ไม่สูงวัย แต่ใจสปอร์ต…6/2

984 คำ
“จ๊ะเอ๋!” เสียงทักทายจากเด็กน้อยไม่ได้ดังรบกวนคนอื่น ทว่านิ่มอนงค์ก็ตกใจ และที่ตกใจยิ่งกว่าคือเด็กที่โผล่ขึ้นมาจากใต้โต๊ะหน้าเหมือนอินทวิชญ์ขนาดย่อส่วน “อุ๊ย!” ชายหนุ่มไม่ได้ห้ามหลานชายเพราะเห็นว่าเด็กน้อยไม่ได้ทำเสียมารยาทอะไรต่อคู่หมั้น ก่อนจะแนะนำว่า “น้องนิ่มครับ นี่หลานชายของพี่เพิ่งกลับมาจากจีนพร้อมพี่สาว วันนี้ขอตามมาด้วยน่ะ...สวัสดีน้านิ่มสิครับโฟล์ก” เขาก้มบอกเด็กชายที่กำลังส่งยิ้มให้ว่าที่น้าสะใภ้คนสวย “หนีห่าว สวัสดีครับ” เด็กชายทักทายทั้งภาษาจีนและภาษาไทยพร้อมพนมมือไหว้อย่างที่ถูกสอนมาอย่างไม่อิดออดลีลา “สวัสดีครับน้องโฟล์ก” สีหน้าเคลือบแคลงของนิ่มอนงค์กลับมาเป็นปกติอีกครั้งเมื่อได้ยินคำแนะนำจากเขา ริมฝีปากเคลือบสีสวยคลี่ยิ้ม “คนนี้นี่เอง เคยได้ยินแต่ชื่อเพิ่งเคยเห็นตัวจริง กี่ขวบแล้วเหรอคะ” หญิงสาวพูดเสียงหวานหันไปยิ้มกับเด็กชายที่หันความสนใจกลับไปที่ไอศกรีมที่เหลือตรงหน้าต่อ “สี่ขวบครับ” “สี่ขวบ โตไวเหมือนกันนะคะ หน้าคล้ายพี่อวิ๋นมากเลย ยังกะพี่อวิ๋นย่อส่วนแน่ะค่ะ” ถ้าเขาไม่บอก เธอก็คิดว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกชายของเขาแน่ ๆ “อือฮึ” เขาครางตอบรับในลำคอ หันไปพูดกับหลานชายที่กำลังขยับตัวจะลงจากเก้าอี้เพราะของกินหมดแล้ว “เจ้ารถเต่าสัญญากับน้าอวิ๋นว่ายังไง” เด็กชายชะงัก หันมายิ้มประจบ “โฟล์กอยากเดินไปดูตรงนั้นนิดเดียวเอง” น้าชายแกล้งทำหน้าขรึม “ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องทำตามนั้น” หลานชายหน้าม่อยกระเถิบตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม อินทวิชญ์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วหยิบของเล่นฝึกสมองสำหรับเด็กออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเล็กของเด็กชาย “โฟล์กแก้ห่วงปริศนาอันนี้ได้หรือยังครับ” “อันนี้ยังครับน้าอวิ๋น” เด็กน้อยยิ้มแป้นรับของเล่นลับสมองชิ้นเล็กจากน้าชายแล้วเริ่มสนใจของในมือ เมื่อจัดการให้หลานชายนั่งอยู่กับที่โดยไม่วิ่งไปมารบกวนคนอื่นแล้ว อินทวิชญ์จึงหันมาถามคู่หมั้นสาว “น้องนิ่มอยากทานอะไรหรือว่าจะไปเดินช็อปอะไรก่อนหรือเปล่าครับ” แม้นิ่มอนงค์จะไม่ค่อยพอใจนักที่ดูเขาจะใส่ใจหลานชายมากจนแทบไม่ได้สนใจเธอ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจอะไรจนเกินงาม ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็เป็นแค่หลานชาย อีกหน่อยแต่งงานไปลูกของเธอกับเขาก็ต้องมาเป็นที่หนึ่ง สาวสวยยิ้มหวานก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล “นิ่มว่าจะซื้อกระเป๋าใหม่สักใบน่ะค่ะ พอดีทาง SA แจ้งมาว่ามีคอลเลกชันใหม่เข้ามาเลยอยากมาดูกับพี่อวิ๋น แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปร้านโอมากาเสะที่เพิ่งเปิดใหม่กัน” คำว่า ‘มาดู’ ก็มีความหมายโดยนัยว่า ‘ให้ผู้ชายจ่ายให้’ แม้ว่าฐานะของนิ่มอนงค์ไม่มีความจำเป็นต้องง้อเรื่องเงินกับใคร แต่เมื่อมีคู่หมั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องควักเงินจ่ายเอง “ได้เลย...ปะ ตัวแสบไปกัน” เขาหันไปตอบรับก่อนจะหันมาบอกกับหลานชายที่เงยหน้าจากห่วงปริศนาพอดี อีกด้านหนึ่งปรเมศวร์กับอัยวาก็กำลังเดินมาที่ช็อปแบรนด์เนมแห่งหนึ่ง ทั้งสองเดินเคียงคู่กันมาเพราะบอสหนุ่มบอกกับเลขาผู้วางตัวดีเยี่ยมเสมอว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลางานให้ทำตัวเหมือนเพื่อนกัน ชายหนุ่มแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตคอจีน กางเกงเข้ารูป สวมรองเท้าหนังแต่ไม่สมถุงเท้า ผมเซตเป็นธรรมชาติไม่ได้เนี้ยบเหมือนเวลาทำงาน ส่วนอัยวาสวมเสื้อสายเดี่ยวสีครีมมีเบลเซอร์ขนาดพอดีตัวสีขาวคลุมทับ ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวเอวสูงสีเดียวกับเบลเซอร์ ปล่อยเรือนผมสีดำสนิทตัดกับผิวหน้าที่ขาวเนียนเรียบ ลุกสวยสะอาดตาจนคนที่เดินข้างๆ นึกชมอยู่ในใจ “ผมให้ของขวัญคุณที่ทำงานหนักกับผมมาตลอดห้าเดือนนี่ด้วยนะ วันนี้อยากได้อะไรก็เลือกได้เลย” อัยวายิ้มก่อนจะตอบ “ไม่เป็นไรค่ะบอส มันเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว” อีกฝ่ายจึงหยอกเย้าเล่น ๆ กลับว่า “ไม่เป็นไร ผมอยากให้อย่าปฏิเสธเลย คุณทำงานกับผมเหมือนจะมีวันหยุดแต่ก็ไม่ได้หยุด ผมขโมยเวลาคุณมาเพราะอยากทำงานให้มันเสร็จ ไม่งั้นเลขาคนก่อนจะทำงานยังไม่ผ่านช่วงทดลองงานก็ลาออกเหรอ” อัยวายิ้มชืด ๆ ถ้าเจ้านายจะตั้งใจให้ขนาดนี้เธอก็ไม่ควรจะปฏิเสธให้มากความ เดี๋ยวเลือกของที่มีราคาถูกที่สุดสักชิ้นก็พอ “ถึงผมจะยังไม่สูงวัย แต่ใจสปอร์ตนะ” เขาหันมายักคิ้วพูดในเชิงหยอกล้อ เลขาสาวถึงกับหัวเราะ “แล้วก็เปย์ไม่ชั่วคราว แต่ระยะยาวและต่อเนื่องไปเลย” คราวนี้คนฟังหลุดหัวเราะคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ที่เจ้านายเล่นมุกกับเธอ ทำงานกับปรเมศวร์มาเข้าเดือนที่หกแล้วเธอยอมรับว่าช่วงแรกงานหนักและเหนื่อยมากจริง ๆ เพราะแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเป็นของตัวเองเลย แต่พอบางโพรเจกต์เริ่มเคลียร์จบเธอก็เริ่มเห็นรอยยิ้มของเขามากขึ้น เธอรู้ว่าเจ้านายที่อายุยังน้อยของเธอคนนี้ต้องต่อสู้กับความกดดันอย่างไรบ้าง ^ ^ ^ คอมเม้น และส่งหัวใจเป็นกำลังใจให้มนสิด้วยนะค้า ขอบคุณค่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม