บทที่ 8 ทำใจยอมรับวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนัก

1524 คำ
หลังจากพ่อแม่ทำแผลให้ด้วยความรู้สึกผิดแล้วก็ปล่อยให้เด็กสาวนั่งทื่ออยู่บนเตียงเพียงลำพัง เพราะพวกเขาต้องรีบไปขออาหารแบ่งมาให้บุตรสาวอีกครั้ง จิงจิงจึงได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง แต่ก็ดีเพราะตอนนี้หญิงสาวสับสนเหลือเกิน เธอยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากก่อนจะร้องซี้ดออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย นี่มันเจ็บจริง ๆ แปลว่าเราไม่ได้ฝันไป แต่นี่คือความจริงงั้นเหรอ” จิงจิงไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างนี้จะเป็นความจริง โลกใบนี้ ยุค 70 ที่แสนแร้นแค้น ชาวบ้านต้องทำงานในกลุ่มคอมมูนเพื่อแลกแต้ม หากแต้มไม่พอก็ไม่มีข้าวให้กิน หญิงสาวจากยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองจะอดทนอยู่ในสภาพไร้เครื่องใช้ไฟฟ้าว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้คนอดอยากหิวโหย แล้วเธอจะทนอยู่ได้อย่างไร นอกจากนี้ร่างเด็กสาว ‘เว่ยซิ่วอิง’ ยังมีวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนัก หากจะให้เปรียบก็ราวกับว่าเว่ยซิ่วอิงเป็นนางเอกที่ต้องโดนกดขี่ข่มเหงจนผงาดขึ้นในช่วงท้ายนั่นแหละ บังเอิญว่าจิงจิงผู้มาใหม่ต้องรับบทบาทนั้นแทนเสียแล้ว เพราะเว่ยซิ่วอิงคนเดิมทนแรงข่มเหงไม่ไหวจนจากไป ทิ้งไว้เพียงร่างให้อยู่กับวิญญาณหลงยุคคนหนึ่งเท่านั้น หากทุกอย่างนี้เป็นความจริงไม่ใช่ความฝันละก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ทุกอย่างตอนนี้ราวกับมืดแปดด้านไม่มีทางออกดี ๆ ให้เธอบ้างเลย เว่ยจิงจิงรู้ดีว่าการต้องฟันฝ่าอุปสรรคกว่าชีวิตจะดีขึ้นนั้นลำบากแค่ไหน เธอเป็นคนทำงานหาเงินเรียนเองมาตั้งแต่ยังเด็กย่อมรู้ดี แต่ตอนนี้พอคิดว่าต้องมาสู้อีกรอบใจก็แป้วไปแล้วหลายส่วน นอกจากนี้คนในบ้านหลังนี้ยังกดขี่ข่มเหงครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกของเว่ยซิ่วอิงอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงลืมตาอ้าปากเลย แค่จะกินข้าวสักมื้อก็ยากแล้ว เอาง่าย ๆ แค่การทำให้คนในบ้านไม่รังแกเว่ยซิ่วอิงต่อไปก็ยากแล้ว การรับมือกับปัญหาทางด้านศีลธรรมนี่แหละรับมือยากที่สุด เพราะพวกผู้อาวุโสมักจะอ้างเรื่องศีลธรรม ความกตัญญู ซ่อนอยู่หลังคำนั้นแล้วใช้มันทำร้ายชนรุ่นหลังที่พวกเขาต้องการทำตัวเป็นปลิงเกาะทำให้คนรุ่นหลังเหล่านั้นต้องลำบาก เช่นเดียวกับที่พ่อแม่ของเว่ยซิ่วอิงเจ้าของร่างโดนมาตลอดหลายปี ดูอย่างร่างกายนี้สิ มือคู่นี้ทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่เด็กจนหยาบกระด้างแตกระแหงราวกับมือของหญิงวัยกลางคน ร่างเล็กผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกเพราะขาดสารอาหาร ผิวขาวซีดเพราะดูแลเลือดลมไม่ดี เวลาเย็นจัดก็ป่วยร้อนจัดก็ป่วย นอกจากนี้ดูเหมือนมีปัญหามากมายที่เกิดจากการอดอยากและทำงานหนักตั้งแต่เด็ก มีอาการปวดหลังหนักกว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม เจ็บเข่าคงเพราะเคยโดนสั่งให้คุกเข่าเพื่อทำโทษบ่อยครั้ง ยังมีรอยจ้ำบาดแผลทั่วตัวทั้งรอยช้ำเล็กใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าของร่างนี้ทั้งสิ้น! ไม่รู้เลยว่าเจ้าของร่างเดิมต้องทนความเจ็บปวดอย่างนี้มาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง รอดตายมาได้จนมีอายุขนาดนี้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว “มันเจ็บจริง ๆ ฮึก” จิงจิงน้ำตาไหลพรากเมื่อรับรู้ได้ว่าศีรษะของตนปวดหนึบ ยิ่งพอนึกถึงหญิงชราที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น ในเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องแบกรับชะตากรรมของร่างกายนี้แทนเว่ยซิ่วอิงคนเดิมเท่านั้น มีแต่ต้องใช้ชีวิตให้ดี มีอายุยืนยาว ดูเหมือนมีโชคดีหลายอย่าง เพราะขณะนี้ในเมืองเริ่มมีข่าวการปลดล็อกบางอย่างแล้ว อีกไม่นานก็จะมีเสรีการค้า แน่นอนว่านี่ถือเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจและกลายเป็นต้นตระกูลที่ร่ำรวย จิงจิงเป็นคนจากยุคใหม่ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านตามาบ้าง ยังมีความรู้หลากหลายจากนิสัยช่างสังเกตและชอบจดจำวิธีการต่าง ๆ เพื่อเอาอกเอาใจคนรวยพวกนั้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนของเธอ นอกจากนี้ยังมีพ่อแม่ที่พร้อมสนับสนุน แม่อย่างนางเหม่ยฟางนั้นทำอาหารอร่อยจนโดนผู้เป็นย่าอย่างนางหวังซื่อใช้งานทำอาหารให้กินมาตลอดสิบกว่าปีจนเคยชินกับรสชาติหรูหรา แน่นอนว่ารสชาติหรูหราเหล่านั้นได้ขึ้นเพียงโต๊ะใหญ่ของผู้ชายและคนสำคัญในบ้าน นึกถึงตรงนี้ก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ตอนแรกบ้านสกุลเว่ยยังแยกโต๊ะชายหญิง ต่อมาเมื่อเด็ก ๆ เริ่มเติบโตขึ้นก็เพิ่มคำว่า คนสำคัญในบ้านที่มีอนาคต อย่างเช่น เว่ยหนานและอาสะใภ้รองเข้าไปด้วย นั่นทำให้โต๊ะเล็กที่ได้กินเพียงแผ่นแป้งย่างมีเพียงเว่ยซิ่วอิงกับมารดานั่งอยู่สองคน สุดท้ายพ่ออย่างเว่ยตงก็ขอย้ายมานั่งโต๊ะนี้และได้รับส่วนแบ่งเป็นเนื้อชิ้นเล็ก ๆ มาแบ่งแม่และลูกสาวบ้าง ความแตกต่างระหว่างสองครอบครัวเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัวอารองได้รับของดี ๆ ก่อนตลอด เสื้อผ้าหน้าผม เครื่องนุ่งห่ม ของกินของใช้ ขณะที่บ้านของเว่ยซิ่วอิงเหมือนอิงอิงเป็นที่รองรับของสกปรกเหลือทิ้ง แค่คิดก็อดรู้สึกรังเกียจครอบครัวเว่ยมากขึ้นไม่ได้ ไม่เสียใจแม้แต่น้อยที่ออกปากด่านางหวังซื่อไปหลายคำในวันนี้ จิงจิงไม่ใช่เว่ยซิ่วอิงที่จะนั่งยอมให้คนแก่รังแก เป็นย่าแล้วอย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายกล้าตี นางก็กล้าเอาคนเข้าคุกเช่นกัน รอให้นางหาทาง… จิงจิงชะงักไป นางกลับสู่ความจริงอีกครั้ง เว่ยซิ่วอิงเป็นหลานสาว ในยุคนี้ลูกหลานเคารพและเชื่อฟังผู้อาวุโส ตัวนางเองอาจไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่พ่อแม่ล่ะ? เมื่อนึกถึงพ่อแม่ที่แสนอ่อนโยนของเจ้าของร่างเดิม พลันใจอ่อนยวบลง น่าเสียดายทั้งคู่เป็นคนดีแต่มีชะตาอาภัพต้องอยู่ภายใต้การกดขี่ของคำว่ากตัญญู โดนนางหวังผู้เป็นย่าของร่างนี้ใช้งานอย่างหนักจนคิดว่าเป็นศัตรูกันมากกว่าคนในครอบครัว ในอดีตแม้จะลำเอียงบ้างแต่ยังปรานีให้กินข้าวกินปลา แต่ตอนนี้รังแกกันหนักจนบ้านลุกเป็นไฟแทบทุกวัน ใครจะอยู่ไหว พอนึกถึงต้นตอปัญหาก็รู้สึกหนักใจกว่าเดิม เว่ยซิ่วอิงอายุสิบแปดแล้วสมควรแต่งงานได้ แต่ถึงอย่างนั้นการที่โดนบังคับให้แต่งกับพ่อม่ายคนนั้นเธอก็ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้เว่ยหนานยังเคยแอบนำเรื่องมาเล่าให้ฟังว่าพ่อม่ายคนนั้นตีเมียอย่างไรบ้าง ชอบใช้ความรุนแรง แล้วยังใช้ภรรยาราวกับเครื่องมืออะไรสักอย่าง นี่ทำให้เว่ยซิ่วอิงตัดสินใจปฏิเสธเด็ดขาดทั้งที่ปกติเป็นคนว่าง่าย แต่ก็ดีเหมือนกัน หากเว่ยซิ่วอิงยอมแต่ง แล้วเธอต้องมาอยู่ในร่างตอนแต่งงานไปแล้วจะยิ่งลำบากกว่านี้ โชคดีที่ทะลุมิติมาในตอนที่ยังพอแก้ไขได้ ส่วนเรื่องแต่งงานของร่างกายนี้จิงจิงยังไม่คิด เอาไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงชีวิตในชาติก่อนของตน แม้ใช้ชีวิตไม่ง่ายแต่ก็ยังมีโอกาสมากมายให้ไขว่คว้า ผู้หญิงตัวคนเดียวก็อยู่ได้หากรู้จักระมัดระวังและทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเก็บเงินเกือบจะซื้อบ้านมาเป็นของตัวเองได้ สิ่งที่เสียใจที่สุดเห็นจะเป็นโอกาสในหน้าที่การงาน อุตส่าห์ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการสาขาใหญ่แล้วแท้ ๆ แต่ทำไม… วูบ~ อยู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้ามืดราวกับหน้าจะทิ่มพื้น ทั้งร่างล่องลอยครู่หนึ่งราวยืนอยู่กลางอากาศ “แค่ก ๆ ๆ” หวังจิงจิงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่ามีชั้นเครื่องสำอางวางอยู่ตรงหน้า “นี่…นี่มันอะไรกัน” จิงจิงมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น คิดว่าตัวเองกลับมาที่โลกปัจจุบันได้แล้ว เพราะความต้องการแรงกล้าอย่างนั้นเหรอ? แต่ก่อนที่เธอจะได้ดีใจไปมากกว่านี้ ร่างบางชะงักอยู่กลางร้านซึ่งมีเสาใหญ่ติดกระจกเงาเอาไว้ ภาพใบหน้าที่เห็นไม่ใช่เว่ยจิงจิง แต่น่าจะเป็นของเว่ยซิ่วอิง ร่างใหม่ของเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม