ตอนที่6

3090 คำ
      สองสาวลงจากรถแต่ก่อนที่จะถึงปากซอยที่พัก ก็มีสิ่งหนึ่งดึงดูดความสนใจของเด็กตัวสูงเข้า ร้านปลาเผาที่กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยในกระเพาะ "พี่จ๋า โยอยากกินปลาเผา" หืม ชัชญามองร้านขายปลาเผาริมถนนที่เธอเคยซื้อไปกินอยู่เหมือนกัน "แล้วกับข้าวที่เอามานี่ละคะ" น้องหันมาฉีกยิ้ม "ไก่ใส่ตู้เย็นไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ส่วนหมูกรอบมันไม่เสียอยู่แล้ว นะ โยอยากกินไม่ได้กินนานแล้ว" สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ต้องตามใจปล่อยให้เด็กตัวสูงเดินเข้าไปสั่งปลาทับทิมเผาตัวใหญ่ พร้อมกับชุดผักและน้ำจิ้มพร้อม  เมื่อได้ของกินถูกใจเจ้าเด็กตัวสูงก็ยิ้มร่า ทำเอาคนเป็นพี่อดขำไม่ได้อะไรจะขนาดนั้น "ขอแวะร้านสะดวกซื้อก่อนนะคะ" "อย่าบอกว่าจะซื้อแอลกอฮอล์นะ" น้องหัวเราะทันที "เปล่า โยแค่จะซื้อน้ำอัดลมกับน้ำแข็ง เห็นโยเป็นเด็กขี้เมาเหรอคะ" "จะไปรู้เหรอคะ นึกว่าจะเอาไปดื่มแก้คาว" โยธกาส่ายหน้าขำ "ถ้าไม่ใช่ต้องฉลองอะไรโยไม่ดื่มหรอกค่ะ" "ดีแล้ว เด็กอย่างเราควรดื่มอะไรที่มีประโยชน์ สมองจะได้มีประสิทธิภาพน่ะ" "โยชอบดื่มนมนะ" "อืม ก็ดีแล้ว" คนที่ไม่ทันคิดก็ตอบไปตามเรื่องตามราว แต่เจ้าเด็กที่กำลังแอบอมยิ้มนี่สิคิดอะไร ทั้งคู่แวะที่ร้านสะดวกซื้อปากซอย ก่อนจะพากันเดินต่อไปยังตึกที่ชัชญาพัก "ตึกก็น่าอยู่นะคะ เงียบดี สะอาดด้วย" "อืม ส่วนมากก็คนทำงานออฟฟิศอยู่กันน่ะ ก็เลยไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร" เมื่อขึ้นลิฟต์มาชั้นสามคนพี่พาเดินมาถึงห้องริมสุด ขณะที่พี่ทำการเปิดกุญแจที่มีฝาครอบลูกบิด โยธกาก็มองสำรวจและนับจำนวนห้องคร่าว ๆ ทั้งหมดชั้นนี้มีสิบแปดห้อง มีกล้องวงจรปิดและกล่องส่งสัญญาณไวไฟด้วย ประตูห้องถูกเปิดออกพี่เบี่ยงตัวให้เธอเดินเข้าไปด้านใน โยธกาเดินไปหยุดที่หน้าตู้เย็นวางของในมือลง "ก็ไม่แคบเท่าไหรนะคะ ยังเหลือที่นั่งตั้งเยอะ" น้องเอ่ยขึ้นเมื่อมองกวาดรอบ ๆ ห้องที่อาจจะแคบกว่าห้องเธอ แต่พี่เขาก็จัดทุกอย่างเข้ามุมอย่างเป็นระเบียบ เตียงนอนแบบเหล็กถูกวางชิดผนังห้องด้านหนึ่ง ตรงปลายเตียงมีโต๊ะสำหรับวางทีวีจอแบนขนาดยี่สิบสี่นิ้วพร้อมลำโพงคู่เล็ก ถัดมาก็เป็นตู้เย็นและตู้กับข้าวสะแตนเลสขนาดกำลังน่ารักลงล็อคกับมุมห้องพอดี ส่วนผนังอีกด้านคือตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง โยธกาเปิดประตูหลังห้องระเบียงกว้างสองเมตร และมีลูกกรงเหล็กดัดติดป้องกันคนข้ามมา แต่เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะข้ามมาได้เพราะตึกสร้างห้องน้ำคั่นกันเป็นช่วง ๆ ชัชญาเดินมากอดอกพิงขอบประตูมองคนที่สำรวจทุกอย่าง ราวกับจะมาตรวจตราความปลอดภัยของห้องเธอ "เป็นไงคะ น่าจะปลอดภัยมั้ยน้องสาวผู้กอง" คำเอ่ยเย้าของคนเป็นพี่ทำให้น้องหลุดหัวเราะ หลังจากเปิดไฟดูแม้กระทั่งห้องน้ำที่ดูสะอาดสะอ้าน "คะแนนความปลอดภัย โยให้เก้าสิบเลยค่ะ ส่วนอีกสิบคือเผื่อเหตุร้ายแบบไม่คาดคิดน่ะ" "สมกับเป็นสายเลือดตำรวจ ยังมีเผื่ออีก กินกันเลยมั้ย" "ห๊า! พี่จะยอมให้โยกินพี่เหรอ" "ทะลึ่ง!เดี๋ยวเถอะ กินข้าวกินปลาน่ะจะกินมั้ย" คิก ๆ "ขอโทษ ก็พี่บอกกินกันอ่ะ นางฟ้าของโยไม่โกรธนะคะ" คนทะเล้นเดินเข้าไปลูบแขนพี่ ทำตาลู่หูตก ให้คนเป็นพี่เห็นแล้วต้องเอานิ้วจิ้มหน้าผากไปด้วยความหมั่นไส้ "ไว้ใจได้มั้ยเนี่ย ฮึ" "ได้ ๆ โยพูดเล่น นะพี่อย่าถือสาเลย ป่ะ ๆ กินข้าวกินปลาดีกว่า" "เดี๋ยวเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาปูก่อนค่ะ จะได้ไม่เลอะมาก"  ชัชญาบอกก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์หลังตู้กับข้าวมาส่งให้น้อง อีกคนก็รีบจัดการทำตาม เมื่อกี้เผลอแหย่พี่เขาแรงไปชักจะไม่ดีเท่าไหร เกิดโมโหไล่เธอกลับบ้านล่ะแผนล่ม เอ้ย โปรแกรมล่มไม่คุ้มเลยนะนี่ ชัชญาหยิบถ้วยจานออกมาให้อีกคนก่อนจะเอาน้ำแข็งไปเทใส่กระติก เมื่อกลับมานั่งลงตรงข้าม ก็ต้องเลิกคิ้วเป็นคำถาม เมื่อน้องนั่งจ้องเธออยู่ "พี่จ๋า เมื่อกี้โยขอโทษนะที่เล่นแรงไปหน่อย ลืมไปว่าพี่ไม่ชอบคนกระล่อนเจ้าชู้ ต่อไปโยจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีกแล้วค่ะ" คำพูดจริงจังและแววตาคล้ายสำนึกผิด ทำให้ชัชญาอดยิ้มไม่ได้ เหมือนว่าน้องกำลังเครียดจริง ๆ ทั้งที่เธอไม่ได้โกรธอะไรเลย "พี่ไม่ได้โกรธเรานะ ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ค่ะ" "โยแค่ไม่อยากให้พี่รู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะกับสิ่งที่โยอาจจะเผลอทำมันน่ะ" "ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หรือเราไม่ได้ตั้งใจอยากจะทำร้ายพี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่นา หรือเราคิดอะไรที่ไม่ดีกับพี่ล่ะ" คนน้องรีบส่ายหน้าทันที "ไม่ ๆ มีค่ะ โยมีแต่ความรู้สึกดี ๆ กับเป็นห่วงพี่แค่นั้นแหละ เอ่อ คือจริง ๆ โยอยากทำอะไรก็ได้ ให้พี่มีความสุขน่ะ" คำสารภาพที่ถูกเอ่ยออกมา ชัชญาไม่รู้จะตีความหมายมันว่ายังไง เธอจึงได้แค่ยิ้มปลอบใจเด็กที่เริ่มคิดมาก "งั้นพี่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกแย่กับเรา กินได้แล้วค่ะ ซื้อมาตัวเบ้อเร่อจะกินหมดมั้ยน่ะ" เมื่อคนเป็นพี่พาเปลี่ยนเรื่องโยธกาถึงยิ้มออกมาได้ "ถ้าช่วยกันกินหมดแน่นอนค่ะ ไก่กับหมูกรอบพี่จะกินมั้ย" "เดี๋ยวแบ่งกินกับข้าวนิดนึงค่ะ หมูกรอบนี่เอาไว้ถึงพรุ่งนี้ จะยังกรอบหรือเปล่า" "กรอบค่ะ เอาไว้ข้างนอกนี่นะไม่ใช่ใส่ตู้เย็น" "รู้แล้วค่ะ" น้องหัวเราะขำเมื่อถูกค้อนสวย ๆ ส่งมาให้ "พี่ไม่ได้ทำกับข้าวกินเองเหรอคะ หรือที่ตึกไม่ให้ทำ" เมื่อสังเกตุว่าในห้องไม่มีพวกอุปกรณ์ทำครัวเลยนอกจากกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า "ที่จริงก็ทำได้แหละ แต่ห้ามใช้เตาแก๊ส อีกอย่างอยู่คนเดียวไม่รู้จะกินอะไรมากมาย กลับถึงห้องก็หกโมงเกือบทุ่มแล้ว วันหยุดพี่ก็ไม่ได้อยู่ด้วย ก็เลยไม่เคยทำน่ะซื้อกินเอาง่ายดี" น้องฟังแล้วก็พยักหน้า ก็จริงอะนะปากเดียวกินอะไรก็ได้ ไม่เหมือนพวกเธออยู่กันหลายคนก็ต้องทำกับข้าวทุกวัน "น้ำจิ้มไก่เป็นไงคะ" "อืม ก็อร่อยดีนะไม่เปรี้ยวมาก ม๊าทำให้เหรอ" "เปล่า โยทำเอง ไก่ก็เลาะเองค่ะ" "หืม ทำกับข้าวเป็นด้วย?" คนพี่เลิกคิ้วใส่พลางยิ้ม "ก็พอทำได้บางอย่างค่ะ ไม่ได้ทำเป็นหมดหรอก ส่วนมากป๊ากับม๊าจะทำมากกว่าน่ะ" "ป๊าของโยทำกับข้าวอร่อยนะ พี่ไม่ค่อยเห็นผู้ชายเข้าครัวสักเท่าไหร อย่างน้อยก็พ่อกับคุณตาพี่" "ม๊าบอกว่า ม๊าโชคดีมากที่ได้ป๊าเป็นสามีและพ่อของลูก เพราะป๊าไม่เคยเกี่ยงเลยว่าอันไหนหน้าที่ใคร ป๊าทำหมดค่ะ ไม่ว่าจะซักผ้ากวาดถูบ้านล้างจานทำกับข้าวรีดผ้า ป๊าทำหมดแล้วยังสอนพวกเราด้วยว่า งานบ้านทุกอย่างต้องช่วยกันทำ ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคอยทำให้" "อืม ท่านโชคดีจริง ๆ นั่นแหละค่ะ จะมีผู้ชายแบบนี้สักกี่คนในโลกน่ะ แถมยังไม่เจ้าชู้อีก" "ค่ะ โยก็ว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกพวกท่าน สักวันโยก็อยากจะทำอะไรให้คนที่โยรัก มีความสุขจนชาวบ้านอิจฉาแบบนี้แหละ" ถ้าสิ่งที่น้องพูดออกมาไม่ได้พูดแล้วจ้องหน้าเธอพร้อมกับยิ้มเขิน เธอคงไม่อะไรเท่าไหรหรอกนะ นี่พูดต่อหน้าแล้วยังจะมาเขินกันอีก จะไม่ให้เธอรู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ใช่ แต่ดูเหมือนน้องจะเขินมาก จนเผลอเอามือที่เปื้อนน้ำจิ้มปลาเผาขึ้นมาจะเกาแก้ม "เดี๋ยว" "อ๊ะ!" มือพี่ยื่นไปคว้าไว้ไม่ทันแต่ยังดีว่าโดนไปนิดเดียว "มือเลอะยังจะเอามาเกาแก้มอีกเดี๋ยวก็แสบเป็นผื่นหรอก" น้ำเสียงดุนิด ๆ กับทิชชู่เปียกถูกนำมาเช็ดคราบน้ำจิ้มที่เปื้อนข้างแก้มให้ ก่อนจะเอามาเช็ดที่มืออีกที ชัชญาช้อนตามองคนที่ใบหน้าแดงเรื่อก็อดขำไม่ได้ "เขินอะไรพี่คะ" "งือ ก็โยเขินนี่นา" มืออีกข้างกำช้อนกดกับเนื้อปลาในจานจนมันจะเละหมดแล้ว เด็กหนอเด็กคิดเองเขินเอง แก้มแดง ๆ นั่นก็น่าฟัด เอ๊ะ ชัชญาชะงักความคิดตัวเอง เธอก็ชักจะเป็นไปกับน้องแล้วนะเนี่ย "เพราะป๊าสอนให้ช่วยงานบ้าน เราเลยอาสาจะมาช่วยพี่ซักผ้าหรือไง" โถ่ นึกว่าจะไม่ถามเรื่องนี้ พี่ทำโยเขินจนตัวจะแตกแล้วนะ ชัชญากลั้นขำเอาไว้ เมื่อพอจะนึกทันความคิดของอีกฝ่าย ยิ่งน้องก้มหน้าแดง ๆ แถมพยักหน้าไปด้วยก็ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปอีก "น่ารัก" หืม คราวนี้คนเขินเงยหน้าแดงเรื่อขึ้นมามองกัน เมื่อได้ยินคำนั้น ชัชญายิ้มก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "กินต่อได้แล้ว มัวแต่เขินพี่ อิ่มหรือยัง" คราวนี้อีกคนยิ้มทั้งส่ายหน้า ก่อนมื้ออาหารเย็นที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์จะผ่านไป "อิ่มมากเลยอ่า พี่กินนิดเดียวปล่อยโยสวาปามอยู่คนเดียวน่ะ" "ก็อยากซื้อตัวใหญ่มาเองนี่คะ ไซ้ส์เล็กเขาก็มีขาย แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่กินจนไม่ดูสังขารค่ะ" คำเหน็บเล็ก ๆ ทำให้คนที่หิวจัดตอนนั้นหัวเราะแหะ ๆ "เดี๋ยวโยล้างจานเองค่ะ" เมื่อพากันเก็บซาก(ต้องเรียกแบบนั้นเพราะมันเหลือแต่หนังกับกระดูกจริงๆ) โยธกาเก็บจานช้อนใส่กาละมังใบเล็กออกไปหลังห้อง ชัชญาเดินตามออกไปเพื่อเอาผ้าขี้ริ้วมาถูพื้นอีกรอบ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงก็มาทิ้งตัวพิงเตียงดูทีวีข้างคนเป็นพี่ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว "จะอาบน้ำอีกรอบหรือเปล่า" "อาบค่ะ เหนียวตัวแบบนี้นอนไม่หลับหรอก พี่ไปอาบก่อนก็ได้ โยจุกอ่ะ" "ปวดท้องด้วยหรือเปล่า พี่มียานะ" น้องส่ายหน้า "ไม่ค่ะ แค่แน่นเฉย ๆ เดี๋ยวสักพักก็ย่อย ระบบเผาผลาญของโยยังดีอยู่" เสียงฮึในลำคอจากคนเป็นพี่ทำให้โยธกาหัวเราะเบา ๆ แหงนศีรษะพิงลงกับขอบเตียง มองหนังฝรั่งที่พี่เขาเปิดจากช่องเคเบิ้ล ผ่านไปสักพักชัชญาลุกขึ้นไปเปิดตู้เพื่อเตรียมอาบน้ำ คนน้องก็มองตามยิ้ม ๆ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่เขาแบบนี้ เวลาผ่านไปพร้อมกับที่ความง่วงเริ่มมาเยือน ดวงตาจึงพริ้มหลับเพื่อพักสายตา ชัชญากลับเข้ามาในห้องเห็นสภาพอีกคนก็หลุดยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปเอามือแตะแก้มใสจนอีกคนสะดุ้งเล็ก ๆ "ไปอาบน้ำค่ะ จะได้มานอน" คนที่เผลอหลับไปมองพี่ที่ใส่เสื้อยืดสีขาวตัวบางกับกางเกงขาสั้น และมันก็สั้นพอสมควร จนเผยต้นขาขาวสวยนั่น คนที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือ เผลอจ้องนานไปหน่อย จนนิ้วพี่จิ้มลงที่หน้าผากอีกครั้ง "มองอยู่นั่นแหละ คิดทะลึ่งอะไรอีกฮึ" คราวนี้คนเป็นน้องหัวเราะขำ ก่อนจะลุกไปค้นเอาเสื้อผ้าในเป้ "เอาผ้าเช็ดตัวมาหรือเปล่าคะ" พอน้องส่ายหน้าชัชญาจึงเดินไปเปิดตู้ หยิบผ้าเช็ดตัวออกมาให้ เจ้าเด็กยิ้มกล่าวขอบคุณ อาจจะเป็นเพราะเราเคยนอนร่วมเตียงกันมาแล้ว ชัชญาก็เลยไม่ได้รู้สึกอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น ไม่นานเด็กตัวสูงก็กลับเข้ามาในห้องทิ้งตัวลงริมเตียง "กลางคืนพี่เข้าห้องน้ำบ่อยมั้ย" "ก็ไม่ค่อยนะคะ อย่างมากก็ครั้งเดียว" "งั้นโยนอนฝั่งนี้นะ วันนี้กินน้ำอัดลมไปคงจะปวดบ่อย" "จะนอนเลยมั้ย หรือหายง่วงแล้ว" "ปิดไฟแต่เปิดทีวีได้มั้ย คิดว่ายังไม่หลับง่าย ๆ หรอกค่ะ" ชัชญาพยักหน้า เดินไปปิดไฟเหลือเพียงแสงสว่างจากจอสี่เหลี่ยม หมอนข้างสีฟ้าถูกยกมาฝั่งน้อง "อ่ะพี่ยกให้ ติดหมอนข้างไม่ใช่เหรอ" "แล้วพี่จะนอนหลับเหรอ" "หลับถ้าง่วงมาก ๆ พี่ไม่ได้ติดขนาดนั้นหรอก" แขนยาวรวบเอาหมอนข้างมากอด แถมยังเอาจมูกแนบ แอบสูดเอากลิ่นหอมจาง ๆ ที่ยังติดอยู่กับหมอนด้วย ริมฝีปากบางที่แนบอยู่ยกยิ้มเล็ก ๆ โดยที่คนเป็นพี่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะสายตายังจ้องอยู่กับจอทีวี ไร้เสียงพูดคุยนอกจากเสียงของตัวละครในหนัง พอหันมองดูคนที่นอนไม่ห่างกันโยธกาก็หลุดยิ้ม เหมือนคนเป็นพี่จะผล็อยหลับไปแล้ว หลับง่ายดีจังแฮะ สายตาน้องมองใบหน้าสวยยามที่อีกคนไร้สติ คนอะไรสวยยันหลับ เอ้ย หลับยังสวย แค่มองก็รู้สึกหวง อยากเก็บพี่เขาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้ อย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ คิดแล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจเล็ก ๆ ถึงพี่เขาจะไม่ได้รังเกียจกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคิดเหมือนกันกับที่เธอคิด เจ้าเด็กคิดอะไรไปหัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันไม่รู้ตัว สุดท้ายเมื่อภาพในทีวีขึ้นเครดิตท้ายเรื่อง โยธกาค่อย ๆ ขยับลงจากเตียงปิดทีวี แล้วออกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงที่นอนฝั่งตน ผ้านวมผืนเดียวที่จะใช้ร่วมกันถูกขยับขึ้นไปคลุมถึงช่วงอกคนเป็นพี่ ก่อนตัวเองจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกด้านถึงจะปิดไฟในห้อง แต่ก็ยังมีแสงสลัวจากไฟนอกตึก ผ่านม่านหลังห้องเข้ามาลาง ๆ โยธกาหันหลังให้คนที่หลับไปแล้ว ลำแขนกอดหมอนข้างก่อนจะพริ้มตาหลับลงไป โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่หลับอยู่เตียงเดียวกัน ปรือตาขึ้นมาก่อนจะอมยิ้มเล็ก ๆ ขยับดึงผ้าห่มที่น้องดึงขึ้นมาห่มให้เข้าที่ ก่อนจะหลับคำว่า "น่ารัก" ก็ยังผุดขึ้นมาในหัวของชัชญา จนเผลอยิ้มออกมา      ความอุ่นด้านหน้ากับความเย็นที่สัมผัสแผ่นหลังบาง รู้สึกมันจะแปลกไปหน่อย ชัชญาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง หากทว่าเสียงครางอือเบา ๆ ที่ได้ยิน แถมสิ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นหมอนข้างในตอนแรก กำลังขยับเขยื้อน นั่นแหละ ถึงนึกได้ ว่าเมื่อคืนมีคนมานอนร่วมเตียงด้วย ดวงตาสวยค่อย ๆ ปรือขึ้นช้าสิ่งที่เห็นชัดตอนนี้ คือช่วงลำคอขาวของน้องที่เธอแทบจะมุดซุกอยู่ แล้วนี่เรานอนยังไง ทำไมถึงได้มาอยู่ในอ้อมกอดกันแบบนี้ แขนน้องพาดก่ายลำตัวเธอไม่ได้กอดรัด แต่แขนเธอนี่สิที่กอดอีกฝ่ายเป็นหมอนข้างเลย ตาย ชัชญาจะโทษน้องว่าฉวยโอกาสไม่ได้นะแบบนี้ เมื่อคืนจำได้คล้ายว่าในฝัน ไปติดฝนที่ไหนสักแห่ง แล้วในฝันคนที่อยู่ด้วยกันก็ดันเป็นน้องนี่สิ เหมือนว่าโยธกาจะถอดเสื้อแจ๊คเก็ตมาห่มเราสองคน ถ้าจำไม่ผิดคนน้องโอบกอดเธอเพื่อให้ความอบอุ่นนั่นแหละ บ้าจริง ฝันเป็นตุเป็นตะ แล้วหมอนข้างหายไปไหนละนั่น แถมผ้าห่มยังลงไปกองอยู่ที่สะโพก ถึงว่าสิทำไมเย็นหลังแปลก ๆ คนเป็นพี่ค่อย ๆ ยกแขนอีกฝ่ายออก แต่คนรู้สึกตัวไวอย่างโยธกาก็ตื่นทันทีเหมือนกัน "อือ หนาว" ตาที่ปรือขึ้นอย่างงัวเงียเล็กน้อย กับคำพูดที่เอ่ยออกมา ชัชญาขยับตัวออกมามองหน้าอีกฝ่าย "ก็นอนดิ้น แล้วหมอนข้างไปไหนคะ" ใบหน้าใสขมวดมุ่นเล็กน้อย ก่อนจะยันข้อศอกลุกขึ้น หันไปมองข้างเตียง "เหอ ๆ อยู่ข้างล่างค่ะ" รอยยิ้มน่าหมั่นเขี้ยวถูกส่งมาให้แต่เช้า คนพี่อดไม่ไหว เลยยื่นมือไปบีบจมูกอีกฝ่าย ให้น้องหัวเราะหน้าเป็น  "อาหารเช้า มีโจ๊กซองกับหนมปังนะคะ กินรองท้องไปก่อน" คนเป็นพี่บอกก่อนจะลุกจากเตียงไปจัดการล้างหน้าล้างตา ปล่อยให้น้องมองตามไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่ใช่จะไม่รู้ตัวหรอกนะ ที่เมื่อคืนคนเป็นพี่จู่ ๆ ก็ขยับมากอดกันกลางดึกน่ะ ตอนแรกก็ปล่อยให้พี่เขากอด แต่พอพี่เขาเผลอมุดรัดกันแน่นเข้า เธอเลยต้องหันกลับมากอดตอบนั่นแหละ รู้สึกดีชะมัดเลย ตัวพี่ทั้งนุ่มทั้งหอม คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มบ้าบออยู่คนเดียว ชัชญากลับเข้ามาในห้องเห็นน้องกำลังจัดการทาแยมกับขนมปัง เจ้าเด็กเงยหน้ามายิ้มให้ "พี่จะกินโจ๊กด้วยมั้ย หรือเอาแค่หนมปัง" "ก็ได้ค่ะ กว่าเราจะได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวจะหิวซะก่อน" น้องพยักหน้า จัดการฉีกโจ๊กสำเร็จรูปใส่ถ้วย ชัชญาจึงไปยกเอาตะกร้าผ้าออกไปหลังห้อง จัดการแช่แล้วกลับเข้ามากินขนมปังที่น้องทำไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม