วัดส่วนสูง…7/1

1302 คำ
ปรเมศวร์กับอัยวาเดินเข้าไปในช็อปโดยมีพนักงานงานเข้ามาให้การต้อนรับรวมถึงด้านของนิ่มอนงค์กับอินทวิชญ์ด้วย นิ่มอนงค์นั้นมีพนักงานขายส่วนตัวมาคอยดูแลเธออย่างดีอยู่แล้ว อินทวิชญ์จึงไม่เข้าไปใกล้ปล่อยให้คู่หมั้นสาวเลือกตามสะดวกเขามีหน้าที่จ่ายเงินและอีกหน้าที่หนึ่งตอนนี้คือ คอยดูเจ้ารถเต่าโฟล์กไม่ให้วิ่งไปเกาะแกะหรือก่อกวนใครเขา “น้าอวิ๋น น้าอวิ๋น” “อะไร ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะเราน่ะ” เขาถามหน้ามุ่ย รู้ใจหลานชาย นี่มันเจ้าชู้แต่เด็กได้ใครกันนะ “ฮิฮิ” เด็กชายหัวเราะกลบเกลื่อนความอายแล้วรีบผลุบหัวหลบไปเมื่ออัยวาหันมามอง “อายก็ไม่ต้องไปมองเขามาก เดี๋ยวเขาจะรำคาญเอา” คนเป็นน้าพูดเสียงโทนเย็นขึ้นอีกระดับ “สวย” “ก็งั้น ๆ” “สวยยย” เจ้าโฟล์กเต่าเถียงน้าแบบไม่ยินยอมอินทวิชญ์จึงเบะปากยกมือขึ้นปิดตาหลานชายไม่ให้มองไปที่อัยวากับปรเมศวร์ที่กำลังเดินดูสินค้าในช็อปอยู่ด้วยกัน “ส่วนของคุณอยากได้อะไรเลือกได้เลย ถือเป็นโบนัสพิเศษจากผม” “ค่ะ ดิฉันเลือกไว้แล้ว แต่บอสคงไม่ไปหักจากเงินเดือนของดิฉันนะคะ” เจ้านายหนุ่มหัวเราะจนตาหยี “เห็นผมเป็นเจ้านายแบบไหนกันนี่ รับรองไม่มีหักจากเงินเดือนคุณแน่นอน” มีบางคนได้ยินแล้วอยากจะอาเจียน ได้แต่ลอบเบะปากในใจ อัยวาเลือกของขวัญให้ตัวเองเป็นต่างหูคู่เล็กที่ราคาถูกสุด ปรเมศวร์คิดไว้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องเลือกของที่มีมูลค่าน้อยที่สุดเท่าที่จะหาได้ แต่พอมันอยู่บนร่างกายของเธอกลับดูเลอค่ากว่าราคาจริงของมันหลายเท่าตัว ปรเมศวร์เลือกของให้คู่ค้ากับมารดาโดยมีอัยวาช่วยออกความเห็น ส่วนนิ่มอนงค์ถูกใจกระเป๋าคอลเลกชันใหม่ที่พนักงานนำเสนอ แต่ตัดสินใจเลือกสีไม่ถูกระหว่างสีชมพูกับสีเขียว “พี่อวิ๋นช่วยนิ่มดูกระเป๋าหน่อยสิคะ ว่าสีไหนดี?” นิ่มอนงค์เดินมาดึงมืออินทวิชญ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาช่วยเธอตัดสินใจ ชายหนุ่มกำลังยืนดูหลานชายที่พยายามพาตัวไปอยู่หลังเชลฟ์เพื่อแอบมองอัยวาหันมามองคู่หมั้นสาว “ครับน้องนิ่ม” ก่อนจะหันไปเรียกหลานชาย “โฟล์กมาตรงนี้กับน้าอวิ๋นก่อนครับ” เพราะปล่อยให้เดินไปเดินมาเองเกรงว่าคงได้จ่ายค่าเสียหายให้ทางร้านในไม่ช้านี้แน่ เด็กชายเดินมาหาอย่างว่าง่าย “พี่อวิ๋นว่าใบไหนดีคะ” “สีชมพูสวยหวานเหมาะกับน้องนิ่มครับ” เสียงพูดไม่ดังแต่ก็ไม่เบานัก หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงได้ยินถนัด อินทวิชญ์ช่างทำหน้าที่คู่หมั้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจริง ๆ นิ่มอนงค์จึงเลือกใบสีชมพู อินทวิชญ์ยื่นบัตรดำให้พนักงานนำไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้แฟนสาว “ขอบคุณนะคะพี่อวิ๋น” สองมือเรียวยกขึ้นคล้องลำแขนแกร่งที่สอดมือล้วงกระเป๋าอยู่ ทว่าจู่ ๆ มือของเธอก็คล้ายกับถูกแกะออกด้วยอะไรนุ่ม ๆ เมื่อก้มลงมองก็เห็นใบหน้ากลม ๆ แทรกอยู่ตรงกลาง “น้าอวิ๋นอุ้มหน่อย” “เดี๋ยวก่อนนะครับ” นิ่มอนงค์เริ่มรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจกับเด็กคนนี้มากขึ้นทุกที แต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการไว้เธอจะแสดงอารมณ์อะไรออกไปไม่ได้ ยังไงก็ยังเป็นแค่เด็กอายุเพียงสี่ขวบ แต่ที่แอบขัดใจอยู่ไม่น้อยก็ตรงที่เหมือนหลานชายของคู่หมั้นดูจะชอบเลขาของผู้เป็นอามากเป็นพิเศษ “ไหน ๆ ก็เจอกันแล้ว ไปหาอะไรทานแล้วนั่งคุยกันหน่อยมั้ยครับคุณอวิ๋น” ปรเมศวร์เอ่ยปากชวน เพราะไม่ใช่ว่าจะได้เจอกันแบบนี้บ่อย ๆ “ก็ดีนะครับ” “ผมให้ทางคุณอวิ๋นเลือกเลยครับว่าอยากทานอะไร” อินทวิชญ์ตวัดสายตามองผู้หญิงที่ยืนกุมมืออย่างสงบข้างปรเมศวร์ก่อนจะยกยิ้มมุมปากหันไปพูดกับคู่หมั้น “น้องนิ่มอยากทานอะไรครับ” นิ่มอนงค์ยิ้มตอบ “อืม ทีแรกว่าจะไปทานโอมากาเสะ แต่ถ้าอยากจะคุยกันสบาย ๆ ไปด้วย ไปทานอาหารอิตาเลียนก็ดีค่ะ เดือนนี้ยังไม่ได้ทานเลย” “อ้อ ที่ชั้นห้ามีร้านอาหารอิตาเลียน เชฟเป็นคนอิตาเลียนแท้ ๆ เลย บรรยากาศดีเห็นวิวเมืองด้วย” ผู้บริหารห้างอย่างปรเมศวร์เอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย หลานสาวที่อายุห่างกันไม่เท่าไรเสริมขึ้น “ใช่ค่ะ ร้านนั้นแหละค่ะอาเมศวร์ที่นิ่มอยากไปทาน พี่อวิ๋นยังไม่ได้ไปร้านนี้กับนิ่มเลย” ประโยคหลังเธอหันไปยิ้มกับคู่หมั้นหนุ่ม สี่หนุ่มสาวกับหนึ่งเด็กน้อยเข้าไปนั่งในร้านอาหารอิตาเลียนในเวลาต่อมา โต๊ะอาหารเป็นเบาะนั่งโซฟาแบบสบาย ปรเมศวร์นั่งอยู่ข้างกับเลขาของเขา อีกฝั่งเป็นนิ่มอนงค์กับอินทวิชญ์นั่งติดกันโดยให้หลานชายนั่งอยู่ด้านในสุดซึ่งเป็นผลดีสำหรับนิ่มอนงค์ แต่สำหรับเด็กวัยกำลังซนที่ชอบขยับร่างกายตลอดเวลามันน่าอึดอัดมาก เด็กน้อยจึงมีท่าทางไม่ค่อยมีความสุขนัก อัยวาเห็นแล้วรู้สึกสงสารเพราะเด็กชายดูท่าจะไม่ชอบที่นั่งตรงนั้นเลย “ให้ดิฉันดูแลคุณหนูระหว่างที่พวกคุณรับประทานอาหารกันก็ได้ค่ะ ตอนที่เดินมาที่ร้านนี้ผ่านร้าน Z ดิฉันเห็นมีชุดอาหารสำหรับเด็กดูน่าทานดีค่ะ ทานเสร็จแล้วจะพาเล่นอยู่บริเวณนี้” ตอนที่นิ่มอนงค์บอกว่าอยากกินอาหารอิตาเลียนที่ร้านนี้ อัยวาก็นึกถึงเมนูของเด็กทันที แม้ว่าจะมีหลายเมนูที่เด็ก ๆ ชื่นชอบอย่างพิซซา สปาเกตตี มะกะโรนี หรือพาสตา ซึ่งเป็นเมนูเบสิกสามารถสั่งได้ที่ร้านแห่งนี้ แต่ถ้าพูดถึงอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก เหล่านี้อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักในความคิดของอัยวา “แน่ใจเหรอว่าคุณจะดูแลเด็กสี่ขวบได้” อินทวิชญ์เผลอใช้น้ำเสียงขุ่นสายตาที่ใช้มองคนพูดแสดงความไม่ไว้ใจ “ไม่ต้องห่วงครับคุณอวิ๋น คุณอัยวาเธอเคยดูแลลูกชายของลูกค้าคนหนึ่งของผม เธอทำได้ดีมาก คุณพ่อคุยงานเสร็จลูกชายยังติดใจทำท่าจะไม่ยอมกลับบ้านเลยครับ” ปรเมศวร์เล่าความสามารถอีกอย่างหนึ่งของเลขาคนเก่งด้วยน้ำเสียงชื่นชมอย่างไม่คิดจะปิดบัง “นิ่มว่าก็ดีนะคะ น้องโฟล์กน่าจะอยากทานของอร่อยสำหรับเด็กแล้วพอทานเสร็จก็จะได้ไปเดินเล่นต่อ มีคุณเลขาช่วยดูแลแบบนี้พี่อวิ๋นก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย อาเมศวร์ก็รับรองอยู่ว่าเธอดูแลเด็กได้ดี” นิ่มอนงค์รีบสนับสนุน โล่งใจมากที่มีคนรับช่วงดูแลเด็กน่ารำคาญนี่ไปเสียที “ถ้าน้องนิ่มคิดว่าดี พี่ก็ไม่ติดครับ” ทุกครั้งที่นิ่มอนงค์ออกความเห็นเขาจะเออออคล้อยตามแฟนสาวอย่างไม่รีรอ ทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขาทั้งรักและตามใจคู่หมั้นมาก สายตาคมตวัดไปมองหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปกำชับหลานชาย “อยู่กับคนอื่นอย่าดื้ออย่าซนให้มากนะเรา” ^ ^ ^ ***ฝากคุณนักอ่านชอบเรื่องนี้ฝากกดติดตาม คอมเม้น กดหัวใจให้เรื่องหน่อยนะค้าาาา พลีสสส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม