โยธกาไปจัดการล้างหน้าตาเสร็จกลับมานั่งลงตรงข้ามพี่ โจ๊กถูกตักขึ้นกำลังจะอ้าปากงับ
"เป่าก่อน มันยังร้อนอยู่เดี๋ยวก็ลิ้นพองหรอก"
คำเตือนกับสายตาของพี่ทำให้น้องหัวเราะแหะ ๆ ลืมไป จากนั้นทั้งคู่ใช้เวลากับอาหารเช้าง่าย ๆ ไม่นาน
"เดี๋ยวโยช่วยซักนะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ"
"ไม่ต้องหรอก ผ้าไม่กี่ชุดเอง พี่ซักไม่นาน"
"แต่โยอยากช่วยนี่นา นะ เดี๋ยวช่วยซักในถังเล็กนั่นก็ได้ค่ะ"
ป๊อก คราวนี้พี่ดีดหน้าผากกันเลยแหละ
ฮ่า ๆ
"เด็กทะลึ่ง ไม่ต้องเลย ถ้าอยากช่วย นั่นค่ะไม้กวาด เอามากวาดทำความสะอาด แล้วก็ถูพื้นให้เรียบร้อย"
"รับทราบค่า เดี๋ยวน้องโยจะปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดเลย"
หมั่นไส้จริง ๆ เลย ชัชญามองคนที่ยิ้มทะเล้นมาให้ ในถังเล็กที่น้องว่าน่ะ มันชุดชั้นในที่เธอแยกแช่จากเสื้อผ้าน่ะสิ
เมื่อท้องอิ่มทั้งคู่ก็แยกหน้าที่ไปทำ ชัชญาปล่อยให้น้องทำความสะอาดในห้อง มันก็ไม่ได้สกปรกอะไรหรอก แต่ก็ต้องทำเป็นปรกติอยู่แล้ว
โยธกาเพิ่งสังเกตุว่าทีวีเครื่องนี้มันเชื่อมต่อสัญญาณเนตได้ เธอเลยเปิดเครื่องแล้วก็เข้าไปในยูทูบ รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อคิดอะไรได้ มือก็พิมพ์ค้นหาเพลง ๆ หนึ่งทันที
เสียงเพลงสากลคุ้นหูดังขึ้น พร้อมกับเสียงใส ๆ ที่ร้องคลอไปด้วย ทำให้คนเป็นพี่อดยิ้มขำไม่ได้ เมื่อมองเข้าไปเห็นเจ้าเด็กตัวสูงกำลังใช้ด้ามไม้กวาดจ่อปากแทนไมค์ ทำท่าทางยังกะร้องคาราโอเกะ
แต่เพลงที่มีความหมาย และมันก็เป็นหนึ่งในเพลงสากลที่เธอชอบด้วยเหมือนกัน แล้วดูเหมือนอีกคนจะตั้งใจเพิ่มพลังเสียงของตัวเองให้ดังขึ้นอีก เมื่อร้องท่อนที่มีความหมายว่า
Tell me where i find someone like you girl
(บอกฉันทีเถอะ ว่าฉันจะหาผู้หญิงอย่างคุณได้ที่ไหนอีก)
Take me to your heart take me to your soul
(ให้ฉันเข้าไปอยู่ในใจคุณ ให้ฉันเข้าไปอยู่ในจิตวิญญาณของคุณเถอะนะ)
Give me your hand before i'm old
(ส่งมือมาให้ฉันเถอะ ก่อนที่ฉันจะแก่)
Show me what love is-haven't got a clue
(แสดงให้ฉันเห็นทีว่าความรักคืออะไร ฉันจะได้ไม่สับสน)
Show me that wonders can be true
(แสดงให้ฉันเห็นที ว่าสิ่งมหัศจรรย์นั้นมันสามารถเป็นจริงได้)
น้ำเสียงใสยังคงร้องต่อไป จนกระทั่ง จังหวะที่เธอหันไปมองและน้องก็กำลังจ้องเธออยู่เช่นกัน ทั้งสายตากับเนื้อหาของเพลงที่เปล่งออกมาจากปากสีเรื่อ
It's easy, take me to your heart
(ไม่ยากเลยแค่ให้ฉัน เข้าไปอยู่ในใจของคุณ)
**เครดิตเพลง Take me to your heart ของ Michael Learns
บ้าจริง น้องกำลังทำเธอใจเต้นแรงจนต้องเบือนหน้าหนี ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เธอกำลังเขินกับสิ่งที่น้องทำ และจากนั้นเพลงหลายเพลง ที่บ่งบอกความหมายว่าชอบ ว่าจีบว่ารัก ก็ถูกเปิดวนไปจนกระทั่งเธอซักผ้าเสร็จ
ส่วนคนที่รับผิดชอบทำความสะอาดห้องเสร็จไปนานแล้ว ตอนนี้โยธกากำลังนั่งหลังพิงเตียงนอน สายตาจดจ้องอยู่กับไอแพด ชัชญาเดินเข้ามาหลังแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม กะทิ้งไว้สักสิบห้านาทีถึงจะตาก
"เสร็จแล้วเหรอคะ"
น้องเงยหน้ามาถาม
"แช่น้ำยาปรับผ้านุ่มก่อนค่ะ จะไปอาบน้ำก่อนมั้ย"
"เดี๋ยวตอบเมลลูกค้าแป๊บค่ะ"
คำพูดนั้นทำให้คนเป็นพี่สงสัยเล็กน้อย ทีแรกนึกว่าน้องเล่นเกมอยู่ซะอีกพอเห็นว่าหน้าจอกำลังเปิดเมลอยู่ก็เลยนั่งลงริมเตียง
เห็นน้องกำลังพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป ไม่ได้ตั้งใจจะอยากรู้หรอกแต่พอจับใจความได้ว่า น่าจะเป็นการพูดถึงการเขียนเวบไซต์อะไรสักอย่าง
"มีคนจะจ้างโยเขียนเวบไซต์ค่ะ ก็เลยให้เขาไปดูตัวอย่างก่อนว่าอยากได้แบบไหน"
น้องเงยหน้ามาบอกกับเธอ
"ที่บอกพี่ว่าหาเงินเก่ง คือรับจ้างเขียนเวบไซต์นี่เหรอคะ"
คนเป็นพี่ถามแล้วน้องก็พยักหน้ายิ้มรับ
"เขียนเวบแค่รายได้อย่างหนึ่งค่ะ จริง ๆ แล้วโยก็ทำอะไรหลายอย่าง"
"ทั้งที่เรียนด้วยนี่นะ"
น้องพยักหน้าก่อนจะหัวเราะ เมื่อเธอทำสีหน้าประหลาดใจแกมทึ่ง
"เรื่องที่ทำมันก็เป็นอะไรที่เกี่ยวกับที่โยเรียนนั่นแหละค่ะ ก็แค่นำความรู้มาสร้างรายได้ให้ตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมารอเรียนจบก็ได้"
เด็กคนนี้ทำให้เธอทึ่งอีกแล้ว
"อย่างเช่นอะไรคะ"
โยธกาหันมายิ้มเมื่อคนเป็นพี่สนใจเรื่องของเธอ
"ที่ทำอยู่ก็ เขียนเกมเขียนบล็อคกับเวบไซต์ แล้วก็เขียนโปรแกรมที่ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กและนักศึกษาบ้างค่ะ แต่โยชอบทำของเด็กมันใช้ตัวการ์ตูนเป็นสื่อน่ะ โยก็จะสร้างตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ หรือตลก ๆ เป็นตัวละครพูดคุยสื่อสารกันค่ะ"
"งั้นรูปการ์ตูนที่แปะหน้าห้องก็ฝีมือเราน่ะสิ"
เจ้าเด็กพยักหน้า ไม่ธรรมดาจริง ๆด้วยนะเด็กคนนี้หาเงินได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
"เก่งค่ะ"
คำชมสั้น ๆ แต่คนพูดก็ชมมันจากใจจริง ๆ
"มันเป็นการฝึกทักษะเราด้วยค่ะ อย่างน้อยโยก็ได้คิดและทำอะไรที่ไม่ต้องมีกฏเกณฑ์มากำหนด เราใช้ความรู้ได้เต็มที่"
"แบบนี้ไม่มีคนมาจองตัวไปร่วมงานแล้วเหรอคะ"
"ก็มีนะคะ อาจารย์ก็แนะนำให้ด้วย แต่โยยังไม่รับปากใครหรอก จริง ๆ โยว่าจะไม่ทำงานประจำน่ะ อยากทำแบบอิสระมากกว่าค่ะ โยอาจจะคิดไม่เหมือนคนอื่นเท่าไหร ถ้าเราไปทำงานกินเงินเดือนก็ต้องทำงานตามที่เจ้านายสั่ง เราอาจจะเสนออะไรได้บ้าง ถ้าเกิดเจอเจ้านายที่เป็นคนใจกว้างชอบฟังความคิดเห็นคนอื่นน่ะ
แต่ยังไงมันก็ยังเป็นการจำกัดความคิดอยู่ดี โยเลยว่าจะรับงานแบบฟรีแลนด์เอาค่ะ แล้วก็ทำในสิ่งที่โยอยากทำ แล้วเราค่อยเอาผลงานเราไปเสนอแบบนั้นดูสนุกกว่าเยอะ"
ความคิดของเด็กอายุยี่สิบเอ็ดช่างน่าทึ่งจริง ๆ เพราะมันจริงอย่างที่น้องพูดนั่นแหละ การเป็นลูกจ้างก็ต้องทำงานตามคำสั่ง ทำงานในสิ่งที่ถูกมอบหมายถึงสิ่งนั้นจะไม่ชอบหรือไม่อยากทำ เราก็เลือกไม่ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่ต้องทำ
"ไม่อยากเป็นลูกจ้าง ก็เปิดบริษัทตัวเองเลยสิคะ เป็นเจ้านายตัวเองแล้วยังดูมีเครดิตมีภาษีกว่าในนามบุคคลนะพี่ว่า"
คำแนะนำของคนเป็นพี่เรียกรอยยิ้มแต้มเรียวปากบางทันที
"ก็น่าสนใจนะคะ ถ้าพี่จ๋าจะมาเป็นเลขาและดูแลการเงินให้ โยจะเปิดค่ะ"
ชัชญารู้สึกหมั่นไส้เล็ก ๆ กับข้อเสนอนั่น แต่เอาตามจริงเธอเชื่อว่าน้องมีศักยภาพที่จะทำได้แน่ เพราะมันก็ไม่ต้องใช้ทุนอะไรมากมาย สำหรับการจดทะเบียนบริษัท
"จ่ายค่าตัวพี่ไหวเหรอคะ แพงนะ"
คนเป็นพี่แกล้งถาม แต่เจ้าเด็กฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด
"เท่าไหร่ก็จะสู้ค่ะ หมดตัวแถมหัวใจเลยอ้าว"
นั่นไง หยอดได้เป็นหยอด ชัชญาส่ายหน้าทั้งยิ้มขำไปด้วย
"แล้วจะเอาที่ไหนมาจ่ายพนักงานคะให้พี่หมดแล้ว"
" งือ ก็ให้พี่จ๋าจัดการไง เหมือนที่ป๊าให้ม๊าบริหารเงินทุกบาท"
คราวนี้น้องมันเอานิ้วมาเกลี่ยวนหลังมือพี่ แล้วก้มหน้าแดง ๆ เกยกับขอบเตียง จะบ้าตาย วันนี้เด็กทำให้เธอหวั่นไหวจริง ๆ นะ
"ตกลงนี่จีบพี่อยู่ใช่มั้ย ฮึ"
น้องเงยหน้าที่ยังแดงเรื่อขึ้นมาสบตากัน
"โยไม่รู้หรอกว่าที่ทำอยู่นี่เรียกจีบหรือเปล่า แต่ที่รู้คือโยอยากอยู่กับพี่อยากใช้เวลาด้วยกันทุก ๆ นาที เวลาอยู่กับพี่แล้วโยมีความสุข และโยก็อยากทำอะไรก็ได้ให้พี่มีความสุข
โยอยากเห็นพี่มีรอยยิ้มในทุก ๆ วันโดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับโยน่ะ พี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ทำให้โยรู้สึกอยากปกป้องดูแล เป็นคนแรกที่ทำให้โยหัวใจเต้นผิดจังหวะตั้งแต่แรกเจอ นี่คือสิ่งที่โยรู้ค่ะ"
คนฟังก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เมื่อน้องสารภาพมาแบบนั้น มันยิ่งกว่าคำสารภาพรักอีกนะนั่น
"ตั้งใจเรียนให้จบ แล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้ เผื่อพี่อยากจะเป็นเลขาเด็กอายุยี่สิบสอง"
กรี๊ดดดด น้องโยอยากกรีดร้องดัง ๆน้องโยดีใจสุด ๆ เลยค่ะคุณนักอ่าน แบบนี้น้องโยก็มีลุ้นใช่มั้ย อิอิ งือ เขิน ดีใจฝุด ๆ เบย
ชัชญาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับท่าทางบิดมือถูไถไปมา แล้วยังยกขึ้นมาเกาแก้มแดง ๆ นั่นอีก เฮ้อ สงสัยเธอจะหลงเด็กเข้าแล้วกระมังแบบนี้
"ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ พี่ตากผ้าเสร็จจะได้อาบต่อ ชุดนี่ก็เอาไปใส่ตะกร้าไว้พี่ซักให้"
"นางฟ้าของเค้าน่ารักที่สุดเลย ข้างในด้วยมั้ยคะ"
ชัชญาแกล้งมองผ่านหน้าอก ก่อนจะยกยิ้มท้าทาย
"ก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่อายพี่"
"เล่นพูดดักแบบนี้โยก็อายสิคะ เค้าอาจจะโตได้กว่านี้อีกนะ"
หึ ๆ เดี๋ยว โตได้กว่านี้หมายถึงอะไร แล้วพูดเองก็อายเอง ชัชญาหัวเราะขำ
"อะไรโต หึ" ยิ่งเห็นท่าทางอายหน้าแดง เธอยิ่งอยากจะแกล้ง
"หื้อ ไม่พูดแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า"
เด็กหนอเด็กคิดทะลึ่งไปเองแล้วก็เขินเอง ชัชญาขำมองคนที่เดินไปค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้ แต่ก็ต้องเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อน้องหันมามองแล้วยิ้ม
"เสื้อโยที่พี่ใส่มา ซักหรือยังคะ"
"ซักแล้วสิคะ มันตั้งสองอาทิตย์นะใครจะมาดองไว้ล่ะ ถ้าจะใส่ก็อยู่ในตู้น่ะ"
โยธกาเปิดตู้เสื้อผ้ามองหาเสื้อของตัวเอง สายตากวาดผ่านเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีมากมายของคนเป็นพี่ มีชุดลำลองกับชุดเป็นทางการอยู่ประมาณสี่ห้าชุด นอกนั้นก็เป็นชุดใส่ทำงาน และเสื้อยืดไม่กี่ตัว
หนึ่งในนั้นก็คือเสื้อเธอที่แขวนอยู่เธอหยิบออกมาแขวนหน้าตู้ ก่อนจะหันมาเปิดกระเป๋าเป้ตัวเอง แล้วหยิบเอาเสื้อแบบเดียวกันออกมา แต่คราวนี้เป็นสีฟ้าอ่อน
"วันนี้พี่จะใส่ตัวไหนคะ"
ชัชญาก็เพิ่งถึงบางอ้อตอนนี้แหละ
"ถามจริง ๆ ทั้งตู้ที่บ้านมีแต่เสื้อแบบนี้เหรอคะ"
คนเป็นพี่ถามด้วยรอยยิ้มให้อีกคนหัวเราะ
"ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ ซื้อมาแค่โหลเดียวเอง ก็โยชอบใส่มันสบายดี เนื้อผ้ามันก็ไม่ได้บางมากหรือหนาเกินไปด้วย พี่ไม่ชอบเหรอคะ"
"เปล่า แค่ถามดู งั้นวันนี้พี่ใส่สีฟ้าก็ได้"
และนั่นก็ดูจะทำให้เด็กอยากโรแมนติกยิ้มกว้างพออกพอใจ จนอดยิ้มตามไม่ได้
"พี่จ๋า เรานั่งแท๊กซี่ไปดีกว่านะคะ อากาศข้างนอกคลึ้ม ๆ ฝนจะตกหรือเปล่าไม่รู้ จะได้ไม่ต้องไปต่อรถ"
โยธกาบอกหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จก่อนพี่ แล้วสอดส่องดูบรรยากาศอึมคลึมด้านนอก ชัชญามองผ่านลูกกรงระเบียงก็หันมาพยักหน้าให้
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องหยิบมือถือมากดโทร แต่อีกคนก็เพียงแค่ยิ้มให้
"ฮัลโหล ลุงจ่าโยเองค่ะ"
"ครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ"
"ลุงจ่าวิ่งรถอยู่แถวไหนตอนนี้"
"อ้อ ผมกำลังจะไปส่งผู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ ตอนนี้ก็อยู่แถวรางน้ำนี่แหละครับ"
"ถ้างั้นลุงจ่าส่งลูกค้าเสร็จแวะมารับโยหน่อยนะคะ จะไปแถวคลองรังสิตค่ะ"
"ได้ ๆ ครับ แต่รอหน่อยนะครับไม่รู้รถจะติดมั้ย บอกจุดมาเลยครับ"
โยธกาบอกพิกัดให้อีกฝ่ายรู้ก่อนจะวางสาย
"ลุงจ่าศักดิ์ที่เจอวันนั้นแหละค่ะ วันนี้แกหยุดก็จะวิ่งขับแท๊กซี่น่ะ ใช้บริการคนกันเองนี่แหละ สบายใจปลอดภัยด้วย"
คราวนี้คนเป็นพี่พยักหน้าพลางยิ้ม จะว่าไปเวลาเธอกลับบ้านถ้าไม่ได้มีสัมภาระที่ต้องหอบหิ้วไป ก็จะนั่งรถเมล์ไปลงที่ฟิวเจอร์จากนั้นก็นั่งรถตู้เข้าคลองอีกที
"ง่วงเหรอคะ"
เห็นคนบางคนหาวหวอดก็หันไปถาม
"นิดนึงค่ะ อากาศมันน่านอนนี่นา"
กำลังจะถามว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับหรือเปล่า แต่ภาพที่ตื่นมาในอ้อมกอดกันผุดเข้ามาในหัว ก็ทำให้เธอเลือกที่จะไม่ถามออกไป ขืนถามไปน้องอาจจะพูดอะไรกลับมาให้เธอได้อายก็ได้
"จะหลับรอก่อนก็ได้นะ ลุงเขายังไม่ถึงเร็วนักหรอก"
คนที่เหมือนว่าจะง่วงจริง ๆ พยักหน้าทิ้งตัวคว้าเอาหมอนข้างมากอดแนบใบหน้าเข้ากับความนุ่มของมัน แต่สายตาที่เหล่มองกันแล้วยิ้มแบบนั้นน่ะหมายความว่าไง
"จะนอนก็นอนค่ะไม่ต้องมายิ้ม"
นั่นยิ่งทำให้น้องยิ้มกว้างขึ้นอีก
"มานอนด้วยกันมั้ยคะ"
ชัชญาส่ายหน้า
"ไม่ง่วงค่ะ"
"แต่ถ้าอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ของโยพี่อาจจะง่วงก็ได้นะ"
ป๊าบ ฮ่า ๆ เสียงฝ่ามือพี่ ที่ฟาดลงมาที่ขา เรียกเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของเจ้าเด็กนักแหละ แอบเห็นนะว่าพี่เขาหน้าแดงด้วยล่ะ งือ น่ารักที่สุดเลย
ชัชญาไม่ได้สนใจคนที่ทำให้เธออาย ร่างบางหันหลังให้สายตาจดจ้องไปที่จอทีวี แต่ความคิดกลับไม่ได้อยู่กับสิ่งนั้นหรอก มีแต่ภาพที่เรากอดกันเมื่อเช้าฉายเข้ามาในหัว
จนเวลาผ่านไปหลายนาทีจึงแอบเหล่สายตาดูอีกคน ก็เห็นว่าน้องหลับตาพริ้ม แต่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เหมือนจะยิ้มตลอดนั่นมันน่าหมั่นไส้นักเชียว
คนที่งีบหลับไปรู้สึกตัวตอนมือถือสั่นครืด ๆ นี่แหละ โยธการีบกดรับเมื่อเห็นว่าเบอร์ใคร
"ผมอยู่ข้างล่างแล้วครับ"
"โอเคค่ะ เดี๋ยวโยลงไป"
น้องวางสายลุกขึ้นเสยผม พร้อมกับมองคนเป็นพี่ก่อนจะยิ้มให้
"เดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำแป๊บค่ะ"
ร่างสูงลุกเดินออกไปจัดการล้างหน้าให้สดชื่น ไม่คิดว่าจะหลับไปจริง ๆ
จ่าศักดิ์มองสองสาวที่เดินออกมาจากตึกก็ขมวดคิ้วหนา ก่อนระบายยิ้มออกมา เมื่อหญิงสาวอีกคนคือผู้หญิงที่เกือบโชคร้ายคืนนั้นเอง
"หวัดดีค่ะลุงจ่า"
ชัชญากล่าวทักทายอีกคนด้วยรอยยิ้ม
"ครับ ผมก็ว่าคุ้น ๆ หน้า พักที่นี่เหรอครับ"
"ค่ะ"
จ่าศักดิ์พยักหน้ายิ้ม ๆ นึกในใจว่าน้องสาวผู้กองมาอยู่นี่ได้ไง สาว ๆ เขาสนิทกันเร็วดีเหมือนกัน
"ลุงจ่าขึ้นทางด่วนเลยนะ นี่ค่ะ"
โยธกาส่งแบ้งค์สีแดงให้ไปสองใบ
"จัดไปครับ ให้ผมไปส่งที่ไหนครับ"
"คลองสี่ค่ะ"
ชัชญาเป็นคนตอบ
"บ้านคุณอยู่แถวนั้นเหรอครับ"
"ค่ะ พอดีมีเด็กบางคนอยากไปชิมก๋วยเตี๋ยวเรือแถวคลองด้วย"
คราวนี้จ่าศักดิ์หัวเราะเมื่อพอจะเข้าใจ ว่าเหตุใดโยธกาถึงมาอยู่กับสาวสวยคนนี้
"ก็อร่อยดีนะครับ ผมก็เคยไปแวะกินบ้างเหมือนกัน แต่แถวคลองสองน่ะ"
"แวะกินด้วยกันมั้ยลุงจ่า เดี๋ยวโยเลี้ยงเอง"
เด็กป๋าของแท้เลยนะเนี่ย ชัชญาอมยิ้มเมื่อมาเจอเจ้าเด็กสายเปย์เข้า ลุงจ่ายิ้มมองกระจกหลัง
"ขอบคุณครับ ผมเพิ่งกินข้าวมาก่อนส่งผู้โดยสารยังอิ่มอยู่เลยครับ"
โยธกาพยักหน้า
"วันนี้ได้ค่าแก๊สไปแล้วสิคะ"
"ครับ โชคดีหน่อยตั้งแต่เช้าได้ส่งผู้โดยสารสามคนแล้ว"
"งั้นวันนี้ก็คงจะได้ค่าแก๊สล่วงหน้าไปทั้งเดือน"
ฮ่ะ ๆ
"สาธุครับ"
"ขยันจังนะคะวันหยุดก็ยังมาขับแท๊กซี่อีก"
ชัชญาเอ่ยชมให้คนที่กำลังขับรถมองกระจกหลังแล้วยิ้ม
"ค่าใช้จ่ายมันรออยู่ครับ มีแรงก็ดิ้นรนเอา ลำพังเงินเดือนอย่างเดียวไม่พอกินหรอกครับ"
ชัชญาพยักหน้าเห็นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีคนในเครื่องแบบอย่างจ่าคนนี้ ที่เอาเวลานอกราชการ มาหาเงินโดยสุจริต
ใช้เวลาเดินทางสี่สิบกว่านาทีเพราะระหว่างทางฝนดันเทลงมา โชคดีที่แถวคลองตอนนี้หยุดตกไปแล้ว ชัชญาให้ลุงจ่าขับไปส่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่จอดติดริมคลอง
"อ่ะ ที่เหลือ ทิปค่ะ"
โยธกาส่งเงินให้ซึ่งบวกกับค่าทางด่วนที่ให้ไปก็เกินค่าโดยสารไปเป็นร้อย
"ขอบคุณครับผม"
จ่าศักดิ์กล่าวขอบคุณเด็กรุ่นลูก ที่เขานั้นแสนจะชื่นชมในความสามารถของเด็กคนนี้ไม่น้อย หาเงินเก่งกว่าผู้ใหญ่บางคนซะอีก น่าภูมิใจแทนพ่อแม่จริง ๆ