“เฮ้ย! มันกำลังจะหนีรีบตามไปเร็ว!”
“เฮ้ย! ทำเพื่อนกูแล้วจะหนีเหรอ! มึงไม่ตายดีแน่!”
“กรี๊ด!!!!!”
“เฮ้ย! เฮ้ย ๆๆ” ฉันหลับหูหลับตากรี๊ดแล้ววิ่งไปที่รถทั้งที่มือยังกระชากคอเสื้อเขาตามมาด้วยทำให้เขาร้องออกมา น่าจะกำลังจะล้มรึเปล่าแต่ฉันไม่สน ฉันสนแค่ต้องพาตัวเองกับเขาออกไปจากสถานการณ์น่าโดนกระทืบตายให้ได้ก่อน
“หยุด! มึงคิดว่ามึงจะหนีพวกกูได้เหรอวะ!
“กรี๊ด!!! อย่าขู่สิยะ!”
ปัง!
ปัง!
“เฮ้ย! เฮ้ย ๆๆ”
บรื๊น!!!!!
ไม่ใช่เสียงปืนแต่มันคือเสียงเราสองคนปิดประตูรถในเวลาไล่เลี่ยกันต่างหาก โชคดีที่ฉันกดรีโมทสตาร์ทรถเอาไว้พอขึ้นรถได้ก็รีบเหยียบรถออกมาทันที เหยียบแรงมากจนไอ้พวกนั้นร้องแล้วหลบกันแทบไม่ทัน
“ฮือ!!!” พอขับรถออกมาได้ พอได้ยินเสียงล้อรถลากไปกับถนนฉันก็ปล่อยโฮออกมาจนเสียงดังลั่นรถ
“หลุดมาได้แล้วเธอร้องไห้ทำไมวะ” เขาหายใจหอบเหนื่อยพร้อมกับถามฉันไปด้วย
“ฮึก! กล้าถามนะ! อยู่ในจังหวะเสี่ยงตายรอดมาได้ใครจะไม่ร้อง!” ฉันหันไปวีนใส่เขาแล้วก็ร้องไห้ไปด้วยขับรถไปด้วยต่อ
โคตรโกรธเขาเลยที่ทำให้ชีวิตฉันแขวนอยู่บนเส้นด้ายไปหลายนาที แต่ก็ดีใจมากเหมือนกันที่เขารอดมาได้ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพโดนรุมกระทืบตาย
“เธอแม่งโคตรบ้า”
“คุณไม่บ้าเลยสิ”
“ฉันบ้าแต่มันเป็นปัญหาของฉันไง”
“จะบอกว่าฉันไปสะ...ไปยุ่งงั้นสิ” ดีนะที่พอมีสตินิดหน่อยไม่งั้นคำว่าเสือกหลุดออกจากปากอีด้าแน่
“เปล่า ยังไงก็ขอบคุณด้วยแล้วกัน ถ้าไม่ได้เธอฉันคงโดนหมาหมู่รุมกระทืบไปแล้ว”
“...อือ” แล้วจะเขินทำไมด้า แกต้องโกรธเขาสิ แกต้องโกรธที่เขาใจร่านจนเกือบโดนรุมกระทืบตาย
“อ่าส์~ มึนหนักเลยว่ะ ตอนแรกก็มึนนิดเดียวแต่พอกระทืบไอ้นั่นสงสัยออกแรงเยอะไปหน่อย” เหอะ! เมานิดเดียว? พูดมาได้นะว่าเมานิดเดียว เสียงเขาอ้อแอ้มาตั้งแต่ยัยนั่นเดินเข้าไปอ่อยแล้วเถอะ
เมาค่ะ เขาเมาพอสมควรแต่เขาแค่ยังประคองตัวเองแล้วก็ต่อยกับคนอื่นได้เชื่อฉันเถอะ
“ถ้างั้นคุณก็นอนเถอะเดี๋ยวฉันไปส่งคุณที่คอน...โรงแรม เดี๋ยวฉันไปส่งคุณที่โรงแรมคุณพักโรงแรมเดิมใช่ไหม” เกือบไปแล้วด้าเอ้ย เกือบหลุดคำว่าคอนโดเพราะถ้าหลุดเขาสงสัยแน่ว่าทำไมถึงพูดว่าคอนโดมากกว่าโรงแรม
คือแบบนี้ค่ะ ฉันตามเขาจนรับรู้ว่าอาทิตย์ก่อนเขาย้ายเข้าไปอยู่คอนโดไม่ได้อยู่โรงแรมแล้ว แถมคอนโดของเขายังอยู่ใกล้คอนโดฉันด้วย ใกล้ชนิดที่ว่าห่างกันแค่สามเสาไฟฟ้าแค่นั้นเอง
บอกตามตรงนะคะว่าตอนที่รู้ด้าคิดว่าบุพเพกำลังจะอาละวาดแล้วแน่ ๆ >/////////<
“เพื่อนค่ะ เพื่อนฉันที่ไปเที่ยวด้วยกัน”
“นี่เธอทิ้งเพื่อนมา?”
“เปล่า มารถคนละคัน แค่โทรมาถามเพราะเห็นฉันออกมาก่อน”
“อื้ม”
“คุณหิวรึเปล่า”
“ไม่นะ เธอหิวเหรอ”
“ก็นิดหน่อย ความจริงฉันเพิ่งไปถึงผับได้ไม่นาน แต่แค่เดินออกไปเอาของที่รถแล้วดันเห็นคุณมีเรื่องซะก่อน”
“ก็เลยไม่ได้เที่ยวงั้นสิ”
“อื้อ ก็ประมาณนั้น” ลองดูค่ะ ลองบอกว่ายังไม่ได้เที่ยวเผื่อได้ต่อเวลาให้ได้ใกล้กันอีกสักนิด
เฮ้อ! เพิ่งตัดสินใจว่าจะตัดใจแท้ ๆ แต่ผ่านไปไม่ทันไรตดยังไม่ทันหายเหม็นความแรดในตัวไอด้าก็ทำงานต่อซะแล้ว
“ถ้างั้นคุณอยากดื่มกับผมหน่อยไหม ทดแทนที่ไม่ได้เที่ยวไง” อะไรของเขา ทำไมสรรพนามเปลี่ยนไป
“ฮ่า ๆๆ ไม่ดีหรอกมั้งฉันว่าคุณเมาแล้ว คุณน่าจะกลับไปนอนมากกว่า” แกล้งหัวเราะปฏิเสธไปงั้นล่ะค่ะ วางฟอร์มนิดหน่อย
“เมาแค่นิดหน่อยแต่อยากเมากว่านี้” ทำไมพี่วิลดูเหมือนคนที่แอบเก็บปัญหาไว้ในใจยังไงก็ไม่รู้ เขามาดื่มเพราะมีปัญหารึเปล่า
“คุณอยากดื่มต่อเหรอคะ”
“ประมาณนั้น ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ ดื่มที่สวนในคอนโดก็ได้”
“ฮะ?”
“สวนคอนโดคุณก็ได้ ไปที่คอนโดคุณเลย ดื่มเสร็จเดี๋ยวผมเดินกลับเอง”
“...ไม่ได้คิดจะทำอะไรฉันใช่ไหมเนี่ย” ฉันหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เพราะถึงจะชอบแค่ไหนก็แอบกลัวโดนทำมิดีมิร้ายโดยที่ไม่ได้เต็มใจเหมือนกัน
“ใครจะคิด? คุณห่างไกลจากคำว่าสเป็คของผมเยอะมากเลยล่ะ”
“เหอะ! โอเค ดื่มก็ดื่มเดี๋ยวแวะซื้อเครื่องดื่มก่อนแล้วกัน” ฉันแค่นเสียงใส่เหมือนหมั่นไส้ แต่ความจริงฉันกลบเกลื่อนความช้ำใจต่างหาก
ห่างไกลคำว่าสเป็คงั้นเหรอ?
แค่ได้ยินคำนี้สมองซีกซ้ายก็มีภาพพี่ไอริสปรากฏขึ้นส่วนสมองซีกขวาก็มีภาพฉันอยู่ข้าง ๆ
เฮ้อ! ไม่ใกล้แล้วก็ห่างไกลสเป็คเขาจริง ๆ นั่นแหละไอด้าเอ้ย
ฉันเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วขับรถไปที่ร้านสะดวกซื้อก่อนที่จะหมดเวลาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขาก็เข้าไปด้วยแถมยังหยิบเบียร์กระป๋องมาตั้งหนึ่งโหล
“นี่จะดื่มกี่วันเนี่ย”
“แค่คืนนี้แหละ” เขาพูดแล้วเดินไปจ่ายเงินฉันเลยไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากเดินตามแล้วเราสองคนก็ไปที่สวนของคอนโดฉัน
“อ่าส์!”
“เหมือนคุณมีอะไรในใจรึเปล่า” เรานั่งดื่มกันเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่แต่ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาแถมยังถอนหายใจหนักด้วยฉันเลยอดถามไม่ได้
“ผมเหรอ...นิดหน่อย”
“อื้ม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ” คงเป็นปัญหาหนักจริง ๆ เพราะตอนพูดอาการของเขาไม่ดีเลย
“อื้ม แล้วคุณชื่ออะไร”
“คะ”
“คุณชื่ออะไร เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยเจอกันตั้งหลายครั้งแล้ว” จำได้ด้วยเหรอว่าเจอกันตั้งหลายครั้ง ถึงแต่ละครั้งจะไม่ค่อยน่าจดจำแต่พอเขาจำได้ใจคนแอบชอบมันก็เต้นไม่ปกติเลยล่ะ
“ไอด้าค่ะ”
“ไอ...ด้า” เขาได้ยินชื่อฉันแล้วก็เงียบ เรียกชื่อฉันไม่ต่อกันด้วยซ้ำ สงสัยชื่อฉันเหมือนชื่อแฟนเก่าเขามากเกินไปมั้ง
“ค่ะ ไอด้า” ไอด้าไม่ใช่ไอริส
“ชื่อคุณเพราะดีนะ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“วิลเลียม เรียกผมว่าวิลก็ได้”
“วิล?” พอได้เรียกชื่อเขาต่อหน้ามันก็ใจเต้นมากเลยนะคะ
“อื้ม เรียกแบบนี้แหละผมชอบให้เรียกชื่อผมสั้น ๆ”
“ได้เหรอคะ เราไม่สนิทกันนะ”
“ได้สิ อย่างน้อยคุณก็ช่วยชีวิตผมแล้วเราก็ได้เสี่ยงตายมาด้วยกันแล้วไง ผมยกให้คุณเป็นคนสนิทคนหนึ่งของผมเลยแล้วกัน”
“ฮ่า ๆๆ โอเคค่ะ...วิล”
“คุณ”
“อื้ม”
“เรื่องวันนั้นขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“วันไหน วันที่ไปตามหาเด็กน่ะเหรอ”
“ค่ะ แต่ฉันไม่ใช่แม่เล้านะ ฉันไปตามเด็กในสังกัดที่แอบไปขายตัวจริง ๆ”
“ผมรู้” เขาหันมามองแล้วยิ้มให้ ยิ้มขำด้วยทำฉันหน้าเหวอเลย
“คุณรู้เหรอ”
“อื้ม ตอนเดินขึ้นห้องเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทางเหมือนพวกพริตตี้นางแบบเดินโอบกับคนต่างชาติแก่ ๆ เข้าห้องแรก คิดว่าน่าจะใช่”
“ไม่น่าจะหรอกแต่ใช่เลยล่ะ 3001 แต่แต่ฉันจำผิดเป็น 3010”
“หึ ๆๆ”
“ว่าแต่รู้แล้วทำไมไม่รับคำขอโทษล่ะคะ”
“โดนคนเมาไปทุบประตูก่อกวนการนอนดึกดื่นแถมพูดไม่รู้เรื่องใครจะไม่หงุดหงิดจริงไหม”
“แหะ ๆๆ นั่นสิเนอะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ” ฉันยิ้มแหย ลืมคิดในมุมของเขาเหมือนกันเพราะคิดแต่มุมของตัวเอง แย่เหมือนกันนะไอด้า
“ไม่เป็นไรหรอก ดื่มกันดีกว่า” เขายิ้มแล้วเปิดเบียร์อีกกระป๋องก่อนจะยกขึ้นดื่ม ดื่มไปเยอะเลยพอดื่มเสร็จก็มองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับว่าในใจเขากำลังมีเรื่องทุกข์ใจมากมาย
ฉันว่าพี่เขาดูเป็นคนเก็บความรู้สึกนะคะ ดูเขาไม่มีความสุขแต่พยายามทำตัวให้ปกติ ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหมแต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
อยากรู้นะแต่ไม่กล้าถามเพราะเราสองคนถึงฉันจะรู้จักเขามานานแต่เขาไม่รู้จักฉันไง สถานะตอนนี้ก็แค่คนไม่รู้จักที่เพิ่งรู้จักโดยบังเอิญ เห็นเขาดูไม่มีความสุขก็ไม่รู้จะถามหรือปลอบในสถานะอะไรถ้างั้นสิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่นั่งเป็นเพื่อนเขาแบบนี้ก็แล้วกัน
- เวลาต่อมา –
“พี่วิล” ฉันเรียกเขาเบา ๆ คิดว่าเขาเมาแล้วเลยถือโอกาสเรียกเขาว่าพี่ไปซะเลย
“อื้อ~”
“ไหวไหมเนี่ย”
“ไหว~” ไม่น่าจะไหวแฮะ ดูจากการลุกแล้วพยายามยืนให้ตรงก็ไม่ไหวแล้ว
“แต่ฉันว่าไม่ไหวนะ”
“ไหว ๆ โอกาสหน้าคงได้เจอกันนะไอด้า~” เขาหันมาบอกลาฉันแล้วเดินเซ แต่เดินได้สามก้าวก็แทบล้ม
หมับ!
“เฮ้อ! พอ ๆ เดี๋ยวฉันไปส่ง” ดีนะที่ฉันขยับไปรับทันไม่งั้นคงล้มลงไปกองที่พื้น ได้แอบกอดเขาแล้วรู้สึกดีมากเลยนะคะ ตัวหอมเป็นบ้า
จะว่าไปก็อยากขอบคุณนายบอยอะไรนั่นเหมือนกันนะเพราะถ้านายนั่นไม่มาเจอป่านนี้ยัยนมโตคงเป็นคนที่ได้กอด แล้วก็ได้ทั้งจูบทั้งลูบทั้งคลำพี่วิลไปทั้งตัวแล้ว
ฉันพยุงเขาไปที่ลานจอด พาขึ้นรถแล้วก็ตรงไปที่คอนโดของเขาทันที
“วิล วิล...พี่วิล” ฉันเรียกเขาที่นั่งเมาสะลึอสะลืออยู่ข้าง ๆ
“อื้ม~”
“ถึงแล้ว อยู่ห้องไหนคะ”
“ห้อง...ห้องข้างบน~”
“เฮ้อ! รู้ว่าข้างบน แต่อยู่ห้องไหนจะได้ให้รปภ. ช่วยพาไปส่ง”
“รปภ.?”
“อื้อ ฉันไม่มีปัญญาพะยุงขึ้นไปส่งคนเดียวหรอกนะ ตัวหนักอย่างกับควาย”
“ห้อง~ ห้อง 2002 ใช่ ๆ 2002”
“ใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่ ๆ นี่ไงคีย์การ์ด” เขาตบกระเป๋ากางเกงแล้วก็ยิ้มฉันเลยลงรถแล้วพยุงเขาไปหารปภ. เพื่อให้ช่วยฉันพยุงเขาไปส่งข้างบน
“ขอบคุณมากนะคะ” พอถึงหน้าห้องเขาฉันก็ขอบคุณ พี่รปภ. พี่รปภ. เดินลงไปก่อนแต่เดี๋ยวฉันก็ตามลงไปเหมือนกัน ขอเข้าไปส่งเขาให้เรียบร้อยก่อนเพราะดูสภาพไม่น่าจะทำอะไรไหว
ฟุบ!
“เฮ้อ! นอนตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ” ฉันพยุงเขาที่ทิ้งตัวมาก ๆ มาที่โซฟา จากนั้นก็ถอดรองเท้าถุงเท้า เปิดแอร์ให้เขาเพื่อให้เขานอนสบายขึ้น
“โอเค แอร์ไม่เย็นเท่าไหร่น่าจะนอนได้ ถ้างั้นฉันกลับแล้วนะคะ” ฉันบอกเขาที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าหลับไปแล้วรึยังเพราะเขาหลับตาก่อนจะหันหลังเพื่อกลับคอนโดตัวเอง
หมับ!
“ไอด้า”
“...คะ” ฉันหันหลังกำลังจะกลับแต่เขาที่นอนอยู่ก็คว้ามือฉันไว้ซะก่อน
“ขอบคุณมากนะที่ดื่มเป็นเพื่อน” เขาพูดแล้วก็มองหน้าฉัน สายตาของเขาทำฉันใจสั่นมากเขาจะรู้บ้างรึเปล่า ถึงจะเมาแต่มันก็สวยแล้วก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณคุณเหมือนกันที่ดื่มเป็นเพื่อน วันนี้ฉันสนุกมาก” ตอนนั่งคุยเราคุยกันสัพเพเหระ ถึงเขาจะเมาไปบ้างแต่ก็คุยสนุกดีแถมฉันยังได้อาศัยความเมาของเขาเพื่อมองหน้าเขานาน ๆ ตั้งหลายครั้ง
“ไม่หรอก ผมต้องขอบคุณมากกว่าที่ดื่มเป็นเพื่อน...วันนี้โคตรเป็นวันที่แย่เลย” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาไม่ได้ทำให้บางอย่างที่ฉันสัมผัสได้ตั้งแต่ต้นหายไป เขากำลังอยู่ในความเศร้าจริง ๆ ด้วย
สีหน้าเขาไม่ดีเท่าไหร่ทำให้ฉันหันกลับไปทั้งตัวแล้วนั่งลงที่พื้นข้างโซฟา
“คุณมีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ” ฉันรู้ว่าสติเขาตอนนี้ไม่สมประกอบก็เลยอาศัยจังหวะนี้แหละเพื่อถาม แล้วพอถามเขาก็จับมือฉันไว้แล้วบีบแต่แรงบีบมันไม่ได้เบาเลย
“...” เขาบีบแรงมาก บีบเหมือนคนที่กำลังพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้
“คุณคุยกับฉันได้นะอย่างน้อยก็เอว่าระบายออกมาแล้วมันจะดีขึ้น
“...” ฉันพูดออกไปเขาก็ยังเงียบเหมือนเดิม เงียบแล้วก็จ้องหน้าฉันแต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือในตาของเขามีน้ำตาคลออยู่
“วิล คุณเป็นอะไรคะ”
“...ผมเหงา”
“คะ?” ฉันไม่เข้าใจอาการของเขาแต่พอพูดจบเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเอามือข้างที่ไม่ได้บีบมือฉันมาจับที่แก้มจนใจฉันสั่นไม่เป็นจังหวะในทันที
“คุณ...อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม...ไอด้า”
“อะไรนะ...อื้อ~”