษที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าเรื่องอุ่นเตียง
เซียวเฮ่อป๋อวางสีหน้าขรึมสักหน่อย เขาแสร้งกระแอมไอสองสามหน ก่อนถามหยุนเมี่ยง
“สตรีเช่นเจ้า ต้องทำอย่างไรถึงจะหลั่งน้ำหวานพร้อมข้าได้”
“แม่ทัพเซียว หากท่านเป็นยอดนักรบ ผ่านศึกมามิน้อย ไฉนถึงไม่ล่วงรู้ การทำให้สตรีมีความสุขระหว่างร่วมรัก”
หยุนเมี่ยงถามเขา และส่งสายตาค้อนให้อย่างน่ารักชัง
“ขะ ข้าก็เพียงแต่ ถามดู และบุรุษเช่นข้าย่อมทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์พร้อมกันได้แน่นอน”
“โอ้ ท่านล้อข้าเล่นหรือไม่”
“เป็นจริงทุกคำพูด”
และถึงเขาจะบอกนางไปอย่างนั้น หากเซียวเฮ่อป๋อต้องเล้าโลมหญิงสาว ด้วยปากและมือ พลิกกลวิธีต่างๆ เพื่อให้หยุนเมี่ยงมีความสุข ซึ่งกว่าจะทั้งถึงจุดหมายแห่งความซาบซ่านฉ่ำหัวใจ เวลาได้ล่วงผ่านถึงปลายยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.)
“กัดข้า และทำให้เป็นรอยทั่วตัวเช่นนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่า มันคือการทำให้สตรีมีความสุข”
อันที่จริง เขาเพียงแต่ขบเม้มเบาๆ และเผลอกัดยอดถันนางด้วยความมันเขี้ยวครั้งเดียวเท่านั้น และไม่ได้เกิดรอยช้ำเลย หากหยุนเมี่ยงโวยวายเสียงดัง ซึ่งเป็นฝ่ายนางมากกว่าที่ตบเขา หยิก ข่วนตรงแผงหน้าอกกว้าง ทั้งยังลุกขึ้นควบม้ารุนแรง จนเขาคิดว่าขาที่สามคงหัก หรือจะใช้งานการไม่ได้แล้ว
“ครั้งต่อไปข้าจะพยายามให้ดีกว่านี้ หวังว่าเจ้าคงประทับใจ”
“ครั้งต่อไป เหอะ ฝันไปเถิด อีกอย่างพิษราคะสลายไปหมดแล้ว เช่นนั้นแม่ทัพเซียวยังจะพิศวาส สตรีบ้านนอกที่ทั้งแพศยา และยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกหรือ”
ริมฝีปากชายหนุ่มเม้มชิด เขาไม่ได้ตอบหยุนเมี่ยง หากขยับตัว ก่อนผลุนผลันออกจากห้องหอ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมหยิบผ้าขาวรองเลือดพรหมจรรย์ของนางไปด้วย
ฝ่ายอิงเยี่ยหลิง เตรียมเอ่ยถามชายหนุ่มอีกหน ทว่าเซียวเฮ่อป๋อยกมือห้าม พร้อมกับค่อยๆ ดึงตนเองออกจากห้วงอารมณ์เร่าร้อนและหวามไหวบนเตียงในห้องหอ
บัดซบ เขากลายเป็นคนกระหายในรสรัก และบ้าตัณหาตั้งแต่เมื่อใดกัน!
เซียวเฮ่อป๋อสลัดศีรษะร่างๆ แล้วจึงมองอิงเยี่ยหลิงงามที่ใบหน้าซีดเซียว หัวใจเขาย่อมเจ็บช้ำปางตายเช่นกัน ทว่าสกุลเซียว ยึดถือคำสอนสั่งจากบรรพบุรุษมาช้านาน และชายชาตินักรบเช่นเขามิอาจคิดถึงประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ดังนั้นสิ่งที่ตระหนักถึงเสมอก็คือ
พี่น้องจึงเหมือนแขนขา ลูกเมียและภรรยา เปรียบได้ดั่งเสือผ้า
คำสอนนี้ ทำให้เขาแทบคลั่ง แต่สุดท้ายเขาย่อมไม่อาจเลือกทำสิ่งที่ใจต้องการ
“ข้าเชื่อใจอาหลิง และไม่ว่าเมื่อคืนเจ้าอยู่ที่ใด ข้าไม่ติดใจ ทว่านับแต่นี้ วาสนาที่เราจะได้ครองคู่กัน คงมิอาจเป็นได้ สำหรับพี่ใหญ่เขาคือคนที่มีบุญคุณ ทั้งข้าเป็นหนี้ชีวิตเขา... ส่วนเจ้า ยังเป็นอาหลิง... เมื่อก่อนคือน้องสาวแสนดี ยามนี้คือพี่สะใภ้ที่ข้าต้องให้เกียรติ!”
ชายหนุ่มกล่าว และมองหน้าหญิงสาวอดีตคนรักด้วยความอาลัย
ฝ่ายอิงเยี่ยหลิงยิ้มบางเบาเช่นกัน หากสองตานางแดงก่ำ มีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้นไว้ได้
ความเงียบเกาะกินใจทั้งคู่ กระทั่งมีเสียงกิ่งไม้หัก ในยามนั้นเซียวเฮ่อป๋อพลันซัดกระสวยเงินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้ใดหลบอยู่ที่นั่น จงปรากฏตัวหากยังอยากมีชีวิตรอด!” เขาตวาด แล้วถีบพื้นโผนทะยาน ลอยตัวสูงติดตามเงาที่วูบหายไปอย่างรวดเร็ว
หอบรรพชน
หยุนเมี่ยงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ในยามนั้น ดูเอาเถิดเจ้าตัวไม่อยู่ แต่ยังส่งลูกหมาน้อยเกเรอีกตัว มากวนประสาทนางจนหัวหมุน
แต่เอ๊ะ ลูกหมาอีกตัวที่ทั้งอวบอ้วน จ้ำม่ำนี้เป็นลูกชายของแท่ทัพเซียวเยี่ยงนั้นหรือ เหตุใดในนิยายเรื่องเดิมที่นางเคยอ่าน ไม่ได้เขียนถึง... เด็กคนนี้โผล่มาได้ยังไง อีกอย่างน้ำเชื้อของเซียวเฮ่อป๋อ ไปฝังอยู่ในร่างสตรีนางใด ก่อนที่หยุมเมี่ยงผู้นี้จะโผล่มาที่จวนเซียว เพียงแค่คิดก็ทั้งโกรธ หงุดหงิด... ให้ตาย... นางหึงหวงหมาน้อยตัวโต ที่จ้องแต่จะเอาเปรียบนางทุกทาง
“ฮึ บิดาของเจ้าก็คือ เซียวเฮ่อป๋อเช่นนั้นรึ”
หยุนเมี่ยงถามเพื่อไขความอยากรู้ให้กระจ่าง
“ถูกต้อง บิดาคือชายชาติทหาร ที่เก่งกาจเหนือผู้ใด”
หยุนเมี่ยงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย และนางไม่อยากใจร้ายสักนิด แต่ก็เอ่ยกับเต้าเหนิงไปว่า
“ข้าไม่ได้คลอดบิดาของเจ้า ฉะนั้นเขาไม่ได้ดูดนมข้า แต่เป็นการกัด กัดแบบหมาบ้า ฝ่ายเจ้าคงเพิ่งหย่านม ข้าขอเตือนว่า อย่าได้ทำนิสัยแย่ๆ กับสตรี เยี่ยงบิดาเจ้าผู้เป็นหมาตัวโต เข้าใจที่บอกหรือไม่”
เต้าเหนิงทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนที่ดวงตาเขาจะแดงจัดอย่างรวดเร็ว
“เหนิงเหนิงหิวนม... ไม่ได้คิดกัดท่านสักหน่อย ฮื่อๆ
ข้าหิวนม เหมือนบิดานั่นแหละ!”
เด็กชายร้องโยเย พร้อมแสดงท่าขัดเคืองใจอย่างที่สุด
“ใจเย็นซีจ๊ะ... ข้าบอกแล้ว ว่าไม่มีน้ำนมให้ดื่ม แต่ข้างนอกคงพอหาให้ได้”
เต้าเหนิงยังงอแง แต่หยุดร้องเสียงดัง
“อยากกินนมจ๊วบๆ จากเต้า”
พอคนตัวอวบแก้มย้อยๆ พูดอย่างนั้น ทั้งหยุนเมี่ยง และฮึงซวนรีบเอาสองมือของตนยกขึ้นบังหน้าอกแทบจะพร้อมกัน
บ้าบอที่สุด ลูกหมาตัวนี้ เหมือนสุนัขตัวโตที่ข่มเหงหยุนเมี่ยงไม่มีผิดเพี้ยน
“ได้ ข้าจะหาแม่นมให้เจ้า รออีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น”
หยุนเมี่ยงว่าแล้วก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
ฝ่ายเด็กชายได้ยินอย่างนั้น กลับหน้าซีดสลด แล้วค่อยๆ ทรุดร่างลงไปนอนบนพื้น กระทั่งฮึงซวนเข้าไปใกล้ๆ และสัมผัสตัวเขา นางก็เอ่ยอย่างตกใจว่า
“ตัวร้อนจี๋เลยเจ้าค่ะ... สงสัยจะเป็นไข้!”