ตอนที่ 1 : คู่หมั้นวัยเด็ก
ตอนที่ 1 : คู่หมั้นวัยเด็ก
อาคารของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ความสูง 30 ชั้น ใจกลางเมืองหลวง เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าไฮโซกระเป๋าหนักมานานหลายรุ่น กระทั่งตกทอดมาถึงหลานชายคนเดียวของตระกูลที่มีนามว่า คีริน ปานสุวรรณ ประธานหนุ่มหล่อไฟแรง วัยสามสิบปี ที่มารับช่วงบริหารต่อจากบิดาหลังจากที่เรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก ซึ่งเขาก็สามารถแสดงฝีมือให้ครอบครัวได้เห็นแล้วว่าฝีมือของเขานั้นไม่ธรรมดาเช่นกัน
เพราะนอกจากเขาจะสามารถทำโรงพยาบาลให้เป็นที่น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักจำนวนมากได้แล้ว เขายังขยายสาขาโรงพยาบาลไปทั่วทั้งประเทศเพื่อรองรับคนไข้วีไอพี อีกทั้งยังทำโครงการจิตอาสาช่วยเหลือผู้ป่ายที่ขาดโอกาสทางการรักษาให้มีชีวิตใหม่อีกด้วย
เพราะแบบนี้ นอกจากเขาจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับตระกูลแล้ว ยังเป็นที่สนใจของสาวๆทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ก็ไม่มีสักคนเดียวที่เขาจะมองหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าตอนนี้เขายังเป็นหนุ่มหล่อ รวย ที่ครองโสด ให้สาวๆ มีความหวังกันอยู่นั่นเอง
ณ ห้องทำงานท่านประธานโรงพยาบาล ชั้นที่สามสิบ
หลังจากที่การประชุมใหญ่อันแสนตึงเครียดเมื่อสิบนาทีก่อนได้จบลงไป คีรินประธานหนุ่มหล่อก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เพื่อวางแผนงานต่อโดยไม่คิดจะพัก กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเขาที่วางอยู่ข้างๆ ดังขึ้น เขาจึงเอื้อมมือไปรับสาย ก่อนที่จะพบว่าเป็นสายจากคุณปู่ที่โทรมาคุยเรื่องหลานสาวของเพื่อนสนิท ที่เคยคุยค้างไว้เมื่อหลายวันก่อน
"คุณปู่ว่าไงนะครับ" คีรินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ปู่ทำเรื่องดึงตัวหนูเพลงขวัญมาทำงานที่โรงพยาบาลเราได้แล้วนะ ไว้ถ้าเธอเข้าไปทำงานก็ฝากดูแลให้ดีๆ ด้วยก็แล้วกัน”
"นี่คุณปู่เอาจริงสิ"คีรินไม่อยากจะเชื่อว่าปู่จะหาทางเอาหลานสาวของเพื่อนสนิทมาทำงานกับเขาจนได้ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นก่อนแล้ว
“ก็เอาจริงสิ ขืนปล่อยให้แกดำเนินการเองชาตินี้คงไม่ได้ใกล้ชิดกับหนูเพลงขวัญเขาหรอก ต่างคนต่างก็เอาแต่ทำงานยุ่งแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กันสักที”
"แล้วคุณปู่มั่นใจได้ยังไงละครับว่าถ้าเกิดผมได้ใกล้ชิดกับเธอแล้วจะทำให้ผมรักเธอถึงขั้นอยากเข้าประตูวิวาห์กับเธอ"
ที่คีรินพูดแบบนี้ก็เพราะเขาถูกจับหมั้นหมายกับสาวเจ้ามาตั้งแต่ต่างคนต่างไม่รู้ความ พอโตมาก็เลยโดนผู้ใหญ่ยุให้คบกันและแต่งงานกันจริงๆ แต่ปัญหาอยู่ที่เขายังไม่มีโอกาสพบเจอหน้าเธอ และการหาโอกาสเจอก็ยากเสียเหลือเกิน เนื่องจากเขานั้นงานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
“ปู่ว่าแกจะต้องชอบน้องแน่ๆ เชื่อปู่สิ น้องเป็นถึงแพทย์ผ่าตัดมือหนึ่งของโรงพยาบาลเลยนะ ทั้งเก่ง ทั้งหน้าตาดี เหมือนย่าของแกตอนสาวๆ ไม่มีผิด”
"ผมอาจจะไม่ชอบอะไรเหมือนคุณปู่ก็ได้นี่ครับ"
“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เพราะที่ผ่านมานิสัยของแกเหมือนกับปู่มากกว่าเหมือนพ่อแกเสียอีก ทั้งอาหารการกิน สี ยี่ห้อแบรนด์เสื้อผ้า ของใช้ที่แกใช้อยู่ หรือแม้กระทั่งน้ำหอมแกยังชอบเหมือนปู่เลย”
“ยกเว้นเรื่องคู่ครอง สเปคของผมอาจจะไม่เหมือนคุณปู่"
“ไว้แกได้เจอกับหนูเพลงขวัญเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”
“แปลว่าผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเธอสินะ”
“เอาเป็นว่าตามนี้แล้วกัน ปู่ไม่เถียงด้วยแล้ว ฝากหนูเพลงไว้ด้วยก็แล้วกัน”
พูดจบคุณคณกรก็วางสายใส่หลานชายทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูดอะไรอีก
คีรินได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ พลางโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย หลังจากที่พยายามปฏิเสธการแต่งงานที่เป็นไปไม่ได้ครั้งนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายดูเหมือนจะหนีมันไม่พ้นอยู่ดี
.....................................................
เพลงขวัญ แพทย์หญิงวัยยี่สิบแปดปี เจ้าของใบหน้ารูปไข่ ขาวเนียน ดวงตากลมโต จมูกโด่งเชิดรั้นนิดๆ ริมฝีปากอิ่มสีหวานถูกเคลือบด้วยลิปมันแบบเรียบง่าย ผมยาวสีดำสนิทถูกปล่อยโดยไม่มีการเก็บรวบไว้ให้เรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน ทั้งนี้ก็เพราะวันนี้เธอไม่ได้จะมาทำงาน หากแต่มาเก็บของเพื่อย้ายไปทำงานอีกโรงพยาบาลตามคำขอร้องของคุณปู่เธอ
"คุณหมอเพลงคะ เก็บของเสร็จหรือยัง มีอะไรให้หนูช่วยหรือเปล่า"
เสียงของพยาบาลสาวรุ่นน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยถาม ขณะที่เจ้าของร่างบางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บของใส่กล่อง
"ใกล้เสร็จแล้วค่ะ ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้ว"
"งั้นเดี๋ยวหนูจะไปช่วยเรียกรปภ.ให้มาช่วยขนของไปขึ้นรถแล้วกันนะคะ"
"ขอทำใจก่อนเถอะ ยังไม่อยากไปเลย"
เพลงขวัญรู้สึกใจหายเล็กน้อยเมื่อต้องจากสถานที่ทำงานที่แสนคุ้นเคยนี้ไป หลังจากที่ได้เริ่มงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบกระทั่งถึงวันนี้
"พวกเราก็ไม่อยากให้ไปค่ะคุณหมอ อันที่จริงไม่ไปไม่ได้เหรอคะ"
พยาบาลสาวรุ่นน้องที่คุ้นเคยกับคุณหมอคนสวย อยากจะทักท้วงไว้ แต่ก็เข้าใจดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะหากคุณหมอทำได้ก็คงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว
"ไปไม่ได้หรอก เพราะฉันได้รับปากคุณปู่เอาไว้แล้วว่าจะไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของเพื่อนสนิทท่าน ถ้าฉันทำตามสัญญาไม่ได้ คำพูดของฉันก็จะไม่น่าเชื่อถืออีก"
"หนูรู้ค่ะว่าคุณหมอเป็นคนรักษาสัญญา อันที่จริงหนูเองก็อยากจะตามคุณหมอไปเหมือนกันนะคะ"
"ทำไมล่ะ ทำงานที่นี่ไม่โอเคหรอกเหรอ"
เพลงขวัญย้อยถามด้วยความสงสัย ทว่าคำตอบที่เธอได้รับกลับทำให้ต้องรู้สึกอึ้งปนขำเล็กน้อย
"ก็เพราะท่านประธานโรงพยาบาลที่คุณหมอจะย้ายไป หล่อมากยังไงละคะ"
"ไม่เอาแล้ว ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระแล้ว ช่วยไปเรียกพี่รปภ. มาช่วยขนของเถอะ"
เพลงขวัญตัดบทเพราะไม่อยากจะพูดถึงท่านประธานของโรงพยาบาลใหม่ที่เธอกำลังจะไปทำงาน เธอเองก็ได้ข่าวมาไม่น้อยว่าเขานั้นมีรูปร่างหน้าตาดี แต่ที่เธอไม่อยากพบเจอเขาก็เพราะว่าเขาคือผู้ชายคนที่คุณปู่ของเธอได้จับคู่ไว้ให้เธอตั้งแต่ยังเด็กนั่นเอง และเธอก็เชื่อเหลือเกินว่าที่คุณปู่ของเธอขอร้องให้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของเพื่อนสนิทต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ เพียงแต่เธอยังไม่แน่ใจเลยได้แต่ก้มหน้าทำตามความต้องการของท่านเพียงเท่านั้น
…………………………………………..
คีรินยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดู บ่งบอกว่าอีกห้านาทีก็จะถึงเวลาที่แพทย์หญิงคนใหม่จะมารายงานตัว และวันนี้เขาก็ได้รับการขอร้องจากผู้เป็นปู่ให้มาต้อนรับเธอด้วยตนเอง รวมทั้งต้องพาเธอเดินชมห้องและสถานทีสำคัญต่างๆ ของโรงพยาบาลอีกด้วย ถึงแม้จะมีงานรออยู่เต็มโต๊ะแต่ก็ต้องสละเวลาอันมีค่ามาเพื่อเธอ ในฐานะคู่หมั้นวัยเด็ก
ขณะที่เขากำลังเอนหลังพิงผนังโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับรองแขกพลางหลับตาลงแล้วเคาะนิ้วนับเวลาถอยหลังในใจอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงประตูเปิดปิดและฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามา
คีรินเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ แล้วก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคุณหมอคนใหม่ที่คุณปู่เธอได้จับจองไว้ให้ตั้งแต่เด็กปรากฎตัวตรงหน้า ซึ่งเธอแตกต่างจากที่เขาได้จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนนั้นประกอบไปด้วยเครื่องหน้าที่สวยโดดเด่นสดุดตา เช่นเดียวกับรูปร่างที่บอบบางทว่ากลับมีส่วนโค้งส่วนเว้าชวนมอง เมื่อบวกกับผิวขาวเนียนละเอียดของเธอด้วยแล้วยิ่งทำให้ดึงดูดสายตาของเขาจนแทบจะไม่อยากละสายตาไปไหน
"นี่คือคุณคีริน ท่านประธานของโรงพยาบาลเราครับ"
บรรพตเลขาส่วนตัววัยเดียวกับชายหนุ่ม เอ่ยแนะนำเจ้านายให้กับคุณหมอคนสวยได้รู้จัก พร้อมกับผายมือไปทางท่านประธานซึ่งกำลังทรงตัวนั่งพลางจัดเสื้อสูทให้เข้าที่
"สวัสดีค่ะท่านประธาน"
เธอยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าอย่างมีมารยาท พลางแอบสำรวจใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาเงียบๆ แล้วก้พบว่า เป็นจริงตามที่ได้ข่าวลือมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เป็นที่ดึงดูดสายตาของสาวๆ จริง ทว่าท่าทางนิ่งขรึมของเขากลับแฝงความเย็นชาไว้จนยากที่จะเดาความคิดความอ่านของเขาได้