ทั้งสองคนเดินพูดคุยกันในลักษณะที่เป็นกันเองเหมือนเพื่อนหรือคนสนิทกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เมื่อเดินมาถึงหน้าช็อปก็เป็นเวลาเดียวกับที่อินทวิชญ์กับนิ่มอนงค์และ...เด็กชายอินทวรัชญ์มาถึงพอดี ทั้งสองฝ่ายเดินเข้ามาประจันหน้ากันแบบนิ่ม ๆ ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแปลบปลาบวิ่งชนกันอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นทางนิ่มอนงค์ที่ไม่ได้อยากเจอหน้ากับผู้เป็นอาทายาททางสายรองของปู่สักเท่าไรนัก ส่วนอีกคู่ก็คืออัยวากับอินทวิชญ์ แต่ไม่ว่าใครจะรู้สึกอย่างไรอัยวาก็เหมือนจะไม่รับรู้ไปชั่วขณะ สายตาของเธอจับจ้องไปเพียงที่ร่างอวบกลมที่จับมือกับชายหนุ่มคนนั้นอย่างตื่นตะลึงจนแทบจะควบคุมสีหน้าอาการของตัวเองไม่อยู่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกลึก เธอต้องสะกดกลั้นมันไว้ให้ได้ ในขณะที่ดวงตากลมแป๋วที่คล้ายกับดวงตาอีกคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเธออยู่และส่งยิ้มแพรวพราวมาให้ด้วย
เป็นปรเมศวร์ที่เดินไปกล่าวบทสนทนาก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับคุณอวิ๋น หนูนิ่ม”
“สวัสดีค่ะอาเมศวร์ มาเที่ยวกับคุณเลขาเหรอคะ”
“อากับคุณอัยวาเรามาดูของขวัญให้คุณมาเรียมที่จะเดินทางมาจากมาเลเซียอาทิตย์หน้านี้”
“คุณมาเรียม? ใครคะอาเมศวร์”
คำถามบ่งชี้ว่านิ่มอนงค์ไม่รู้จักคู่ค้าคนสำคัญของธุรกิจ ก็แน่ล่ะ ตำแหน่งของเธอในอัครากรุ๊ปแทบจะเรียกว่าไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรนักเมื่อเทียบกับปรเมศวร์
“คนที่จะลงทุนเปิดสาขาที่มาเลเซียกับเราน่ะ”
นิ่มอนงค์หน้าถอดสีไปชั่วขณะ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา เธอพอรู้คร่าว ๆ เรื่องการขยายสาขาของอัครากรุ๊ปไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในโพรเจกต์ใหญ่นี้ จึงไม่มีรายละเอียดนัก
“อ้อ เหรอคะ นิ่มกับพี่อวิ๋นก็กำลังมาดูกระเป๋าที่ช็อปนี้เหมือนกันค่ะ”
หญิงสาวหันไปจะควงแขนคู่หมั้นแต่เจ้าก้อนกลม ๆ ที่แต่เดิมยืนอยู่อีกข้างหนึ่งของเขากลับขยับเข้ามาอยู่ตรงกลางมือข้างหนึ่งเกาะขากางเกงเขาไว้แน่น อินทวิชย์ก้มดูหลานชายก็เห็นว่าทำตัวม้วนก่อนจะเงยหน้ามองไปทางปรเมศวร์กับผู้หญิงคนนั้นแล้วก้มหน้าลง แก้มยุ้ย ๆ มีสีแดงคล้ายอาการเขินอาย
ปรเมศวร์เห็นท่าทีน่าเอ็นดูของเด็กชายจึงเอ่ยถาม
“เด็กคนนี้?”
“หลานชายผมเองครับ...โฟล์ก สวัสดีสิครับ”
“สวัสดีครับ”
เด็กชายพนมมือขาวป้อมขึ้นมาเอ่ยคำสวัสดีที่ค่อนข้างตะกุกตะกัก พอเอ่ยจบก็เอาหน้าซุกเข้ากับหน้าขาแกร่งของชายหนุ่มขยับหน้าไปมา ทำให้อินทวิชญ์เข้าใจปฏิกิริยาของหลานชายทันที ถึงกับรำพันในใจ
‘เจ้าเด็กนี่!’
เห็นผู้หญิงสวยไม่ได้เลยนะ ตอนที่เด็กชายเห็นนิ่มอนงค์ก็ไม่ได้มีท่าทางแบบนี้ แต่กับผู้หญิงใจร้ายคนนี้ทำไมถึงเก็บอาการไม่อยู่จนชัดเจนขนาดนี้ไปได้
“โฟล์กจะซุกน้าอวิ๋นทำไมครับเนี่ย”
เด็กชายยิ่งเบียดตัวเข้าหาขาของผู้เป็นน้ามากขึ้น แทบจะแทรกเข้าไปอยู่หว่างขาอยู่รอมร่อ
“คงจะเขินสาวแน่เลยใช่มั้ยครับ”
ปรเมศวร์พูดกลั้วหัวเราะนึกเอ็นดูหลานชายของอินทวิชญ์ที่หน้าเหมือนน้าชายอย่างกับแกะ ด้วยวัยของเขาเองก็พอเหมาะพอควรที่จะมีเด็กวัยสี่ห้าขวบเรียกพ่อได้แล้ว แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบทำให้ครองตัวเป็นโสดมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ทว่าหากทุกอย่างยังดำเนินไปด้วยดี มีเธออยู่ข้างกายแบบนี้ ก็คิดว่าอีกไม่นาน...
“เข้าไปดูของข้างในช็อปกันเถอะครับ” ปรเมศวร์หันไปพูดกับอัยวาที่ยืนเงียบด้วยสีหน้าสงบ
“ค่ะ”
^
^
^
***ขอกำลังใจด้วยนะค้า ต้องการกำลังใจเป็นคอมเม้นกับหัวใจอย่างมากล้น จะรีบมาอัปให้ค่า