“นี่ฉัน…นี่ฉันทะลุมิติมาทั้งร่างซิ่วอิงงั้นเหรอ” จิงจิงใช้มือลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
แต่หลังจากสังเกตรอบร้านดี ๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเดินไปทางเคาน์เตอร์คิดเงินซึ่งควรจะเป็นประตูหน้าร้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผนังสีขาวพร้อมบรรยากาศที่คุ้นตาเป็นภาพฉายอยู่บนนั้น
“นี่มัน…ห้องนอนของซิ่วอิงและพ่อแม่นี่นา”
สมองของจิงจิงเต็มไปด้วยความมึนงง ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ทำได้เพียงหมุนตัวรอบ ๆ เพื่อมองร้านนี้ให้ชัดอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหยุดยืนหน้ากระจกเต็มตัวตรงหน้า
“ปวดหัวจริง ๆ…ดูสิหัวโนปูดใหญ่แบบนี้ เว่ยซิ่วอิงอาจตายเพราะเลือดคั่งในสมอง อาจเป็นอาการเลือดออกในสมองอย่างช้า ๆ”
จิงจิงจับจุดที่ยังปูดออกมาราวกับลูกมะนาว เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามสังเกตอาการตัวเอง ตอนนี้เธออยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง หากทุกอย่างนี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง จิงจิงก็ยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!
“ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันน่าจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง ฉันต้องดูแลร่างกายนี้ให้ดีถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่” ว่าแล้วก็รีบหาทางตรวจสอบ
ทันใดนั้นขณะที่กำลังเฝ้ามองหัวที่ปูดเป็นมะนาวนั้น ก็รู้สึกเหมือนลูกมะนาวดูเล็กลงเรื่อย ๆ
“นี่…นี่หรือเป็นเพราะเราอยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง แล้วทำให้ร่างกายนี้ที่ตายไปค่อย ๆ ฟื้นคืนหรือเปล่า?”
จิงจิงไม่แน่ใจแต่ความเวียนหัวคลื่นไส้จากตอนแรกค่อย ๆ หายไป เธอจึงลองเดินสำรวจร้านค้านี้
“บางทีนี่อาจเป็นนิ้วทองของคนที่ทะลุมิติหรือเปล่า” หญิงสาวเดินดูทุกสิ่งโดยรอบ เครื่องสำอางต่าง ๆ ถูกจัดวางเอาไว้ที่เดิมที่เคยเห็นในร้านค้าสาขา
นอกจากนี้เนื่องจากสาขาห้างสรรพสินค้ากงโม่เป็นร้านใหญ่ระดับภูมิภาคทำให้มีหลากหลายส่วน นอกจากเครื่องสำอางเพื่อความสวยความงามแล้ว ยังมีประเภทของน้ำหอม เครื่องอาบน้ำสระผม รวมถึงส่วนของร้านขายยา ‘เภสัชกร’ ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนเวชภัณฑ์ของบริษัทอีกด้วย
“นี่เท่ากับว่าฉันมีของพวกนี้ใช้งั้นเหรอ” จิงจิงตื่นเต้นมาก เดินไปหยิบเอายาล้างแผล ยาทาแก้ช้ำทั้งหลายจากในร้านขายยามา
“โอ๊ย ซี้ด เจ็บจริง ๆ” หญิงสาวนั่งทายาให้ตัวเองอยู่หน้ากระจก ตาก็จ้องมองรอยบวมช้ำที่หัวไปด้วย หัวปูดโนหายไปแล้วจริง ๆ
“ค่อยยังชั่ว คิดว่าฉันจะต้องตายเพราะอาการแทรกซ้อนเหมือนกับเว่ยซิ่วอิงตัวจริงซะแล้ว” เว่ยจิงจิงถอนหายใจโล่งอก
หลังจากครุ่นคิดดีแล้ว หากนี่เป็นร่างจริงที่สามารถเข้าออกมิตินี้ได้ ถ้าอย่างนั้น…
ก๊อก ๆ แอ๊ด~ เสียงเคาะก่อนเปิดประตูทำให้หญิงสาวหันไปดู ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวเบาโหวงวูบหนึ่งคล้ายหน้าจะทิ่มกับพื้น
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็มาปรากฏตัวอยู่นอกมิติเสียแล้ว
“ซิ่วอิง พ่อมาแล้ว มานี่เถอะพ่อเอาข้าวมาให้”
“พ่อ”
จิงจิงสะดุ้งมองไปที่ประตู ก่อนหันมองรอบตัวอย่างสับสน ความมึนหัวค่อย ๆ หายไป หญิงสาวรีบยกมือขึ้นจับจุดที่เคยปูดบวม เมื่อพบว่ามันหายไปแล้วก็พรูลมหายใจออกมา
จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเพื่อดูว่ามีรอยใส่ยาหรือไม่ หลังจากเห็นว่ามียาแก้ฟกช้ำถูกป้ายเอาไว้บาง ๆ ก็ค่อยเบาใจ ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เห็นจะเป็นเรื่องจริง
ก่อนจะทันได้คิดอะไรเสียงบิดาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คราวนี้พ่อเอาผัดผักที่เจ้าชอบมาให้ด้วย กินเยอะ ๆ นะอาซิ่วอิง” เว่ยตงมองบุตรสาวด้วยความรักและรู้สึกผิด
“ค่ะ” จิงจิงรับคำงึมงำ มองผัดผักที่ว่าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เพราะมันแทบไม่ต่างจากผักต้มธรรมดา นอกจากนี้กลิ่นเหม็นเขียวที่ตีขึ้นจมูกทำให้รับรู้ว่านี่ไม่ใช่ผัดผักแต่เป็นผักป่าต้มน้ำเท่านั้น
แน่นอนแหละ ย่าเว่ยจะยอมให้เหม่ยฟางใช้น้ำมันได้อย่างไร ขณะที่โต๊ะใหญ่ได้กินน้ำมันหมูแทบทุกมื้อ แต่ครอบครัวของเธอได้กินแค่ของที่เก็บมาเอง หรือหากอยากกินเยอะก็ทำได้แค่เอาผักมาผัดน้ำเพิ่มเท่านั้น จะเติมเกลือสักนิดยังไม่ได้เลย
“รีบกินเถอะ” เว่ยตงชะงักไปมองค้างอยู่ที่มือของผู้เป็นลูกสาว
จิงจิงรู้สึกสงสัยสายตาของพ่อจึงก้มลงมองเช่นกัน ก่อนต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าตนเองเผลอหยิบอะไรติดมือมาด้วย เมื่อครู่มัวสนใจพ่อเลยไม่ทันได้มองเห็น
“นี่…นี่มันอะไร” เขามองของประหลาดในมือลูกสาวด้วยความแปลกใจแล้วถามขึ้น
“ซิ่วอิงลูกเอาของนี่มาจากไหน นี่ดูเป็นของแพงมาก ๆ ลูกไปเอามาจากห้องของเว่ยหนานหรือเปล่า” ผู้เป็นพ่อไม่อยากมองลูกสาวในแง่ร้าย แต่ก็อดคิดไม่ได้ ในใจเขายังเจ็บปวดเมื่อคิดว่ามีเพียงเว่ยหนานที่สามารถมีของแบบนี้ได้ ขณะที่ลูกสาวของเขาไร้ซึ่งของสวยงามอย่างนั้นในครอบครอง
เว่ยตงไม่มีความคิดที่จะเอาผิดลูกสาว เพียงแต่รู้ดีถึงฐานะของครอบครัวตน และการปฏิบัติที่ได้รับจากปู่ย่า เว่ยซิ่วอิงไม่มีทางมีของแบบนั้นในครอบครองได้อย่างแน่นอน
“ลูกไปเอามาจากไหน ซิ่วอิง บอกพ่อมาเถอะ” เว่ยตงมองลูกสาวอย่างเป็นห่วง หากหล่อนเผลอไปหยิบมาจากห้องของเว่ยหนาน หรืออยากได้จริง ๆ ก็อาจจะหาทางอื่นที่ไม่ใช่การลักขโมยแบบนี้
เพราะนี่ไม่เท่ากับการเพิ่มปัญหาหรือ
หากมารดาของตนรู้ว่าเว่ยซิ่วอิงหยิบของมาจากห้องของเว่ยหนาน ลูกของเขาต้องถูกตีตายแน่นอน
“ซิ่วอิง…”
เสียงเรียกของพ่อทำให้ซิ่วอิงได้สติ เมื่อครู่เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออก แม้จะยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่คิดว่าจะสามารถนำเครื่องสำอางในร้านออกมาในโลกความจริงได้ด้วย คิดว่ามีให้เข้าไปใช้ได้อย่างเดียวเสียอีก
“พ่อคะ อิงอิงบังเอิญเก็บได้เมื่อหลายวันก่อนค่ะ” ซิ่วอิงพยายามขุดความทรงจำ
เพราะทุกครั้งที่ออกจากบ้านมักมีพ่อหรือแม่ติดตามไปด้วยเสมอ แต่มีเพียงเวลาเข้าป่าหาของป่าเท่านั้นที่จะมีช่วงเวลาได้อยู่เพียงลำพังบ้าง และรอบล่าสุดคือเมื่อห้าวันก่อน
“ตอนนั้นพ่อยังจับกระต่ายได้ด้วย” จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาด้วยรอยยิ้มกว้าง “อิงอิงยังได้กินหูกระต่ายเลย อร่อยมาก”
ที่จริงในความทรงจำคือมันรสชาติแย่มากเลยทีเดียว เพราะไม่สามารถแย่งเนื้อส่วนอื่นมาจากโต๊ะใหญ่ได้ ครอบครัวเธอจึงได้รับเพียงเศษเนื้อ แถมยังต้องแยกทำเพราะย่าเว่ยหวงน้ำมันกับเครื่องปรุง
สุดท้ายแล้วอาหารอร่อย ๆ ขึ้นโต๊ะของผู้ชายและคนสำคัญในบ้าน ขณะที่โต๊ะบ้านเว่ยซิ่วอิงนั้นมีเพียงเนื้อกระต่ายรวนไฟ กับต้มผักป่าที่ถูกเรียกปลอบใจว่าผัดผัก
“วันนั้นเอง” เว่ยตงพยักหน้าเข้าใจ จึงไม่เซ้าซี้อีก เขาจดจำวันนั้นได้ดี ดูเหมือนลูกสาวคงเก็บมาได้จากในป่าจริง ๆ
“แต่ถ้ามีคนมาถามลูกก็ควรให้เขาคืนไปนะ อย่าเก็บเอาไว้เลย จะเป็นปัญหาซะเปล่า ๆ”
“ได้ค่ะ” จิงจิงตอบรับอย่างแข็งขัน ถ้ามันเป็นปัญหาก็หลีกเลี่ยงก่อน แต่ถ้าคนมาถามเป็นปัญหาละก็เธอไม่ปล่อยไว้แน่
“เอาละ ลูกกินข้าวเถอะ พ่อกับแม่ต้องไปทำงานแล้ว นอนพักผ่อนให้เยอะ ๆ กินยาแล้วค่อยนอนนะลูกรัก”
“ได้ค่ะพ่อ อิงอิงจะนอนเยอะ ๆ” จิงจิงตอบรับด้วยความว่าง่าย เมื่อพ่อออกไปโดยงับประตูไว้อย่างดี เธอจึงหันมามองตลับแป้งในมือ
นี่เป็นตลับแป้งที่หยิบติดมือมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล เธอยังลองใช้ทาบาง ๆ บนใบหน้าเพราะเนื้อแป้งเป็นแบบบางเบาใช้แล้วไม่หนาเตอะ
นอกจากนี้โชคดีที่บรรจุภัณฑ์เป็นแบบวินเทจและไม่ใช่ลายสวยงามอย่างบางรุ่น ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะปกปิดจากบิดา
“เอาของออกมาได้จริง ๆ งั้นเหรอ” จิงจิงเปิดแป้งดูพบว่ามันยังปกติทุกอย่าง สามารถใช้ได้ตามที่ต้องการ หญิงสาวอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
“แบบนี้ก็ดีสิ ไหนดูซิ…” หญิงสาวลองนึกถึงที่ทำงานเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ อยู่ ๆ ก็รู้สึกเบาโหวงในช่องท้อง แล้วก็มาโผล่อยู่ในร้านอีกครั้ง
ร้านเครื่องสำอางยังคงอยู่ที่เดิม ที่ประหลาดคืออุปกรณ์ทำแผลที่จิงจิงวางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว ดูเหมือนมันจะถูกเก็บกลับเข้าที่
หญิงสาวเดินไปที่เคาน์เตอร์ยา พบว่าแอลกอฮอล์ล้างแผลถูกเติมจนเต็มอีกครั้ง เมื่อหยิบขวดด้านหน้าออกมาก็พบว่ายังไม่ถูกเปิด